Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 340

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 340 ก่อตั้งกองกำลังขุนศึกเต๋า! (ต้น)

C

คำพูดเพียงหนึ่งประโยค สามารถปลุกคนให้ตื่นจากภวังค์! อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของโม่อวิ๋นฉี ได้สะกิดใจเยี่ยฉวนจนชายหนุ่มฉุกใจคิดขึ้นได้ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เยี่ยฉวนกระโจนพรวดขึ้นหลังสุนัขป่ายักษ์ พลันกระตุ้นให้ห้อตะบึงออกไปอย่างรวดเร็ว การดำรงอยู่ในยุทธภพ สิ่งหนึ่งที่พึงยึดถือ คือ อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดมาบั่นทอนความรู้สึกดีๆ ของคนที่เข้ามาในชีวิต!

เจ้าสุนัขป่าที่เยี่ยฉวนใช้เป็นพาหนะนั้นมีสมรรถนะความเร็วเหนือกว่าม้าทั่วไป ดังนั้น เพียงชั่วระยะไม่นาน เงากลุ่มก้อนของกองทัพม้าแคว้นหนิงได้เริ่มปรากฏให้เห็นรำไร กองทัพม้าที่มีทัวป้าเหยียนเป็นผู้นำ นายทหารที่ควบม้าขนาบอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาทมีคนกำลังไล่ตามพวกเรา ดูเหมือนจะเป็นคนแคว้นเจียงที่ชื่อเยี่ยฉวนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้หญิงไม่กล่าวตอบว่ากระไร และยังกระตุ้นม้าควบเร็วขึ้น นายทหารคนนั้นจึงไม่กล้าทักท้วงอีก ได้แต่ควบม้าตามมาข้างหลัง ขณะนั้นเยี่ยฉวนเร่งความเร็ว กระทั้งเข้าใกล้กองทัพม้าแห่งแคว้นหนิงเข้าทุกที บรรดาทหารในขบวนหลายคนหันมองมา ทว่าหามีใครทักท้วงและคงไม่กล้าทักท้วงและปล่อยให้เขาผ่านเลยขึ้นไปข้างหน้า

ความโด่งดังของเยี่ยฉวนมิได้มีแค่ในแคว้นเจียง หากยังทะลุทะลวงไปถึงแคว้นหนิงอีกด้วย ภาพที่เขาฉีกร่างของหลี่มู่ออกเป็นสองซีกด้วยมือเปล่าอย่างง่ายดาย ยังประทับรากฝังลึกอย่างมิอาจลืมเลือนในความทรงจำของทหารหาญ ช่างเป็นคนที่น่ากลัวนัก!

เมื่อเยี่ยฉวนไล่ตามมาจนทัน เขาจึงขับสุนัขป่าออกมาขวางทางม้าของทัวป้าเหยียนไว้ โดยทิ้งระยะห่างจากกำลังพลทหารม้าที่ติดตามอยู่ทางเบื้องหลัง ถึงกระนั้น ฮ่องเต้หญิงยังไม่ยอมผ่อนม้าลงแม้แต่น้อย กลับควบหนีทิ้งห่างไปอย่างรวดเร็ว!

เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยฉวนขยิบเปลือกตาพลางนิ่วหน้า “นางคิดอะไรกันแน่?” พลันสุนัขป่าโผนทะยานตามติดด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่า มิหนำซ้ำส่งเสียงคำรามประกายตาวาววับอย่างดุร้าย เมื่อระยะทางระหว่างของคนทั้งสองเหลือเพียงไม่ถึงสี่จั้ง! เยี่ยฉวนดีดตัวขึ้นสู่อากาศต่อมา เขาได้ทะยานลงบนหลังม้าตัวเดียวกันและซ้อนประกบทางด้านหลังของทัวป้าเหยียน เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่ากระเถิบหนี เยี่ยฉวนเอื้อมมือโอบเอวบางไว้แน่นพลันกดริมฝีปากชิดหลังใบหูเสียงพูดกระซิบ “ขอโทษนะ……” ขณะหญิงสาวนั่งนิ่งตัวแข็ง

ครู่ใหญ่ต่อมา ม้าทะยานนำพาคนสองคนห่างจากกองทัพติดตามมาไกลหลายสิบจั้ง ท่ามกลางสายตางุนงงของเหล่านายทหารและพลม้าทางด้านหลัง……ในที่ไกลออกไป ม้าของเยี่ยฉวนและทัวป้าเหยียนเริ่มชะลอฝีเท้าช้าลงเปลี่ยนเป็นเหยาะย่าง สีหน้าของฝ่ายสตรีเรียบเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึก มีเพียงแววตาเยือกเย็น ขณะที่ส่วนกลางลำตัวมีแขนและฝ่ามือของเยี่ยฉวนอ้อยอิ่งอยู่บริเวณเอวของคนข้างหน้า แต่นางไม่มีทีท่าว่าเดือดร้อนกับอากัปกิริยานั้นเลยสักนิด

คนสองคนนั่งอยู่บนหลังม้าซึ่งกำลังเหยาะย่างเป็นจังหวะไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เป็นเวลาเดียวกับดวงอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า บรรยากาศเงียบสงบท่ามกลางขุนเขาและป่าดงพงไพร คนทั้งสองเอาแต่นิ่งเฉย กระทั่งเยี่ยฉวนทำลายความเงียบขึ้นก่อน “ขอโทษ!” ทัวป้าเหยียนยังไม่พูดไม่จาเช่นเดิม

เยี่ยฉวนจึงกดปลายเท้าก่อนดีดตัวจากด้านหลังของนาง และทะยานลงมานั่งเผชิญหน้ากับหญิงสาว กลายเป็นนั่งประจันหน้าในระยะประชิด นางมองนิ่งไม่เอ่ยวาจาสักคำ!

ด้วยเยี่ยฉวนมิรู้จะทำเช่นไร จึงได้แต่ยิ้มเก้อด้วยความที่ไม่ประสาเรื่องวิธีเอาอกเอาใจสตรี เมื่อก่อนเคยแต่ง้อเด็กหญิงผู้เป็นน้องซึ่งง่ายมากกับแค่ทำให้นางหายโกรธ อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่เบื้องหน้านางเป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้น!

พลันฝ่ายหญิงขยับกายทำท่าจะเลี่ยงลงจากหลังม้า เยี่ยฉวนรีบฉวยคว้ามือของนางไว้ทันที ทัวป้าเหยียนหันขวับหัวคิ้วขมวดน้อยๆ ชายหนุ่มจึงรีบพูดว่า “ขอบใจเจ้ามาก” อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ ขณะนั้น เยี่ยฉวนกำลังอ้าปากจะพูด พลันหอคอยแห่งเรือนจำในกายบังเกิดสั่นสะเทือน กระทั่งความรู้สึกสุดท้ายของเขาบอกว่าศีรษะกระแทกบางสิ่งอย่างแรงจากนั้นร่างค่อยๆ เอนตกจากหลังม้า เมื่อร่างร่วงหล่นลงไปบนพื้นก็เริ่มบิดตัวไปมาเหมือนกับกำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

ทัวป้าเหยียนซึ่งเมื่อแรกหันม้ากลับและได้ควบออกไปแล้วสองสามก้าว พลันนึกเอะใจนางจึงหยุดม้าและหันมามองคนที่ยังนอนบิดตัวอยู่บนพื้น หญิงสาวหยุดมองด้วยความไม่วางใจเป็นครู่ จากนั้นจึงรีบหันม้าย้อนกลับมาหาเยี่ยฉวน ซึ่งบัดนี้มีโลหิตไหลออกจากเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสอง อีกทั้งที่หูทั้งสองข้าง จมูกและปากอีกด้วย

ฝ่ายสตรีหน้าเผือดเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า นางหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะควักยาเม็ดโอสถเทพประสานออกมายัดลงไปในปากเยี่ยฉวน ทว่าดูท่าอาการจะไม่ดีขึ้นเท่าไร หญิงสาวก้มลงจะหยิบยาอีกครั้ง แต่เยี่ยฉวนส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูดเสียงสั่น “มะ……ไม่ต้อง แค่ธะ……ธาตุไฟ ย้อนกลับ ขะ ขอพักสักเดี๋ยว!” ทัวป้าเหยียนชะงักมือ มองหน้าเยี่ยฉวนที่ระหว่างนั้นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด นางจึงได้แต่นิ่งงัน

ธาตุไฟย้อนกลับ! อันที่จริงเยี่ยฉวนถูกพลังธาตุไฟย้อนกลับก็จริงส่วนหนึ่ง ภายหลังเมื่อหอคอยแห่งเรือนจำสูญเสียกฎแห่งเต๋าไปแล้ว นั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หอคอยเริ่มสั่นคลอน! และเมื่อหอคอยสั่นคลอน คนที่ต้องรับเคราะห์มากที่สุดก็คือเขา! แต่ในเมื่อเวลานั้นเขาไม่มีหนทางอื่น ถ้าไม่ยอมปลดปล่อยบางสิ่งบนชั้นสองให้ออกไปเที่ยวเล่นเสียบ้าง ยอดยุทธ์บนนั้นคงไม่ยอมช่วยต่อสู้และปกป้องผู้คนเป็นแน่!

ต้องอดทน! แต่ความอดทนก็ต้องตามมาด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส! ครั้งนี้มิใช่แค่ความเจ็บปวดทางกาย ทว่าหยั่งลึกลงไปถึงจิตวิญญาณ ขณะหนึ่งเยี่ยฉวนรู้สึกเหมือนศีรษะจะแตกออกเป็นเสี่ยง จนไม่อาจหาคำบรรยายใดมาทดแทน! บัดนี้ทำได้เพียงอดทน!!!

เมื่อเวลาผ่านไปท้องฟ้ามืดลง มีเพียงแสงจันทร์ที่ให้ความสว่าง ดวงจันทร์สาดแสงลงมาอาบพื้นดินประหนึ่งมีผ้าขาวบางเบากางออกห่อหุ้มพื้นผิวโลก ในเวลาค่ำคืน มือของเยี่ยฉวนเริ่มขยับเขยื้อนทีละน้อย สติสัมปชัญญะเริ่มกลับคืนมา ความรู้สึกแรกที่รับรู้คืออะไรบางอย่างอ่อนนุ่ม อะไรที่นุ่มนวลนั้นซ้อนอยู่ทางเบื้องล่าง!

ทันใดนั้น เยี่ยฉวนรับรู้ได้ว่าเป็นแขนของทัวป้าเหยียนที่หนุนรองศีรษะของตนไว้ หญิงสาวรับรู้ถึงอาการเคลื่อนไหวของคนในอ้อมแขน จึงก้มลงมองและพบกับเยี่ยฉวนที่กำลังนอนยิ้มเผล่ “ดีจังที่ยังไม่ตาย!” จากนั้นเขาแกล้งทำศีรษะเกลือกกลิ้งไปกับท่อนแขนของคนที่ประคองไว้ ถึงแม้จะมีกลิ่นโลหิตเล็กน้อยทว่าก็ยังได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ

เมื่อเห็นอาการเช่นนั้น บริเวณสัมผัสที่อ่อนนุ่มของทัวป้าเหยียนเริ่มสั่นน้อยๆ ก่อนที่นางจะผลักไสเยี่ยฉวนให้ออกห่าง จากนั้นคนรีบผุดลุกขึ้นและเดินกลับไปที่ม้าทันที เยี่ยฉวนได้สติรีบกระโดดผลุงขึ้นยืนและออกตามไป เมื่อเดินไปทันกัน เขาหยิบหุ่นไม้แกะสลักออมา จากนั้นจึงรีบยัดเยียดใส่มือของอีกฝ่าย

หุ่นรูปหญิงสาวซึ่งละม้ายคล้ายทัวป้าเหยียนถึงเก้าในสิบส่วน! ชายหนุ่มยิ้มเผล่เห็นฟันขาว “ข้าแกะเองกับมือเลยนะ!” อีกฝ่ายยกหุ่นไม้ในมือขึ้นดูแต่มิได้พูดอะไร

หลังเยี่ยฉวนมอบของให้นางแล้ว ตนเองก็หันหลังเดินกลับไปทางกองทัพม้าแห่งแคว้นหนิงซึ่งยืนคอยอย่างสงบนิ่งห่างไปราวสิบจั้ง!

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!