Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 345

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 345 ขี้โม้บ้างได้ไหม? (ปลาย)

C

หลังเยี่ยฉวนเดินไปได้สักระยะหนึ่ง ทันใดเขากลับชะงักฝีเท้าหยุด ขณะเดียวกันนั้นเอง กระบี่หนึ่งทะยานวาบไปจ่อที่จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วขององค์หญิงฉู่เชาฮั่นอย่างรวดเร็ว หากสีหน้าของคนที่ถูกกระบี่กลับเรียบเฉย แววตาสงบนิ่ง ส่วนทหารหลายคนเริ่มแสดงปฏิกิริยาโกรธเคืองและพร้อมจะจู่โจมทุกเมื่อ

เยี่ยฉวนรีบเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ข้าไม่ได้มาเพื่อก่อสงครามให้แคว้นเจียง เจ้าเป็นสตรีที่ชาญฉลาด คงจะรู้ว่าวิธีไหนจึงช่วยให้แคว้นชูอยู่รอดปลอดภัยต่อไป” สตรีจ้องคนพูดเขม็งขณะพูดว่า “วางใจเถอะ ถ้าเจ้ายังไม่ตายทหารแคว้นชูจะไม่มีวันไปเหยียบแผ่นดินแคว้นเจียง!”

เยี่ยฉวนบิดยกมุมปากพลางผงกศีรษะ “ใจกว้างใช้ได้ จำคำพูดของเจ้าไว้ก็แล้วกัน ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ถ้าแคว้นชูบิดพลิ้วแม้แต่นิดเดียว เรื่องจะไม่จบลงโดยง่ายอย่างวันนี้!” หลังจากนั้นเขาหันกลับทางเดิม จนไกลออกไปทุกขณะ ทหารทั้งสองฝั่งได้แต่มองหากไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว!

คนที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าหอท้องพระคลัง ฉู่เชาฮั่นหลับตาลงช้าๆ ต่อมาชายชราขั้นผนึกยุทธ์ปรากฏขึ้นทางด้านข้าง ฉู่เชาฮั่นลืมตาขึ้น เสียงถามเบาแผ่วผ่านริมฝีปาก “ยังไม่มีการติดต่อจากสถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋นอีกหรือ?” เสียงชายชราที่เพิ่งเข้ามาถอนใจเฮือกพลางส่ายหน้า

ฉู่เชาฮั่นเม้มปากแน่น ใบหน้าเชิดเล็กน้อยแววตาเย็นชา “ฉางมู่ อาณาจักรต้าอวิ๋น ดีเสียเหลือเกิน!”

เมื่อกองทัพแคว้นชูพ่ายแพ้ แคว้นชูได้ร้องขอกำลังสนับหนุนจากสถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋น เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียแคว้นเจียงจะไม่ยอมเลิกราโดยง่าย ทว่าจวบจนบัดนี้กลับยังไร้เสียงตอบรับจากฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋น!

ชายชราทางเบื้องหลังถอนใจอีกเฮือก “ก่อนหน้านั้นข้าได้เคยทักท้วงฮ่องเต้แล้วเรื่องทำศึกกับแคว้นเจียง สถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋นไม่ควรดึงแคว้นชูเข้ามาร่วมด้วย พวกเขาแค่หวังใช้เราเป็นเครื่องมือเท่านั้น โชคร้ายที่ฮ่องเต้ไม่สนใจคำทักท้วงแม้แต่น้อย อนิจจา!”

เมื่อฟังจบ รอยยิ้มเยือกเย็นผุดขึ้นมุมปากของฉู่เชาฮั่น “วางใจเถอะ สักวันหนึ่งพวกมันจะต้องสูญเสียเหมือนกับเราตอนนี้” คนพูดเหลือบตามองทางที่เยี่ยฉวนลับกายไป “คนผู้นี้ถ้าคับแค้นใจเพียงนิดเดียวเขาจะตามราวีไม่เลิกรา ยังไงเสียเขาไม่ปล่อยสถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋นแน่”

ฝ่ายคนชราพยักหน้า “เมื่อก่อนสถานศึกษาฉางมู่ในแคว้นเจียงขับไล่ไสส่งคนผู้นี้ ไม่ยอมรับเป็นศิษย์ เป็นเพราะความโง่เง่าของพวกเขาแท้ๆ!” ฉู่เชาฮั่นปิดเปลือกตาลง “โชคเข้าข้างแคว้นเจียงยิ่งนักที่มีคนอย่างเขาอยู่ด้วย!”

หลังจากที่ออกจากแคว้นชู เยี่ยฉวนมิได้ตรงกับแคว้นเจียงทันที เขากลับมุ่งหน้าต่อไปยังแคว้นเย่ว! ลำพังตัวเพียงคนเดียวเยี่ยฉวนรู้ว่าคงไม่สามารถทำลายทั้งแคว้นชูและแคว้นเย่วได้ ต่อให้แคว้นเจียงต้องทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเท่าที่มี ยังยากที่จะทำลายสองแคว้นลงในระยะเวลาอันสั้น ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้ว่าทั้งสองแคว้นจะถูกทำลายลงแล้ว แคว้นเจียงเองต้องได้รับผลกระทบอ่อนแอลงไปด้วย อีกอย่างสถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋นจะยังคงอยู่

ดังนั้น การส่งกองกำลังออกไปสู้รบในเวลานี้ ไม่ได้ส่งผลดีต่อแคว้นเจียงแต่อย่างใด ถึงกระนั้นจะปล่อยแคว้นชูและแคว้นเย่วไว้ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! ฉะนั้นเขาและลู่จิ้วเก๋อจึงเห็นตรงกันในเรื่องนี้ ด้วยการทำให้แคว้นทั้งสองแคว้นอ่อนแองลงเพื่อตัดกำลัง พวกเขาจะต้องใช้เวลานานอย่างน้อยราวสิบปีจึงจะสามารถคัดเลือกและฝึกทหารขึ้นมาใหม่! เยี่ยฉวนจึงตั้งใจมาปล้นเพราะเจตนารมณ์ในข้อนี้ หลังจากถูกกวาดทรัพย์สินไปจนเกลี้ยง สถานภาพของพวกเขาจะอ่อนแอลงอย่างสิ้นเชิง ขณะที่แคว้นเจียงจะฉวยโอกาสนี้เร่งพัฒนาอย่างรวดเร็ว! ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอลงแคว้นเจียงจะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ!

นอกจากนั้นแล้ว สถานศึกษาฉางหลานเองก็ต้องการการพัฒนาด้วยเช่นกัน และในการจะพัฒนาสิ่งใดก็แล้วแต่ จำเป็นต้องใช้ทุนทัพย์เป็นจำนวนมาก! โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างกองกำลังขุนศึกเต๋า เยี่ยฉวนยังคิดไม่ออกเลยว่าเขาต้องทุ่มเทอีกมากมายเพียงใดเพื่อสร้างกองกำลังดังกล่าวนั้น!

แคว้นเย่ว!

วันถัดมา เยี่ยฉวนได้เดินทางถึงแคว้นเย่ว ที่นี่ก็เช่นดียวกันแคว้นชู ภายหลังจากข่าวความพ่ายแพ้ของสถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋นแพร่สะพัด พลเมืองแคว้นเย่วเริ่มตกอยู่ในอาการปริวิตก เห็นชัดว่าพวกเขาเกรงว่าแคว้นเจียงจะกลับมาเอาคืนในไม่ช้า

ณ วังหลวงแคว้นเย่ว

ในขณะนั้นมีการระดมทหารองครักษ์จำนวนมากเพื่อทำการอารักขาวังหลวงแคว้นเย่ว แทบเรียกได้ว่าทุกระยะห่างสิบก้าวจะมีทหารยืนคุมเป็นระยะ ด้วยภายในแคว้นเย่วได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแคว้นชูทั้งหมด

ภายในหอพระโรง ฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่วประทับนั่งบนบัลลังก์เศียรมังกร ขณะนั้นกำลังทอดตามองอย่างคาดคั้นไปที่ขุนนางเสนาอำมาตย์ของแคว้นกว่าสิบคนที่นั่งอยู่ด้านล่าง ทั่วหอพระโรงเงียบกริบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ฮ่องเต้กวาดสายตาไปยังใบหน้าของเหล่าขุนนาง “จะไม่มีใครแสดงความคิดเห็นอะไรเลยหรือ?”

พลันขุนนางคนหนึ่งก้าวออกมาเบื้องหน้า “ข้าน้อยยอมตายเพื่อแคว้นเย่วพ่ะย่ะค่ะ!” จากนั้น เหล่าขุนนางเสนาบดีคนอื่นพร้อมใจกันค้อมตัวลงและเปล่งเสียงดังกระหึ่ม “พวกเรายอมตายเพื่อแคว้นเย่วพ่ะย่ะค่ะ!” ยอมตาย! ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์เหยียดยิ้มมุมปาก “เคราะห์ดีที่แคว้นของเรามีขุนนางที่มีใจรักชาติมากกว่าแคว้นชู วางใจเถอะถึงฟ้าถล่มดินทลาย ข้าก็จะต้านไว้จนสุดกำลัง!”

ขณะนั้น มีทหารองครักษ์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในท้องพระโรง “รายงานฮ่องเต้……เยี่ย……เยี่ยฉวนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เขาไล่สังหารคนตายไปกว่าร้อยคนแล้ว……” เยี่ยฉวน! ทันทีที่ได้ยิน สีหน้าของเหล่าขุนนางในที่นั้นแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง พลันมีเสียงสั่งการเฉียบขาดดังมาจากผู้เป็นฮ่องเต้ “กระจายคำสั่งออกไป ขัดขวางไว้อย่าปล่อยให้เข้ามาในวังหลวง!” หากทหารองครักษ์นายนั้นกลับยังละล้าละลัง

ฮ่องเต้บิดยิ้มมุมปาก “ไปทำตามที่ข้าสั่งเดี๋ยวนี้!” ทหารลังเลเล็กน้อยจากนั้นจึงถอยกลับออกไปจากสถานที่ทันที โดยเกือบในทันทีนั้นเยี่ยฉวนก้าวผ่านช่องประตูเข้าไปภายในท้องพระโรง ที่ปลายกระบี่ในมือมีคราบโลหิตสดไหลหยดเป็นทางมาตามพื้น สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังคนที่เข้ามา เยี่ยฉวน!

จ้าวกระบี่อายุน้อยที่สุดในแผ่นดินชิง! คนที่นั่งบนบัลลังก์หรี่ตามองเยี่ยฉวนที่เดินเข้ามาอย่างชั่งใจ ริมฝีปากแสยะยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นจ้าวกระบี่อายุน้อยที่สุดในแผ่นดินชิง ท่าทางของเจ้าสมกับเป็นผู้ฝึกกระบี่นัก!” พลันเยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า ด้วยในขณะนั้นมีคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นที่ภายนอกหอท้องพระโรง ชายหนุ่มวัยต้นยี่สิบ สวมผ้าคลุมสีขาว ใบหน้ามีเค้าละม้ายองค์ฮ่องเต้แคว้นเย่วราวหกในสิบส่วนเห็นจะได้

อีกคนหนึ่งที่มาพร้อมกันคือชายหนุ่มสวมเสื้อเขียว ในมือถือของสิ่งหนึ่งมีลักษณะเป็นเครื่องประดับร้อยแผ่นหยก ก่อนคนสวมผ้าสีขาวตรงรี่ไปหยุดลงเบื้องหน้าฮ่องเต้ก่อนคารวะทักทาย “คารวะพระบิดา!” ผู้เป็นพระบิดานิ่วหน้า ก่อนพูดจาดุจว่ากล่าวเสียงดังปานกัมปนาท “เจ้ากลับมาทำไม? ใครสั่งให้เข้ามา?”

ชายหนุ่มสวมผ้าขาวตรงหน้าสั่นศีรษะ “บ้านเมืองกำลังมีปัญหา จะให้ข้าหันหลังกลับได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” ว่าแล้วคนพูดหันไปมองคนที่สวมเสื้อเขียวซึ่งยืนอยู่ถัดไป ชายคนเสื้อเขียวจึงหันมาทางเยี่ยฉวน “เจ้ามาจากสถานศึกษาฉางหลานในแผ่นดินชิงใช่หรือไม่?” เยี่ยฉวนผงกศีรษะ

อีกฝ่ายชูตราสัญลักษณ์ในมือ “เจ้าจำตราสัญลักษณ์นี้ได้ไหม?” ประกาศิตแห่งฉางหลาน! หัวคิ้วของเยี่ยฉวนขมวดมุ่น

ชายสวมเสื้อเขียวก้าวเท้าเข้ามายืนเบื้องหน้า ใบหน้าเชิดสูงทำท่าอกผายไหล่ผึ่งอย่างทะนงตน “ข้าคือศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งแห่งฉางหลานในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้ข้าขอสั่งให้เจ้าออกไปจากแคว้นเย่วเดี๋ยวนี้ เจ้า……”

เสียงพูดมิทันจบดี มันกลับขาดห้วงลงกระทันหัน ด้วยกระบี่ปริศนาเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจ่อที่จุดกลางหว่างคิ้วของคนพูด ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ในบริเวณ เยี่ยฉวนส่ายหน้าน้อยๆ สีหน้าบ่งชัดว่าไม่ชอบใจนัก “ศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งงั้นหรือ? ข้านี่แหละอาจารย์ใหญ่! ขอขี้โม้บ้างได้หรือไม่?”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!