บทที่ 347 เกิดมาหล่อเลือกได้ ก็ลำบากหน่อย! (ต้น)
ถึงอย่างไรฮ่องเต้แคว้นเย่วก็ไม่สามารถดำรงพระชนม์ชีพอยู่ได้! ซึ่งเป็นจริงตามที่เยี่ยฉวนคิดเอาไว้! แคว้นเย่วและแคว้นชูร่วมมือกันก่อสงครามทำร้ายแคว้นเจียง เป็นต้นเหตุทำให้ผู้คนและทหารของแคว้นเจียงบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ดังนั้นสองแคว้นต้องชดใช้กับสิ่งที่ตนก่อ!
หลังจากออกนอกท้องพระโรง เยี่ยฉวนมุ่งตรงไปที่คลังสมบัติทันที ในเวลานั้นเสียงร่ำให้จากท้องพระโรงดังแว่วมาให้ได้ยิน ราวครึ่งชั่วยามต่อมา เยี่ยฉวนจึงออกจากวังหลวงแคว้นเย่ว ในการเดินทางกลับครั้งนี้เยี่ยฉวนไม่ได้ขี่หลังเจ้าสุนัขป่าสีดำตัวยักษ์อีกแล้ว หากเขาเลือกใช้วิธีโดยสารเรือเหาะของสำนักอัปสรเมรัย ด้วยตนเองจะได้มีเวลาตรวจนับสิ่งล้ำค่าที่ยึดมาได้!
ครั้งนี้เยี่ยฉวนไม่ได้ไปจัดการพวกที่ฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ เพราะรู้ดีว่าขืนเข้าไปตอนนี้รังแต่จะเข้าไปตายเสียเท่านั้น สถานศึกษาซึ่งเปรียบได้กับคลังเก็บของล้ำค่าไหนจะที่ดินแดนอันธการสองมหาอำนาจนี้ไม่ได้อ่อนด้อยเลย โดยเฉพาะอาณาจักรต้าอวิ๋น……ดินแดนแห่งนี้เปรียบเสมือนที่รวมมนุษย์ผู้มีความแข็งแกร่ง!
เขาจำต้องชลอการเดินทางไปยังทั้งสองแห่งนั้นไว้ก่อน! บัดนี้สิ่งที่จะต้องทำเป็นอันดับแรกคือสร้างความกล้าแกร่งให้ตนเองและคนรอบข้างเพิ่มขึ้น อีกอย่างเขามีดำริที่จะก่อตั้งกองกำลังขุนศึกเต๋าแห่งฉางหลานแล้วด้วย!
บนเรือเหาะเที่ยวบินนี้มีเยี่ยฉวนเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นความอนุเคราะห์จากสำนักอัปสรเมรัย ภายในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เยี่ยฉวนกำลังนั่งขดสมาธิอยู่บนพื้นห้อง ท่าทางขะมักเขม้นกับการตรวจนับสิ่งล้ำค่าที่กองพะเนินอยู่เบื้องหน้า หลังจากบุกแคว้นชูและแคว้นเย่วทั้งสองแคว้น เยี่ยฉวนก็ได้ยึดเอาทรัพย์สินล้ำค่ามามากมายในเวลานี้!
ในจำนวนนี้ประกอบด้วยเหรียญทอง 1.4 พันล้าน เมื่อรวมกับของเดิมที่มีอยู่เท่ากับตอนนี้เขามีเงินเกือบ 1.6 พันล้าน! ซึ่งนอกจากนั้น ยังได้สุดยอดศิลาจิตวิญญาณอีกสองล้านชิ้นและหยกศิลาจิตวิญญาณสิบสองชิ้น ทั้งยังมีตำรา 25 เล่ม มีทั้งคัมภีร์พลังปราณขั้นปฐพี, ตำราทักษะยุทธ์และคัมภีร์กายาพลวัตร เมื่อรวมกับตำราและคัมภีร์ของเดิมจึงนับเป็น 35 ชิ้น!
ตอนนี้เยี่ยฉวนได้สุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณมาแล้วทั้งสิ้น 36 ชิ้น รวมกับของที่เขามีอยู่บ้างแล้วเป็น 85 ชิ้น! และมีศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นประกายแสงด้วย ทว่ามีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นราวหกชิ้นเห็นจะได้ ซึ่งก็นับว่ายังโชคดีที่ในนั้นมีกระบี่อยู่สองเล่ม!
กระบี่! เยี่ยฉวนหยิบกระบี่ออกมาวางไว้เบื้องหน้า ทั้งสองกระบี่มีความแตกต่างจากกระบี่คู่ลมกรดพิฆาตที่เขาได้มาก่อนหน้านี้ หนึ่งในสองมีลักษณะใบมีดกว้างส่องประกายวาววับ ด้ามจับมีสีดำและเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง กระบี่อีกเล่มบางกว่าและยาวกว่าเล็กน้อย มีคมสองด้านทั้งยังเปล่งประกายเย็นเยือกแวววาว ทั้งสองเล่มเป็นกระบี่จิตวิญญาณขั้นประกายแสงระดับต้น!
สูบกลืนกระบี่? เยี่ยฉวนไม่รีรอและสูบกลืนทั้งสองเล่มเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว เมื่อกระบี่ทั้งสองกลืนหายเข้าสู่ภายในโดยสมบูรณ์แล้ว ฉับพลันนั้นได้บังเกิดพลังแปลกประหลาดพุ่งวาบจากข้างในและค่อยแผ่กระจายออกตามอวัยวะแขนขารวมทั้งภายในส่วนอื่น
ขั้นสันโดษ! ความกล้าแกร่งแห่งขั้นพลังของเขา ณ ขณะนี้นั้น ไม่เพียงพอที่จะรับมือเหล่ายอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์ แต่ถ้าเขาสำเร็จถึงขั้นผสานเทพเมื่อใด เรื่องนั้นจะไม่เป็นปัญหาเลย! ครั้งก่อนถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ก็ตอบโต้จนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย ถ้ามีการประมือกับยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ครั้งต่อไป มีหวังเขาคงเป็นฝ่ายที่ถูกบดขยี้บ้าง!
เยี่ยฉวนต้องสำเร็จขั้นผสานเทพเท่านั้น! ส่วนกระบี่คู่ลมกรดพิฆาตเยี่ยฉวนมิได้สูบกลืน ด้วยเขาใช้งานกระบี่ทั้งสองได้เป็นอย่างดีอีกทั้งอานุภาพแห่งกระบี่ทั้งสองมิได้ด้อยกว่ากระบี่หลิงซิ่ว! กระบี่คู่ทะยานก็ต่อเมื่อมุ่งหมายปลิดชีวิตศัตรู! เขาจึงตั้งใจที่จะเก็บกระบี่ทั้งสองไว้ อีกอย่างเวลานี้กำลังทรัพย์ของตนเริ่มจะแข็งแรงขึ้น คงพอที่จะซื้อหากระบี่ชั้นดีจากสำนักอัปสรเมรัยได้!
สถานการณ์ภายในเรือเหาะ เยี่ยฉวนใช้ช่วงเวลาในการดูดกลืนพลังกระบี่อย่างตั้งอกตั้งใจ รอบกายของเยี่ยฉวนเปล่งรัศมีเจิดจรัสหนาแน่นขึ้นทุกที ขณะเดียวกัน กระบี่หลิงซิ่วเริ่มสั่นสะท้านอยู่ภายในพร้อมกับสูบกลืนพลังเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ
สถานการณ์ภายนอก สิ่งที่เกิดขึ้นกับแคว้นชูและแคว้นเย่วได้กลายแพร่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นดินชิงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ชื่อเสียงของเยี่ยฉวนเปรียบได้กับแสงแดดที่แผดกล้ายามเวลาเที่ยงวัน! โดยเฉพาะในแคว้นเจียง ความโด่งดังและชื่อเสียงของเยี่ยฉวนกำลังพุ่งทะยานสูงสุดกู่ ทุกวันจะมีคนมากหน้าหลายตาเดินทางมาที่เชิงเขาฉางหลาน หลายคนประสงค์จะสมัครเป็นศิษย์ฉางหลาน ขณะที่หลายคนหวังจะได้พบหน้าค่าตาของเยี่ยฉวนตัวเป็นๆ……
ขณะที่อีกฟากฝั่ง ไร้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวจากทั้งด้านดินแดนอันธการสถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋น นับตั้งแต่เหตุการณ์สู้รบที่เมืองไค่หยาง! หนึ่งวันต่อมาเรือเหาะได้เดินทางเข้าเทียบท่าที่แคว้นเจียง หลังจากที่เรือเหาะจอดนิ่งสนิทเยี่ยฉวนยังไม่ปรากฏตัวที่ทางออกในทันที
ที่ชั้นดาดฟ้าของเรือเหาะ สตรีสาวสวยสองนางยืนพูดจากระซิบกระซาบ “นี่เมื่อวานข้าเห็นผู้ฝึกกระบี่คนนั้นด้วยนะ!” เสียงคนข้างๆ ถามกระตือรือล้น “เหรอ เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” อีกเสียงจึงว่า “หล่อเหลามากทีเดียว! เสียดายที่ไม่ยอมออกมานอกห้องบ้างเลย ไอ้เราจะเข้าไปก็ไม่ได้ อนิจจา……”
“ตายจริง ดูเจ้าสิ เขาเป็นถึงจ้าวกระบี่ เจ้าไม่มีทางทาบติดหรอก” คนหนึ่งแย้งให้ “จ้าวกระบี่แล้วจะทำไม? พวกเราน่าจะช่วยสั่งสอนให้เขาได้รู้สำนึกเสียบ้าง!” คนแรกไม่ยอมลดราวาศอก “ให้ตายเถอะฟังพูดเข้า น่าละอายจริงเชียว……” เสียงฝ่ายหลังพูดอย่างอดรนทนไม่ได้
“อะแฮ่ม!” ใครคนหนึ่งส่งเสียงกระแอมกระไอดังขึ้นจากทางด้านหลังสตรีทั้งสอง คนทั้งสองจึงรีบหันขวับมาทันที พลันทั้งคู่ต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง หากเพียงครู่เดียวใบหน้าของหญิงสาวกลับแดงซ่านราวแสงตะวันที่ทาบทับขอบฟ้ายามเช้าตรู่ กิริยาท่าทีกลายเป็นขัดเขินอายม้วนอยู่ตรงนั้น
เยี่ยฉวนยืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทันสังเกต เขาเดินมาถึงช่องทางออก ขณะที่กำลังจะก้าวพ้นจากยานพาหนะเขาเบนหน้าไปทางขอบฟ้าแสนไกล ด้วยสีหน้าที่ดูออกว่าแสร้งทำเป็นหมองเศร้า “เฮ้อเกิดมาหล่อเลือกได้ ลำบากหน่อยแล้ว!” จากนั้นก็กระโดดลงจากเรือเหาะไปอย่างรวดเร็ว
บนชั้นดาดฟ้าสตรีสาวสองนางยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย
.
เมื่อออกจากเรือเหาะพาหนะ เยี่ยฉวนมุ่งตรงกลับสถานศึกษาฉางหลาน ซึ่งขณะนี้ขั้นพลังของเยี่ยฉวนยังอยู่ที่ขั้นสันโดษ! ด้วยถึงแม้ว่าจะดูดกลืนกระบี่แล้วถึงสองเล่ม แต่เขาก็ยังไม่สามารถบรรลุขั้นผสานเทพหรือเพิ่มขั้นพลังให้แก่กระบี่หลิงซิ่วได้อยู่ดี ทำให้ชายหนุ่มออกจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน เยี่ยฉวนได้ประจักษ์ความจริงอีกอย่างหนึ่ง ว่าเมื่อเขาสำเร็จถึงขั้นสันโดษแล้ว……ความต้องการดูดกลืนกระบี่จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ถ้าชายหนุ่มต้องการจะพัฒนากระบี่หลิงซิ่วให้เป็นกระบี่แท้จริงระดับกลางแล้วละก็ เขาจะต้องดูดกลืนกระบี่ประกายแสงเป็นจำนวนมากพอสมควร……เดิมจากที่เคยคิดว่าต้องใช้ถึงสี่หรืออย่างมากที่สุดก็ห้ากระบี่ ทว่าดูเหมือนความคิดนั้นช่างห่างไกลความจริงเสียเหลือเกิน!
อย่างน้อยต้องใช้กระบี่ประกายแสงถึงสิบเล่มหรืออาจมากกว่า จึงจะทำให้ทั้งตัวเยี่ยฉวนเองและกระบี่หลิงซิ่วได้ไปต่อได้! คิดแล้วชายหนุ่มก็อดที่จะรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้อีกครั้ง!



