Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 292

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 292 ขุนศึกเต๋าแห่งดินแดนอันธการ! (ต้น)

C

สนมเอกฮ่องเต้!

เมื่อได้ยินคนตอบมาเช่นนั้น ไป่เจ๋อเหลือบตามองเยี่ยฉวน “ข้าว่าเรื่องนี้ดูท่าจะไม่ค่อยชอบมาพากล” เยี่ยฉวนพยักหน้า ก่อนจะเร่งออกนำไปอย่างรวดเร็ว “กลับไปดูกันเถอะ เร็ว!” จากนั้น คนทั้งคู่ก็ทะยานไปข้างหน้า นำฝูงสัตว์อสูรออกไปอย่างรวดเร็ว

บนยอดเขาแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนยืนมองไปยังเยี่ยฉวนซึ่งนำขบวนตามหลังมาติดๆ แววตาคู่นั้นเฉยไม่แสดงความรู้สึกออกมาชัดเจน ท่ายืนไขว้แขนสองข้างไว้ด้านหลัง อีกคนยืนเยื้องไม่ห่างนักทางเบื้องหลังเป็นชายรุ่นหนุ่ม คนทั้งสอง ผู้หนึ่งคือมู่ซ่วนชิงแห่งฉางมู่ และเซี่ยโหวเต้าศิษย์รุ่นหนุ่มผู้นั้นนั่นเอง

หลังจากเยี่ยฉวนและไป่เจ๋อพร้อมฝูงสัตว์อสูรค่อยลับหายไปในระยะไกล มู่ซ่วนชิงเหลือบมองมาทางคนที่ยืนเยื้องทางด้านหลัง “พวกเรารีบไปจากแผ่นดินชิง มุ่งหน้าไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่กันเถอะ”

เซี่ยโหวเต้ามองคนตรงหน้า ขยับพูดทันที “ท่านอาจารย์……” มู่ซ่วนชิงส่ายหน้าครั้งหนึ่งเป็นเชิงยับยั้ง “เจ้าคือความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของสำนักฉางมู่แห่งต้าอวิ๋น ไปเสียจากที่ที่กำลังจะลุกเป็นไฟนี่เถอะ!”

ฝ่ายศิษย์เมื่อได้ยินถึงกับตกตะลึงด้วยคาดไม่ถึงต่อสิ่งที่กำลังได้ยิน “อาจารย์ พูดจริงหรือขอรับ?” อาจารย์หน้าตึง เสียงถามอย่างใจเย็น “เจ้าคิดว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานะเช่นไร?” เซี่ยโหวเต้าเสียงแห้ง “อาจารย์ สถานศึกษาฉางมู่เพียงเสียขุนศึกเต๋าไป 20 ใช่ว่าพวกเราจะถึงทางตันนี่ขอรับ”

อีกฝ่ายแหงนหน้ามองบนฟ้า ทอดสายตาไปที่ไกล “สถานศึกษาฉางมู่ไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ศัตรูคนนี้เป็นสุดยอดอัจฉริยะ กองกำลังของมันเป็นยอดฝีมือแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเหล่าผนึกยุทธ์ก็ไม่อาจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉะนั้น จึงอาจเป็นไปได้ที่พวกมันจะกวาดล้างกองกำลังของคนรุ่นใหม่แห่งแผ่นดินชิงได้” คนหนุ่มยังมีท่าทางไม่แน่ใจ “แต่อาจารย์ อาณาจักรต้าอวิ๋นรับปากว่าจะช่วยทางเรามิใช่หรือ?”

มู่ซ่วนชิงพูดเสียงอ่อน “พวกเขารับปากเพราะรับรู้สถานการณ์ที่กำลัวเข้าขั้นวิกฤตนี้น่ะสิ เยี่ยฉวนมีคนช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง อีกทั้งได้ผูกมิตรกับสัตว์อสูร ถ้าขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปแคว้นเจียงจะยิ่งแข็งแกร่ง! และนั่นคือจุดมุ่งหมายประการเดียวที่จะไปสู่ขอองค์หญิงเก้ามาอภิเษกสมรส เพื่อจะได้กระชับสัมพันธไมตรีและฉวยโอกาสในการควบคุมแคว้นเจียง เจ้าก็รู้ดีว่าตอนนี้ในแคว้นเจียงองค์หญิงคนนี้มีบารมีสูงส่งขนาดไหน”

หากน้ำเสียงเยาะหยันของเซี่ยโหวเต้าดังตอบมา “แต่แคว้นเจียงไม่โง่ พวกมันไม่ยอมรับแน่นอน” ผู้เป็นอาจารย์เหยียดมุมปากพลางว่า “ถ้าแคว้นเจียงตอบตกลงก็จะเป็นการดีที่สุด หากไม่แล้วล่ะก็ อาณาจักรต้าอวิ๋นจะได้ยกเหตุนี้เป็นข้ออ้างโดยชอบธรรมเพื่อเข้าร่วมสงคราม!”

เซี่ยโหวเต้าเสียงถามอย่างข้องใจ “อาจารย์ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ อาณาจักรต้าอวิ๋นจึงเข้ามาสอดกับปัญหาที่สั่งสมมาช้านานพวกนี้ขอรับ?” มู่ซ่วนชิงกล่าวตอบยิ้มๆ “เพื่อถ่วงดุลย์ยังไงล่ะ อาณาจักรต้าอวิ๋นต้องการเป็นผู้ถ่วงดุลย์ระหว่างแคว้นที่อยู่ล้อมรอบ เวลานี้ แคว้นเจียงมีชัยเหนือแคว้นถังโดยง่ายดาย ถ้าต้าอวิ๋นไม่ป้องปรามไว้แต่เนิ่นๆ ต่อไปแคว้นเจียงจะแผ่ขยายอำนาจมากขึ้น ซึ่งอาณาจักรต้าอวิ๋นย่อมไม่ปรารถนาจะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น”

เขานิ่งหยุดก่อนเสียงเย้ยหยันกล่าวสืบไป “ยังมีสาเหตุอื่นอีก ด้วยบัดนี้แคว้นชูและแคว้นเย่วอยู่ในภาวะหวาดกลัวจนตัวสั่น ถ้าแคว้นเจียงไม่ยอมให้องค์หญิงอภิเษกสมรส อาณาจักรต้าอวิ๋นจะไม่เพียงมีข้ออ้างในการโจมตีแคว้นเจียงเท่านั้น ทว่ายังได้เปรียบดึงแคว้นชูและแคว้นเย่วเข้าเป็นข้าช่วงใช้เสียด้วย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขามีแต่ได้กับได้ หึหึ ฮ่องเต้าเกาซานของเราฉลาดไม่เบาทีเดียว!”

หลังจากจบคำพูดยืดยาว จึงเดินไปตบบ่าผู้เป็นศิษย์ “อีกไม่นานการสู้รบอย่างเข้มข้นแท้จริงกำลังจะเกิดขึ้น สถานศึกษาฉางมู่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์รับรู้ถึงสถานการณ์ตึงเครียดนี้เป็นอย่างดี อีกทางสำนักเราในแผ่นดินชิงก็ถูกทำลายจนพินาศย่อยยับไปแล้ว ไปเถิด จงไปพร้อมนำพาเอาความหวังของฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นไปด้วย” จากนั้น คนพูดได้หันหลังกลับก่อนจะเลือนหายไปในท้องฟ้ากว้างไกล เซี่ยโหวเต้ามือกุมดาบแน่น หากไม่มีเสียงเอ่ยวาจาอีกต่อไป

ไม่นานต่อมาเยี่ยฉวนและไป่เจ๋อนำฝูงสัตว์อสูรกลังมาถึงเมืองชายแดน เมื่อทหารที่กำลังรักษาการณ์อยู่บนกำแพงเมืองมองเห็นคนที่กำลังเข้ามา ก็รีบจัดการเปิดประตูเมืองให้พวกเขาผ่านเข้ามาได้ทันที นอกจากนั้น พวกทหารยังพร้อมในกันแสดงคารวะต่อเยี่ยฉวนด้วย ตอนนี้เยี่ยฉวนนับเป็นผู้มีบารมีสูงมากคนหนึ่งในแคว้นเจียงแล้ว!

เมื่อก้าวเข้าเขตเมือง ไป่เจ๋อได้แยกตัวไปจัดการกับฝูงสัตว์อสูร เยี่ยฉวนจึงตรงลิ่วไปยังค่ายพำนักของเจียงจิ่ว ทันทีที่เข้าไปภายในจึงได้พบว่าผู้เป็นเจ้าของสถานที่กำลังนั่งพิจารณาอะไรบางอย่าง

เจียงจิ่วเงยหน้าขวับขึ้นมอง “เจ้ากลับมาแล้ว?” หลังจากนั้นผู้พูดก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปให้ความสนใจสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ

เยี่ยฉวนก้าวยาวๆ ไปหยุดยืนเบื้องหน้าหญิงสาว “อาณาจักรต้าอวิ๋นส่งคนมาที่นี่ หรือขอรับ?” เจียงจิ่วพยักหน้า “ใช่ แจ้งว่าฮ่องเต้แห่งต้าอวิ๋น จะมาสู่ขอข้าไปเป็นสนมเอก”

เยี่ยฉวนถามรัวเร็ว “ทางแคว้นเจียงตอบว่าอย่างไรขอรับ?” หญิงสาวชะงักนิดหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า “เจ้าเห็นว่ายังไง?” ชายหนุ่มตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดนาน “ท่านเองน่าจะรู้จุดประสงค์ของพวกมันดี”

เจียงจิ่วตอบเสียงแหบพร่า “เจ้าเองน่าจะรู้มิใช่หรือว่าอาณาจักรต้าอวิ๋นแข็งแกร่งขนาดไหน? กองกำลังที่ทรงอานุภาพที่สุดแห่งแผ่นดินชิง ไม่ว่าจะเป็นเขตแดนต้าอวิ๋นหรือดินแดนอันธการ ต่อให้สำนักใหญ่ของทั้งสอง ก็ยังไม่เทียบเท่าอาณาจักรต้าอวิ๋น กองทัพเพลิงโลกันตร์สามารถทำลายแคว้นหนึ่งแคว้นภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน แม้ผู้พิทักษ์แห่งแคว้นหนิงเมื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังเพลิงโลกันตร์ยังไร้ความหมาย!”

ชายหนุ่มถามสวนกลับรวดเร็ว “แคว้นเจียงจะประนีประนอมกับมันหรือขอรับ?” คนตรงหน้าหัวเราะแค่น “การประนีประนอมไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้ข้าแต่งงานไปกับฮ่องเต้แห่งต้าอวิ๋น พวกเขาก็ไม่ปล่อยแคว้นเจียง ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่มีแค่อาณาจักรต้าอวิ๋น ไหนจะสำนักใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการต่างเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว ตามที่สายของข้ารายงาน ตอนนี้สำนักใหญ่ของฉางมู่และดินแดนอันธการได้เข้าพบฮ่องเต้แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋นครั้งหนึ่ง แสดงว่าทั้งสามฝ่ายคงทำข้อตกลงร่วมมือกันบางอย่าง”

เยี่ยฉวนถามกลับเสียงห้าว “ถ้าเช่นนั้นจะตอบอย่างไร?” เจียงจิ่วหันมาทางเยี่ยฉวน น้ำเสียงเคร่งเครียด “อันดับแรกต้องแยกแคว้นชูและแคว้นเย่วออกมา อย่างน้อยเราจะต้องพยายามเป่าหูทั้งสองแคว้น อย่าให้ตกเป็นเหยื่อของอาณาจักรต้าอวิ๋น!”

แคว้นชูและแคว้นเย่ว! เยี่ยฉวนสีหน้าครุ่นคิดขณะพยักหน้าเห็นคล้อยตาม “เข้าใจแล้ว”

พลันนั้นเกิดเสียงดังขึ้นที่ภายนอกค่ายพัก “ท่านแม่ทัพ ผู้นำสารแห่งอาณาจักรต้าอวิ๋นมาถึงแล้วขอรับ” เจียงจิ่วหันไปสบตาเยี่ยฉวน พลางเหยียดมุมปากยิ้มเยื้อน “ดูเหมือนเสด็จพ่อจะส่งมันมาให้ข้าจัดการเป็นแน่ ออกไปพบหน่อยเป็นไร!” เยี่ยฉวนผงกศีรษะ

เมื่อคนทั้งสองเดินออกมาภายนอกค่ายพัก ชายคนท่าทางเป็นขันทียืนรออยู่ด้านหน้า ติดตามด้วยกลุ่มอารักขาเหน็บมีดสั้นนับสิบนาย ทุนคนล้วนพลังสันโดษ! สายตาของผู้เป็นขันทีเขม้นมองเจียงจิ่วตาไม่กระพริบ “องค์หญิงเก้า โปรดทรงคุกเข่ารับพระบัญชาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!