Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 299

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 299 ทำเนียบยอดคนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์! (ปลาย)

C

เมื่อมือสังหารถูกเปิดเผยตำแหน่ง ความกล้าแกร่งจะลดลงอย่างกระทันหัน! อีกมุมหนึ่ง ชายวัยกลางคนซึ่งก่อนหน้าได้ปะทะกับเยี่ยฉวนยืนนิ่งมองด้วยสายตามีแววครุ่นคิดล้ำลึก ทันใดนั้น คนหันหลังให้และหายวับจากไป

สู้ไม่ได้! แรกเริ่มเดิมทีเขาเคยคิดว่าตนมีโอกาสจะเด็ดหัวเยี่ยฉวน และไปรับรางวัลก้อนโตเพราะเขาใกล้บรรลุผนึกยุทธ์เต็มที ถึงกระนั้นเขาได้ค้นพบความจริงข้อหนึ่งในภายหลังว่าถึงแม้ตนจะก้าวถึงครึ่งหนึ่งของผสานเทพแล้ว อย่างไรเสียคงไม่มีทางเอาชนะเยี่ยฉวน

แม้ว่าศีรษะของเยี่ยฉวนจะมีค่าสูง ทว่าศีรษะของตนเองมีค่าสูงยิ่งกว่า ชายวัยกลางคนจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเลือกที่จะเดินกลับออกไป! อย่างน้อยก็ยังไม่สาย!

ทันใดนั้น คนที่ยืนอยู่ในระยะไกลออกไป เจียงจิ่วเพ่งมองที่ไกลสุดขอบฟ้าพลันเสียงตะโกนลงมาจากบนกำแพง “ใกล้เช้าแล้ว! พยายามถ่วงไว้ก่อน!”

ณ ปลายฟ้ามีแสงสว่างรำไร! ตราบใดที่มีแสงสว่าง พวกมือสังหารจะไม่กล้ากระทำจู่โจมลับหลัง “ตายเสียเหอะ!” ขณะนั้นเสียงของเยี่ยฉวนคำรามลั่นมาจากเชิงกำแพง จังหวะเดียวกันแสงแห่งกระบี่สีขาวดุจหิมะแว่บวาบประดุจแสงอสุนีบาตก็ปาน

ฉับ! มือสังหารสวมชุดดำคนหนึ่งถูกสังหารลงในทันที! อย่างไรก็ตาม ลำพังกำลังและฝีมือของทหาร ยังไงก็ไม่อาจต้านทานได้นาน

ตอนนั้นเจียงจิ่วซึ่งจับตามองดูได้กระโดดลงมาจากบนกำแพง ทันทีที่เห็นคนลงไปท่าทางของเหล่าทหารเปลี่ยนไปทันที ทหารทั้งกองพันจึงทะยานตามติดออกนอกกำแพงเมืองไปติดๆ

เจียงจิ่วเห็นเช่นนั้น นางรีบหันกลับมาตวาดเสียงลั่น “ถอยกลับไป!” ทหารเหล่านี้เป็นทหารธรรมดา ไม่อาจต่อกรกับเหล่ามือสังหารได้ ขืนออกมาสู้ก็มีแต่จะออกไปตายเสียเท่านั้น!

การต่อสู้แบบปะทะซึ่งหน้า ทหารอาจได้เปรียบในด้านจำนวน ทว่าในเวลากลางคืนเช่นนี้หากพวกเขาออกไปรังแต่จะถูกสังหารหมู่อย่างทารุณ อย่างไรก็ตาม เวลานี้ไม่อาจหยุดยั้งกองทหาร พวกเขามีหน้าที่อารักขาเจียงจิ่ว

สตรีถลึงตาใส่ทหารที่ติดตามมา พลางตะโกนเสียงดัง “กลับเข้าเมืองให้หมด!” พลันทหารนับร้อยทรุดลงนั่งชันเข่ากับพื้นดินต่อหน้า “พวกเรายอมตายพร้อมท่านแม่ทัพและผู้เยี่ยมยุทธ์เยี่ยฉวน ขอรับ!”

เจียงจิ่วได้แต่จ้องมองกลุ่มทหารอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร พลันหลับตาลงช้าๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ขณะนั้น มีเสียงเยี่ยฉวนพูดมาว่า “องค์หญิง ช่วยพาทหารกลับเข้าเมืองเดี๋ยวนี้!”

หญิงสาวเมื่อได้ยินนางหันขวับไปมองเยี่ยฉวนอีกด้านไม่ไกลนัก ขณะนั้นทั้งเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงได้ถูกล้อมกรอบไว้หมดแล้ว และบรรดากองทหารชั้นยอดก็ต้องอารักขาพวกหลิงฮั่นและคนที่กำลังจะบรรลุขั้นพลัง จึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายกำลังเข้าช่วยเหลือ ในที่สุดฝ่ายศัตรูที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าหาใช่ทหาร ทว่าเป็นมือสังหารชั้นเลิศแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

หากไม่ได้เยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงช่วยเหลือ ป่านนี้กองทหารมีหลังถูกฆ่าล้างบางจนหมดสิ้นแล้ว ในกลุ่มคนที่ล้อมกรอบเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวง มีทั้งพวกที่เป็นมือสังหารและมิใช่มือสังหาร อีกทั้งคนหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาร่วมด้วยในภายหลัง! จึงเป็นที่แน่ชัดว่า บัดนี้มีคนมาจากที่ต่างๆ ทั่วโลก!

เจียงจิ่วได้แต่ยืนนิ่งกำมือแน่น สายตามองตรงมายังเยี่ยฉวน เสียงชายหนุ่มคำรามดังมาอีก “พาทหารกลับเข้าเมืองเดี๋ยวนี้!” กองทัพทหารสามัญไม่มีทางสู้มือสังหารที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ในความมืดได้ สู้ไปมีแต่จะตายเปล่า!

สตรีหันมามาเยี่ยฉวนอีกครั้งริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางประตูเมือง พลันเสียงตวาดอย่างเข้มแข็ง “ตามมา!”

โดยการนำของเจียงจิ่ว ทหารแคว้นเจียงทยอยล่าถอยกลับเข้าหลังกำแพงเมืองจนหมดสิ้น ที่บนกำแพงเมืองเจียงจิ่วจับตาดูพวกเยี่ยฉวนทางเบื้องล่างแววตาแน่วนิ่ง

ขณะเดียวกัน ทหารพากันจับตาดูเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงด้วยเช่นกัน! ไม่มีทหารคนใดเกรงกลัวความตาย ทว่าพวกเขาไม่อาจช่วยเหลือได้!

หมดหนทาง! หมดหนทางช่วยอย่างแท้จริง!

เจียงจิ่วรู้สึกจนปัญญา ลำพังความกล้าแกร่งส่วนตัวนั้นพอที่นางจะออกไปช่วยคนเหล่านั้น ทว่านางก็ออกไปไม่ได้ ในฐานะผู้นำทหารสามเหล่าทัพ คำพูดและการกระทำย่อมมีผลต่อทหารทั้งมวลในเมืองชายแดน หากเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาว จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งยวด ดังนั้นจึงยากที่นางจะออกไปช่วย

เวลานั้นปรากฏเงาของใครคนหนึ่งที่เบื้องหน้าเยี่ยฉวนขึ้นปัจจุบันทันด่วน ชายหนุ่มจึงพลันตวัดกระบี่ฟันด้วยสัญชาตญาณระแวดระวัง!

ตู้ม! สิ้นเสียงระเบิดจากการปะทะ ทั้งเยี่ยฉวนและกระบี่ไถลถอยห่างกว่า 15 จั้ง! เพียงเห็นคนที่ปรากฏ ผู้ที่อยู่บนกำแพงเมืองสีหน้าวูบทันที

ไม่ไกลจากที่เยี่ยฉวนอยู่สักเท่าใด ชายวัยยี่สิบเศษสวมผ้าคลุมสีดำทำจากผ้าไหมทอปักดิ้นเงินทอง คิ้วดำพาดเฉียงเรียวยาวดุจกระบี่ มีดวงตาสุกใสประหนึ่งดวงดาว ในมือถือทวนยาวสีดำสนิทตลอดลำทว่าส่วนปลายเจิดจ้าด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ราวหิมะและรังสีแห่งทวนแผ่ซ่านทอประกายยะเยือกเย็น

เพียงเห็นคนคนนี้ สีหน้าของเจียงจิ่วแปรเปลี่ยนฉับพลัน “หลีมู่หลิน เทพทวนเหมันต์ อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์!”

อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์! เมื่อได้ยินชัดว่าคนผู้มาใหม่คือใคร สีหน้าของใครต่อใครบนกำแพงเผือดวูบ

ทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์! เป็นที่รู้กันว่าทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์เป็นตำแหน่งอันทรงคุณค่าในแผ่นดินชิง การที่มีชื่ออยู่ในอันดับหนึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจอย่างแท้จริง! คนเหล่านี้ถูกเชื้อเชิญให้เป็นอันดับหนึ่งของทำเนียบ! บัดนี้คนที่มองจากบนกำแพง เจียงจิ่วถึงกับหน้าเสียอย่างสิ้นเชิง

หลีมู่หลินจ้องมองเยี่ยฉวนขณะเอ่ยขึ้นลอยๆ “ข้าจัดการเจ้านี่เอง พวกเจ้าไปจัดการคนที่เหลือทางโน้นก็แล้วกัน!”

ทันทีที่หลีมู่หลินพูดจบ ร่างในชุดดำราวยี่สิบพร้อมด้วยอาวุธมีดสั้นปรากฏกายขึ้นในลานโล่ง พลันกลุ่มคนทั้งยี่สิบทะยานตรงไปทางที่หลิงฮั่นและคนอื่นซึ่งกำลังบรรลุขั้นพลังรวมกันอยู่

และที่ปะปนอยู่ในกลุ่มนั้น บางพวกเป็นมือสังหารจากดินแดนอันธกาลด้วยร่างของพวกมันนั้นเกือบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า! เยี่ยฉวนไม่สนใจหลีมู่หลินที่อยู่ตรงหน้า เขาถลันตามกลุ่มคนชุดดำออกไปจากที่ทันที

พลันหลีมู่หลินเมื่อเห็นเช่นนั้น คนแสยะมุมปาก “อยากไปช่วยงั้นเหรอ? อย่าหวัง!” เสียงพูดมิทันจางหาย ร่างของผู้พูดกลับหายวับไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนั้นพลังแห่งปณิธานทวนได้แผ่กระจายไปรอบสถานที่

แต่นั่นไม่สามารถขัดขวางความตั้งใจของเยี่ยฉวน! เมื่อหลีมู่หลินติดตามจนเข้าใกล้ไม่เกินระยะหนึ่งจั้งจากเยี่ยฉวน สตรีสวมชุดสีเขียวพลันปรากฏกายออกทางเบื้องหน้าเยี่ยฉวน ขณะต่อมานั้น–

ตู้ม! ร่างของหลีมู่หลินผงะถอยกลับไปยัง ณ จุดเดิมตั้งแต่แรก สตรีสวมชุดเขียวมองหน้าหลีมู่หลิน มุมปากเหยียดยิ้ม “นี่หรืออันดับหนึ่งแห่งทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ในแผ่นดินชิง? นี่มันคนห่วยแตกชัดๆ ไม่สมควรเป็นอันดับหนึ่งสักนิด!”

จากนั้นนางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “จะบอกให้นี่แหละ ว่าข้ามาจากทำเนียบยอดคนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์……จงรู้ไว้ซะ!”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!