บทที่ 305 ใครมันบังอาจทำร้ายพี่ข้า!
……
สุดยอดฝีมือสามคน!……
……
เยี่ยฉวนเอียงหน้าไปทางคนที่กำลังยึดกระบี่หลิงซิ่ว สายตาของเขาจับจ้องแน่วไปยังกระบี่หลิงซิ่วซึ่งขณะนั้นสั่นสะเทือนรุนแรง อย่างไรก็ตาม กระบี่ไม่สามารถสะบัดหนีจากฝ่ามือที่ประกบแน่นได้อยู่ดี อีกด้านไม่ไกลนัก ปรากฏชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่าสวมชุดสีเทา รูปร่างผอมสูงและมีห่วงเหล็กสีดำเป็นพวงคล้องรอบแขน……
..
ในความมืดยังมีมือเกาทัณฑ์อีกคน ทั้งสามคนล้วนยอดยุทธ์ขั้นสุดยอดผสานเทพ! เป็นพลังผสานเทพที่ไม่ธรรมดา! คนทั้งสามเป็นสุดยอดฝีมือแห่งทำเนียบยอดคน พูดถึงความกล้าแกร่งโดยเฉลี่ยของทุกคนไม่ได้ด้อยกว่าเยี่ยฉวนเลย ถ้าพวกเขาประสานพลังเข้าจู่โจมพร้อมกัน เยี่ยฉวนคงต้านไม่ไหว!
ตอนนั้นเยี่ยฉวนค่อยกำหมัด ขณะที่พลังปฐพีกำลังพร่างพรูเข้าสู่ร่างกายและรังสีแห่งจิตวิญญาณการต่อสู้เริ่มแผ่กระจายออกสู่ภายนอก ต้องสู้! ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับสามสุดยอดฝีมือแห่งทำเนียบยอดคน เขาก็ไม่เคยหวั่นไหว ด้วยตนนั้นมีเพียงสิ่งเดียวคือจิตวิญญาณการต่อสู้!
เขาจะถอยหรือจะตายไม่ได้! เพราะหากเยี่ยฉวนถอยหรือตาย หลิงฮั่นและคนข้างหลังจะต้องตายไปด้วยเป็นแน่! ต้องสู้! ความคิดวูบขึ้นในใจพลันสีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมทีละน้อย ทันใดนั้น เขาขยับยกกระทืบฝ่าเท้า
ตู้ม! เบื้องใต้ฝ่าเท้าพื้นดินถล่มยุบและแตกออกจากกัน!
ฉับพลันนั้นเยี่ยฉวนทะยานพรวดออกไปข้างหน้า ก้าวเดียวเขาเกือบไปปรากฏอยู่ต่อหน้าคนที่กำลังยึดกระบี่ คนผู้นั้นหรี่ตาชำเลืองมอง เขาจำต้องปล่อยมือผละจากกระบี่หลิงซิ่ว พลันก้าวเท้าออกไปพร้อมผลักหมัดกระแทกใส่เยี่ยฉวน
ขณะนั้น แขนเสื้อฝั่งขวาของเยี่ยฉวนเกิดปรากฏรอยฉีกขาดจนเศษผ้าปลิวกระจาย ด้วยพลังมหาศาลพุ่งพรวดขึ้นสู่ท่อนแขนอย่างฉับพลัน
อำนาจมังกร!
ในขณะที่เยี่ยฉวนดึงพลังภายในออกมา เป็นอำนาจแห่งมังกรจากตราสัญลักษณ์ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นซึ่งทัวป้าฝู่มอบให้ไว้! เมื่อเกิดการประสานพลังอำนาจกองทัพมังกรและพลังปฐพี แขนข้างขวาของเยี่ยฉวนต้องแบกรับพลังจนเกินขีดความสามารถ กระทั่งแม้แต่เนื้อหนังที่ห่อหุ้มก็เริ่มปริแตกโลหิตสาดกระเซ็นออกมาจากบริเวณเนื้อแตก!
พลังหนักหน่วงรุนแรงยิ่ง! ปัง! ทันทีที่หมัดสองหมัดของคนสองคนปะทะกัน ร่างของคู่ต่อสู้ถอยผงะไปไกลกว่า 45 จั้ง เมื่อร่างนั้นตกจากอากาศกระแทกกับพื้น จึงเห็นว่าแขนข้างขวาคนผู้นั้นฉีกอ้าออก! เมื่อเห็นชายคนแรกกระเด็นไป พลันคนชุดเทาซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่งก็พุ่งเข้ามาเตะพลั่กเข้าที่บริเวณกลางลำตัวเยี่ยฉวนทันที
ตู้ม! เยี่ยฉวนผงะกระเด็นไป ขณะเดียวกันลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งออกจากความมืดตรงเข้าหา ทันทีที่เยี่ยฉวนทะยานลงถึงพื้น ลูกศรได้พุ่งพรวดมาถึงบริเวณอกเสื้อแล้ว แต่เพราะมีเกราะแห่งปฐพีช่วยสกัดกั้นไว้ได้ ถึงกระนั้นเนื้อหนังถายใต้เสื้อเกราะก็ยังปริเป็นแผลแตก! เสื้อเกราะแห่งปฐพีก็ไม่อาจต้านทานพลังของลูกศรได้ทั้งหมด!
เยี่ยฉวนผุดลุกขึ้นยืนขณะนั้นกระบี่หลิงซิ่วทะยานเข้าสู่มือซ้าย เพราะมือข้างขวาเกิดแผลแตกยับ พลันคนชุดเทาปรากฏออกเบื้องหน้าเยี่ยฉวน ในเวลาเกือบพร้อมกันลูกศรอีกดอกพุ่งออกมาจากความมืด คนชุดเทาข้างหน้ายันขาขวาไปทางหลังขณะทรงตัว ก่อนจะผลักออกหมัดกระแทกไปข้างหน้าพร้อมกันทั้งสองข้างส่งให้ห่วงเหล็กที่คล้องในลำแขนปลิวสะบัดออกมาทันที
เยี่ยฉวนตระหนักรู้แก่ใจถึงพลังหนักหน่วงของห่วงเหล็ก ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยก่อนพลิกข้อมือข้างซ้ายฟาดกระบี่หลิงซิ่วในมือทิศทางจากบนลงล่าง เวลานี้เขาตัดสินใจใช้เพียงพลังปฐพี ด้วยไม่กล้าดึงพลังอำนาจมังกรซ้ำสองอีกครา! ด้วยสภาพร่างกายที่อาจไม่เอื้ออำนวยในการประสานสองพลัง! กระบี่ตวัดฟาดฉับพลัน
ตู้ม! กระบี่หลิงซิ่วสะท้านทะเทือนพร้อมกับร่างของเยี่ยฉวนซึ่งละลิ่วลอยไปไกลกว่า 15 จั้ง ทันที! หากพอคนหยุดลงในที่ พลันลูกศรหนึ่งพุ่งเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว! ชายหนุ่มกระพือเปลือกตาทั้งสองข้างขึ้นเมื่อเห็นแน่ว่าจวนตัว ทันใดนั้น ลูกศรซึ่งแหวกอากาศธาตุตรงดิ่งเข้าหาพลันระเบิดสนั่น ทิ้งระยะห่างจากกึ่งกลางหว่างคิ้วของเยี่ยฉวนไม่กี่กระเบียด!
เขากระถดถอยห่างออกไปหลายจั้ง ขณะนั้นเองที่บริเวณระหว่างคิ้วหยาดโลหิตค่อยๆ ซึมที่ละน้อยที่สุดก็ไหลเป็นทางยาว! พลังเริ่มถดถอยเสียแล้ว! ด้วยการต่อสู้ครั้งนี้ เยี่ยฉวนต้องใช้พลังกายอย่างหนักหน่วง! ประกอบกับสภาพบาดเจ็บตามเนื้อตัวร่างกาย เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของเยี่ยฉวนกำลังย่ำแย่!
ทันใดนั้น ชายคนที่มีอสรพิษแดงพันรอบแขนที่ยืนอยู่ในระยะไกลวูบหายไปจากที่ หากเมื่อคนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งได้ออกมาประจันหน้าเยี่ยฉวนแล้ว พร้อมกันกับกระแทกส่งกำปั้นซ้ายสู่เป้าหมายกลางศีรษะเยี่ยฉวน ขณะที่หมัดพุ่งลงมา พื้นที่ว่างบังเกิดอากาศสั่นไหวด้วยคลื่นพลังเบียดแทรกธาตุอากาศ!
เยี่ยฉวนเหลือบมองมุมปากบิดยิ้มเหี้ยม หากมิได้กระถดถอยแทนที่เขาเสือกพรวดกระบี่หลิงซิ่วในมือออกไป! หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา! หนึ่งปะทะตรงใจกลางฝ่ามือของอีกฝ่าย
ตู้ม!
พลังแรงส่งผลให้พื้นดินใต้เท้าของคนทั้งสอง เยี่ยฉวนและฝ่ายตรงข้ามยุบฮวบลงในบัดดล! ทันใดนั้น อสรพิษแดงเหินจากที่กำลังพันรอบแขนคนพุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็ว ความรวดเร็วของมันเหนือกว่ากระบี่หลิงซิ่งของเยี่ยฉวน ณ เวลานี้ ดังนั้น มันจึงพุ่งเข้าหาตัวคนและหายวาบเข้าภายในบริเวณอกเสื้อโดยที่เยี่ยฉวนไม่ทันตั้งตัว!
เมื่ออสรพิษเข้าสู่ร่างกาย เยี่ยฉวนพลันสะดุ้งเฮือกจากนั้นเขาหยุดนิ่งตัวแข็งไปขณะหนึ่ง! จังหวะเดียวกันกับที่ปรากฏเงาดำทะมึนวูบวาบขึ้นในบริเวณลาน พลันฝ่าเท้าปริศนากระแทกเข้าที่กลางลำตัวของชายหนุ่ม
ตู้ม! ร่างเยี่ยฉวนกระเด็นไปไกล! เจ้าอสรพิษร้ายเมื่อเข้าสู่ภายในร่างกาย มันตั้งท่าจะกัดกินอวัยวะภายในตามวิสัย ทว่าเหมือนมันจะรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างจึงหายวับไป ทว่าทันทีที่อสรพิษแดงปรากฏตัวอีกครั้ง มันจึงพบว่ามันเข้ามาอยู่ในหอคอยแห่งเรือนจำแล้ว!
ทันทีที่สายตาของอสรพิษเห็นภาพของหอคอยอะไรบางอย่างทำให้มันชะงักหยุด ต่อมาแววตาของเดรัจฉานกลับฉายแสงแห่งความหวาดกลัว สัญชาตญาณการป้องกันตัวทำให้มันพยายามจะเลื้อยหนี ฉับพลันนั้นอุ้งเท้าประหลาดพุ่งเข้ามาขยุ้มตรึงร่างของมันให้หยุดอยู่กับที่
อสรพิษแดงหวาดกลัวสุดขีด ร่างสั่นเทิ้มด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง พริบตาหนึ่งก็ปรากฏว่ามีแผ่นกระดาษปลิวมาตกลงเบื้องหน้า บนกระดาษมีรูปภาพอุ้งเท้าสัตว์และรูป ‘?’ ขนาดใหญ่เต็มแผ่น อสรพิษมองดูด้วยความสับสนงุนงงในแววตา สิ่งนี้มีความหมายว่าอย่างไร?
ในตอนนั้นเอง กระดาษแผ่นหนึ่งละลิ่วมาตรงหน้าเจ้าอสรพิษแดงอีกชิ้น ซึ่งยังมีรูปอุ้งเท้าและ ‘?’ อันใหญ่เหมือนเดิม สัญชาติเดรัจฉานอย่างอสรพิษแดงมีหรือจะเข้าใจความหมาย? มันทำท่าส่ายหัวเรียวยาวไปมา! พลันอุ้งเท้าที่กำลังขยุ้มอยู่บนร่างนั้น ขยับกดแรงขึ้นกว่าเดิม
ตู้ม! ร่างอสรพิษระเบิดออกทันทีและกลายเป็นหมอกโลหิตแดงฉานฟุ้งกระจาย ที่ภายนอกหอคอยแห่งเรือนจำ เยี่ยฉวนทรุดฮวบลงไปที่พื้น จิตใต้สำนึกยามนี้สั่นเทิ้มอยู่ภายใน……เป็นเพราะเขารับรู้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหอคอยแห่งเรือนจำ เพราะอสรพิษร้ายตัวนั้นไม่รู้แน่ชัดว่ามันกำลังเผชิญหน้ากับยอดยุทธ์ที่อยู่บนชั้นที่สอง ดังนั้น มันจึงต้องเป็นฝ่ายจากไป
เมื่อมาคิดแล้ว อันที่จริงบางสิ่งอยู่บนชั้นสองนับว่าไม่เลว……ความรู้สึกเช่นนี้ของตนเอง ทำให้เยี่ยฉวนถึงกับตะลึง! แต่เขาไม่มีเวลาใคร่ครวญมากนักในตอนนี้ จึงรีบยันกายลุกขึ้นด้วยไม่ลืมว่าเวลานี้กำลังเผชิญหน้าอยู่กับสามสุดยอดฝีมือ
หนึ่งสู้สาม! จะเอาชนะได้หรือ? ดูเหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าไม่มีทาง……
ขณะนั้น เยี่ยฉวนหันไปมองลู่ป้านจวงซึ่งต่อสู้อยู่ไม่ไกลนัก นางสามารถหยุดการจู่โจมของชายวัยกลางคนไว้ได้ จากที่เห็นชายคนนั้นก็คงไม่สามารถเอาชนะนางได้ ทว่าฝ่ายหญิงสาวเองก็ใช่ว่าจะสังหารคนผู้นั้นได้ในระยะเวลาอันสั้น! ขณะที่สตรีเสื้อเขียวก็ยังถูกฝ่ายตรงข้ามสกัดกั้นอยู่เช่นนั้น และหลิงเยว่ดูท่าว่าสถานการณ์ไม่แตกต่าง!
ดังนั้น เวลานี้ไม่มีใครจะช่วยใครได้! เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด บัดนี้มีเพียงตนเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งให้แก่ตน! ขณะนั้นชายผู้ที่เป็นเจ้าของอสรพิษแดงซึ่งยืนอยู่ในระยะไกล จ้องเขม็งตรงมาที่เยี่ยฉวนสายตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง เสียงรำพึงกับตัวเอง “เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าไม่เป็นอะไรเลย!”
อสรพิษร้ายตัวนั้นเป็นสัตว์อสูรผสานเทพ มันสามารถกัดกินอวัยวะภายในที่สำคัญทั้งห้าของมนุษย์ ทันทีที่มันเข้าสู่ร่างกายจะกัดกินอวัยวะภายในทั้งห้าอย่างรวดเร็ว! มนุษย์จึงมักใช้สัตว์ชนิดนี้เป็นไม้ตาย! อย่างไรก็ตามพลังจากเจ้าอสรพิษร้ายพุ่งเข้าสู่ภายในเยี่ยฉวน กลับจางหายไปอย่างน่าประหลาด และไม่โผล่กลับออกมาอีกเลย!
ความจริงเยี่ยฉวนนึกขันในใจไม่น้อย บางทีเขาน่าจะสวดภาวนาสักหน่อย ขอให้หอคอยแห่งเรือนจำช่วยจัดการเก็บคนพวกนี้ไปให้หมด แต่แล้วเขาก็ไม่กล้า! เมื่อใดที่เขาสวดภาวนาเรื่องไม่ดีจะเกิดขึ้น! นอกจากนั้นอาจารย์หญิงเซียนกระบี่เคยสั่งห้ามไว้เด็ดขาด ฉะนั้นถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงถึงกับเป็นตาย อย่าได้สวดภาวนาต่อหอคอยแห่งเรือนจำ
ถึงกระนั้นการที่เจ้าอสรพิษแดงพุ่งเข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำเป็นเรื่องที่เยี่ยฉวนเองไม่คิดมาก่อน……หลังจากที่มันเข้าสู่ภายใน มันไม่ได้กัดกินอวัยวะภายในทั้งห้าเยี่ยงวิสัยของมัน หากมันกลับรับรู้ความมีอยู่ของหอคอยแห่งเรือนจำจากนั้นจึงไปต่อซึ่งกลายเป็นผลดี แต่มันอาจไม่เข้าใจการสื่อความของยอดยุทธ์บนชั้นสอง ไม่ใช่ว่ามันพยายามแล้วหรือ?
ความจริงแล้วเยี่ยฉวนเองก็รู้สึกขนลุกขนชันอยู่เหมือนกัน บางทียอดยุทธ์บนชั้นสองอาจให้อภัยและช่วยเขาเพราะเห็นแก่เซียนกระบี่หญิงหรือหอคอยแห่งเรือนจำ ไม่เช่นนั้นเขาเองก็ต้องจบชีวิตไม่ต่างกับอสรพิษแดงตัวนั้น!
ขณะนั้น คนสวมชุดเทาที่อยู่เบื้องหน้าพลันแยกขาออกจากกัน เปรี๊ยะ! พื้นผิวดินในบริเวณเริ่มสั่นไหวแรงขึ้นๆ จากนั้นเขาลดฝ่ามือตีลงบนพื้นดินเต็มแรง ส่งให้ห่วงเหล็กที่มือกระแทกพื้นอย่างแรง
ตู้ม! แผ่นพื้นใต้เท้าของเยี่ยฉวนปริแตกเปิดออก พลันพลังประหลาดพร่างพรูจากพื้นดิน ภายในห่วงเหล็กทั้งสิบมีพลังขัดม้วนอยู่ข้างในห่วงเหล็กทุกห่วง จนกลายเป็นห่วงเหล็กทรงพลังยากเกินต้านทาน! ซึ่งเยี่ยฉวนรับรู้ถึงพลังของห่วงเหล็ก ยามนี้เขาจะไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว เช่นนั้นจึงผลักกระบี่หลิงซิ่วพุ่งออกไปเต็มแรง
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เยี่ยฉวนใช้ทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตา ถึงแม้สภาพร่างกายในขณะนี้จะไม่เอื้ออำนวยให้ใช้กระบวนท่ากระบี่สักเท่าไร หากเป็นเพราะเขาก็ไม่มีทางอื่น! เพราะว่าถ้าเข้าสกัดกั้นคู่ต่อสู้ไว้ไม่ได้ ก็มีแต่ตาย!
เยี่ยฉวนกระชากกระบี่ ตวัดวาบจากบนลงล่าง! ปัง! ห่วงเหล็กประจุพลังทั้งสิบแตกละเอียดทันทีที่ปะทะกับพลังกระบี่ แต่นั่นก็ส่งให้ร่างของเยี่ยฉวนปลิวกระเด็นไป ฉับพลันลูกศรทองคำพุ่งวาบออกจากความมืดแห่งรัตติกาลมาอีก ด้วยความเร็วประหนึ่งสายฟ้ามันทะยานเข้าหาเยี่ยฉวนเพียงกระพริบตา!
ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาฉับพลัน ลำแสงกระบี่สองลำพุ่งตรงออกไปถึงกระนั้นลำแสงกระบี่หนนี้หาได้กล้าแกร่งเช่นที่แล้วมาไม่! ด้วยขณะนี้เยี่ยฉวนใช้พลังเกินพิกัดไปเสียแล้ว! สองลำแสงกระบี่ปะทะลูกศรทองคำเข้าอย่างจัง พลันทำให้ลูกศรสั่นอย่างแรงทว่าลำแสงกลับระเบิดกระจาย
ลูกศรจึงมุ่งหน้าต่อไปยังเป้าหมาย! ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นสีหน้าวูบลงเล็กน้อย เขากัดฟันผลักกระบี่หลิงซิ่วเข้าหาลูกศร และพลังลูกศรมิอาจต้านทานจึงค่อยแตกร้าว ทว่าฉับพลันนั้นมีลูกศรอีกดอกพุ่งวาบมา! รวดเร็วยิ่งนัก!
เยี่ยฉวนกัดฟันกรอดขณะหมุนตัวรวดเร็ว หลบหลีกภาวะคับขันอันตราย……ฉึก! ร่างของเขากระเด็นไปกว่า 15 จั้ง อีกทั้งลูกศรทองคำดอกนั้นได้ปักเข้าที่บริเวณหัวไหล่!
ทันทีที่ร่างตกกระแทกพื้น เยี่ยฉวนใช้แขนข้างซ้ายยันพื้นและดีดตัวขึ้นสู่อากาศ ขณะเดียวกันคนชุดเทาปรากฏวูบขวางหน้าพร้อมกับถีบฝ่าเท้าเตะใส่อย่างรุนแรง
ชายหนุ่มมิได้สกัดลูกถีบกลับใช้ร่างกายรับพลังเตะของคนตรงหน้า และขณะที่ร่างของเขาผงะออกกระบี่หลิงซิ่วสะบัดฟันเข้าบริเวณท่อนขาของอีกฝ่าย แต่โชคไม่เข้าข้าง เพราะเยี่ยฉวนไม่สามารถตัดขาของคนด้วย กระบี่ทันทีที่สัมผัสกับท่อนขา ชายคนนั้นพลันดีดตัวถอยห่างไปกว่าสี่จั้ง!
นับเป็นอีกครั้งที่เยี่ยฉวนกระเด็นไปเกือบ 15 จั้ง เมื่อเขาพยุงตัวขึ้นยืนจึงเห็นรอยคราบโลหิตซึมออกมาที่มุมปาก……และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล! เมื่อมองเห็นจากในระยะห่างออกไป ชายสองคนพลันหายวับจากที่พร้อมกัน
เยี่ยฉวนบิดมุมปากแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ขณะที่เขาทำท่าจะออกปะทะ หลิงฮั่นที่อยู่ด้านหลังผุดลุกพรวดขึ้นยืน พร้อมกับพุ่งเข้าหาคนสองคนข้างหน้า “ไอ้ระยำคนไหนบังอาจทำร้ายพี่ข้า!”
“ใครกล้าทำร้ายพี่ใหญ่!” เสียงของใครต่อใครหลายคนดังเป็นทอดๆ จากด้านหลัง



