บทที่ 346 ขืนพูดอีกคำเดียว ข้าแทงทะลุแน่
ทั่วทั้งโถงท้องพระโรงเงียบกริบ! ทุกคนต่างตกตะลึง เขาไม่ให้ความเคารพต่อสำนักใหญ่ฉางหลาน อย่างนั้นหรือ? เยี่ยฉวนเป็นคนของฉางหลานมิใช่หรือ? ความเงียบงันปกคลุมทั่วบริเวณอยู่พักใหญ่!
อย่าว่าแต่ใครๆ ที่พากันตกอกตกใจเช่นนี้ แม้แต่คนสวมผ้าคลุมขาวซึ่งเป็นนำพาชายหนุ่มเสื้อเขียวมาเอง เขายิ่งตกใจมากกว่าใครด้วยคาดไม่ถึงต่อเหตุการณ์เบื้องหน้า ตัวเขาเป็นถึงองค์ชายแห่งแคว้นเย่วแต่ออกไปร่ำเรียนวิชาจากภายนอก ด้วยความที่เคยใช้ชีวิตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงรู้จักกับชายหนุ่มเสื้อเขียว บัดนี้ แคว้นเย่วประสบปัญหาใหญ่อันเนื่องมาจากเยี่ยฉวนซึ่งเป็นคนของฉางหลาน ดังนั้นเขาจึงมีเจตนาพาชายหนุ่มเสื้อเขียวมาพบกันที่นี่
เยี่ยฉวนมาจากสถานศึกษาฉางหลาน เขาควรให้ความเคารพต่อสำนักใหญ่ของสถานศึกษาตนแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์บ้างไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม บัดนี้องค์ชายแคว้นเย่วได้ตระหนักแก่ใจแล้วว่าสิ่งที่ตนเคยคิดมาตลอดนั้นผิดถนัด คนที่ยืนนิ่งประจันหน้ากับเยี่ยฉวน ชายสวมเสื้อเขียวจ้องเขม็งตาเบิกโพลง ประกายตาหวาดกลัวฉายวับ แม้ปฏิกิริยาของเยี่ยฉวนจะได้สร้างความประหลาดใจจนถึงกับทำอะไรไม่ถูก แต่อย่างน้อยเขาควรทันได้โต้กลับไปบ้างสิ! หากโอกาสเป็นไปได้ช่างน้อยนิดนักด้วยคนที่ชื่อเยี่ยฉวนผู้นี้กล้าแกร่งกว่าตนเองมาก!
เมื่อความคิดเห็นเป็นเช่นนั้น ชายสวมเสื้อเขียวจึงละทิ้งกิริยาดูแคลนรวมทั้งท่าทีทะนงตนไปสิ้น จากนั้นจึงเอ่ยกับเยี่ยฉวนด้วยน้ำเสียงเคร่งจริงจัง “ถึงอย่างไรเจ้ากับข้าต่างก็เป็นศิษย์ฉางหลาน!” คนฟังเหยียดมุมปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจา “ถึงแม้ข้าจะมาจากสถานศึกษาฉางหลาน แต่ก็เป็นคนละฉางหลานกับที่เจ้ามา ครั้งนี้เป็นเรื่องระหว่างข้าและแคว้นเย่วฉะนั้นจึงไม่เกี่ยวกับเจ้า เข้าใจไหม?”
คนสวมเสื้อเขียวยังไม่ยอมลดละความพยายาม ด้วยสายตาที่จ้องมองเต็มไปด้วยความคับข้องใจ “การกระเช่นนี้ของเจ้า ไม่ไว้หน้าสำนักใหญ่เอาเสียเลย!” เยี่ยฉวนปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพรืดหนึ่ง “แต่ที่ข้าจำได้ สำนักใหญ่ของเจ้าไม่ไว้หน้าเราก่อน” อีกฝ่ายพลันอ้าปากทำท่าจะตอบโต้ หากไม่ทันการเสียแล้วด้วยกระบี่ของเยี่ยฉวนเสือกพรวดออกไปรวดเร็ว ฉึก! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า กระบี่ปักเข้าที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของคนลึกลงไปราวครึ่งนิ้ว พลันต่อมาโลหิตทะลักพรูออกจากบาดแผล! เจ้าตัวถึงกับนิ่งงันนัยน์ตาทั้งสองหรี่ลงเล็กน้อย รู้ดีแก่ใจว่าเป็นเพียงการขู่ให้ตนหวาดกลัว
เยี่ยฉวนกระตุกมุมปาก “ขืนพูดอีกคำเดียว ข้าแทงทะลุแน่” ชายเสื้อเขียวไม่ตอบโต้ ได้แต่มองหน้าเยี่ยฉวนแน่วนิ่งก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่อิดเอื้อนแม้สักคำ อย่าว่าแต่จะเอ่ยวาจาข่มขู่เลย! เพราะตระหนักแน่แล้วว่าคนอย่างเยี่ยฉวนกล้าทำแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ การก่อความบาดหมางกับคนผู้นั้น นับเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย!
ทันทีที่เห็นชายสวมเสื้อเขียวล่าถอย ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมสีขาวทำหน้าเลิ่กลั่กด้วยตื่นตระหนก พลันเขารีบปรี่เข้าขวางอีกฝ่ายซึ่งกำลังจะออกไป “พี่กู้?” ชายเสื้อเขียวหยุดชะงัก “ขอโทษด้วยที่ช่วยอะไรองค์ชายไม่ได้” ว่าแล้วคนได้หายวับไปเสียจากสถานที่ทันที จนขณะต่อมาจึงได้ปรากฏตัวอีกครั้งที่ไกลลิบ ทำให้ทั่วท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง
เยี่ยฉวนก้าวออกไปหยุดยืนตรงหน้าฮ่องเต้แคว้นเย่ว ซึ่งเมื่อเห็นคนเคลื่อนไหวดังนั้นบรรดาขุนนางพากันขยับเข้าขวางทาง เริ่มแรกน้อยคนกระทั่งไม่นานต่อมาคนอื่นอีกหลายคนทะยอยเข้ามาขวางอยู่เบื้องหน้าเยี่ยฉวนจนเต็มไปหมด ในแววตาของขุนนางที่อยู่ตรงหน้ามีทั้งลังเลและหวาดกลัว แต่ก็มีคนที่แสดงออกว่าไม่กลัวตายอยู่ด้วยเช่นกัน!
ในแผ่นดินชิงนี้ถ้าคนในขั้นผนึกยุทธ์ไม่ออกหน้า จะมีใครที่ไหนสามารถหยุดยั้งเยี่ยฉวน! เยี่ยฉวนนิ่งไปขณะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปกล่าวกับผู้เป็นฮ่องเต้ “ท่านเป็นผู้นำที่มีสติปัญญา เหตุใดจึงตัดสินใจเข้าร่วมสงครามครั้งนี้?” ฮ่องเต้ก้าวเท้าออกมาเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวน หากยังมิทันเอ่ยวาจาพลันชายหนุ่มสวมผ้าคลุมขาวก้าวเข้ามาขวางเบื้องหน้ารวดเร็ว พร้อมเสียงทักท้วงร้อนรน “พระบิดา!”
ฝ่ายบิดาส่ายหน้า ก่อนจะเดินเบี่ยงชายหนุ่มชุดขาวเข้าไปหยุดต่อหน้าเยี่ยฉวน “แคว้นของข้ามิได้แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานสถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋น แน่ล่ะข้ายอมรับว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความโลภของข้าเอง ถ้าแคว้นเราได้ชัยชนะอนาคตจะได้ครอบครองแคว้นเจียงและจะได้แผ่อำนาจขยายออกไปอย่างกว้างขวาง แต่โชคร้ายที่ข้ากลับหลงลืมไปว่ามีคนอย่างเจ้า!” เยี่ยฉวนผงกศีรษะ “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าพร้อมที่จะชดใช้แล้วใช่ไหม?”
“เยี่ยฉวน!” ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมขาวถลันออกจากทางด้านหลังฮ่องเต้ ใช้ตัวเองออกยืนขวางระหว่างเยี่ยฉวนกับฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา สายตาจ้องเขม็งคนตรงหน้าราวจะกินเลือดกินเนื้อ “เจ้าทำเกินไปแล้ว ถึงจะต้องตาย พวกเราจะ……” ฉับพลันกระบี่ที่อยู่ต่อหน้าเยี่ยฉวนเสือกพรวด พุ่งตรงเข้าจ่อที่คอหอยของชายสวมผ้าคลุมขาวอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นมีทหารหลายคนถลันเข้ามา จากนั้นเพียงไม่นานภายในหอท้องพระโรงก็เต็มไปด้วยจำนวนคนที่กรูเข้ามา อีกนั้นทหารองครักษ์ที่ยืนรักษาการณ์ภายนอกหลายคนต่างกรูเข้ามาด้วยเช่นกัน!
สถานการณ์หมิ่นเหม่จะเกิดการต่อสู้อยู่รอมร่อ! เยี่ยฉวนสะบัดมือผลักฝ่ามือออกไปทางซ้าย พลันกระบี่บินสองเล่มทะยานวาบขนาบเคียงกัน ห่างไปเพียงจั้งเศษ ศีรษะของทหารแคว้นเย่วกว่ายี่สิบหัวขาดกระเด็นหล่นร่วงลงสู่พื้น ชั่วกระพริบตาถัดมากระบี่ทะยานย้อนกลับมาสงบนิ่งในมือซ้ายของเจ้าของ สองกระบี่โผทะยานผ่านด้านหลังคนไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่กระบี่ผ่านนั้นพลันศีรษะของทหารทั้งยี่สิบกระเด็นไปตกลงบนพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว……
คนที่อยู่รายรอบบริเวณไม่มีใครล่วงรู้ได้ทันว่าเกิดอะไรขึ้น! ขณะที่เยี่ยฉวนทำท่าทำทางว่าจะสังหารคนเรื่อยไปอีก พลันเสียงตวาดดังมาจากฮ่องเต้ “แคว้นเย่วยอมรับ!” ทันทีที่กระแสรับสั่งหยุดลง กระบี่ซึ่งทะยานอยู่ในระยะสี่จั้งเศษพลันชะงักงันหยุดลงด้วย ในจังหวะนั้นคมกระบี่กำลังทาบจ่ออยู่ที่ก้านคอของทหารเคราะห์ร้ายสองนาย!
สังเกตเห็นได้ชัดว่าผิวหนังชั้นนอกที่คมกระบี่กดเกิดรอยบาดลึกลงแล้วเล็กน้อย! เจ้าตัวทหารเหงื่อกาฬผุดเต็มกระทั่งไหลย้อยเต็มหน้าผาก ถ้าฮ่องเต้รับสั่งยอมรับช้ากว่านี้แม้เสี้ยววินาที หัวของมันคงได้ปลิวออกจากร่าง กระเด็นไปคนละทิศละทางแน่!
ชายหนุ่มเผยฝ่ามือข้างซ้ายออกและพับเข้าหาตัวครั้งหนึ่ง พลันกระบี่บินสองเล่มทะยานย้อนกลับมาอยู่ด้านข้าง เยี่ยฉวนหันไปพูดกับคนเป็นฮ่องเต้โดยเฉพาะ “ข้าคิดว่าท่านคงรับทราบเกี่ยวกับเงื่อนไขของข้าที่เคยให้แคว้นชูมาแล้ว แคว้นเย่วมีอะไรข้องใจไหม?”
หากยังมิทันที่ฮ่องเต้จะเอ่ยพูด ชายสวมผ้าคลุมสีขาวขยับทำท่าว่าอยากพูดเต็มที อย่างไรก็ตามเพียงแค่คนอ้าปากเท่านั้น กระบี่บางเล่มหนึ่งทะยานวาบเข้าไปที่จุดกึ่งกลางหว่างคิ้วคนที่กำลังทำท่าอ้าปากทันที ฉึก! เนื้อหนังที่บริเวณกึ่งกลางหว่างคิ้วของชายสวมผ้าคลุมขาวปริแยกเป็นแผลยาว พลันโลหิตแดงเข้มค่อยซึมออกจากปากแผลก่อนจะหยดไหลเป็นทาง
เยี่ยฉวนบิดมุมปากพลางพูดว่า “ขืนพูดอีกคำเดียว เป็นได้หัวหลุดจากบ่าแน่!” คนสวมผ้าขาวหุบปากเม้มแน่นมีเพียงสายตาจ้องเขม็ง จากท่าทีที่แสดงออกรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ยอมรับอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คนจะเอ่ยพูดอะไรออกไปอีก ฉับพลันฮ่องเต้ตรงเข้ากระชากคนชุดขาวจากทางเบื้องหลังอย่างแรง จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงบนใบหน้าด้านหนึ่งของคนชุดขาวเต็มแรง
เผียะ! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่นก้องในท้องพระโรง! สายตาของฮ่องเต้มองคนชุดขาวมีทั้งเย็นชาระคนผิดหวัง “มันใช่เวลาที่เจ้าจะมาแสดงความกล้าในตอนนี้ อย่างนั้นหรือ?” คนสวมผ้าคลุมสีขาวหันค่อยหน้ากลับมา สีหน้าเหยเก “เรามีทหารมากมายนี่พ่ะย่ะค่ะ ทำไมเราจะต้องกลัวมัน? ทำไมไม่ร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้กับมัน?!”
ฮ่องเต้แค้วนเย่วส่ายหน้าไปมา อีกทั้งแววตาที่มองคนชุดขาวบ่งบอกความรู้สึกเสียใจและผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง แน่หรือที่ว่าเยี่ยฉวนมาคนเดียว? ถ้าลำพังเขาคนเดียว แน่นอนว่าคงไม่ทำให้แคว้นเย่วหวาดเกรงได้ ถึงแม้เยี่ยฉวนจะสำเร็จเป็นจ้าวกระบี่แล้วก็ตาม! อย่างไรก็ตามเยี่ยฉวนมิได้ตัวคนเดียว เขามีอาจารย์เซียนกระบี่ มีแคว้นเจียง ไหนจะสำนักอัปสรเมรัยและยังแคว้นหนิงอีกด้วย……
เมื่อเกิดสงครามเต็มรูปแบบ หากปราศจากกำลังสนับสนุนจากสถานศึกษาฉางมู่ ดินแดนอันธการและอาณาจักรต้าอวิ๋นเสียแล้ว แคว้นเย่วย่อมไร้หนทางต่อสู้! ที่ผ่านมาฮ่องเต้แคว้นเย่วมิได้เล็งเห็นในข้อนี้ ทว่าชูเชาฮั่นกลับเข้าใจ นี่จึงเห็นเหตุผลที่ว่าทำไมนางจึงยอมรับทุกเงื่อนไขที่เยี่ยฉวนเสนอ ยามนี้ถ้าแคว้นเย่วตัดสินใจเป็นปฏิปักษ์กับเยี่ยฉวน ความพินาศคงมาเยือนแคว้นนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ฉับพลันนั้นเอง ฮ่องเต้พูดรัวเร็ว “นับแต่นี้ไปข้าขอปลดเจ้าจากตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท และแต่งตั้งองค์ชายสามให้เป็นองค์รัชทายาทแทน ขอผู้อาวุโสโม่เหยียนทำหน้าที่ราชครูและที่ปรึกษาองค์รัชทายาทด้วย” ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมขาวตกตะลึงอ้าปากค้าง พูดไม่ออกกระทั่งมีเสียงละล่ำละลัก “พระบิดา……”
ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ พลันคนในขั้นผนึกยุทธ์คนหนึ่งปรากฏกายขึ้นต่อหน้าชายหนุ่มสวมผ้าคลุมขาว ซึ่งขณะนั้นทำท่าจะพูดหากต้องชะงักงันด้วยยอดยุทธ์ผู้นั้นกระซิบเสียงเบา “องค์ชายฮ่องเต้พยายามที่จะช่วยรักษาชีวิตของพระองค์ไว้นะพ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากนั้นเขาเอื้อมมือแตะบนบ่าของผู้เป็นองค์ชาย ก่อนที่คนทั้งคู่จะหายวับไปทันที
ถึงกระนั้นทหารองครักษ์ที่อยู่ภายในท้องพระโรงก็มิได้ร่นถอยแม้แต่ก้าวเดียว พวกทหารยังคงยืนล้อมกรอบคุมเชิง ทว่าไม่มีใครกล้าเปิดฉากจู่โจม! ครู่ต่อมาฮ่องเต้เบนสายตามาทางเยี่ยฉวน แววตามัวหม่น “แคว้นเจียงนับว่าโชคดีที่มีคนอย่างเจ้า!”
เยี่ยฉวนยังคงนิ่งเงียบ
คนกล่าวยิ้มๆ ต่อไป “ข้ามีคำถามสุดท้าย เป้าหมายต่อไปของเจ้าคืออะไร? สถานศึกษาฉางมู่ ดินแดนอันธการและอาณาจักรต้าอวิ๋น อย่างนั้นหรือ?” เยี่ยฉวนผงกศีรษะแทนคำตอบ ผู้เป็นฮ่องเต้เปล่งเสียงหัวเราะ จากนั้นไม่นาน เขาหันหลังเดินกลับไปที่บัลลังก์เศียรมังกรและค่อยทรุดตัวลงนั่ง จากนั้นเขาดึงมีดสั้นทองคำที่เหน็บเอวออกมา……และโดยไม่มีใครทันตั้งตัว เขาพลันตวัดคมมีดปาดที่ลำคอของตนเอง ฉับ! โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็น! คนที่อยู่ด้านล่าง เยี่ยฉวนหันหลังให้ก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ



