Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 352

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 352 สายเลือดเทพแห่งสงคราม! (ปลาย)

C

“ข้ากับเจ้าไป๋เจ๋อล่ะ เจ้าจะให้ทำอะไร?” เสียงโม่อวิ๋นฉีรีบถามรัวเร็ว คนถูกถามหันหน้ามาพลางนิ่งไปครู่เดียว จึงพูดว่า “จอมกะล่อนโม่ เจ้าและไป๋เจ๋อไปรวมกลุ่มกับศิษย์อีกสักสองสามคน หน้าที่หลักคือการเฟ้นหายอดฝีมือในแผ่นดินชิง หาดูว่าที่ไหนมียอดฝีมือระดับดีเยี่ยม ถ้าพบแล้วก็ลองถามความสมัครใจ เผื่อพวกเขาจะสนใจเข้าร่วมกับฉางหลาน!”

พวกยอดฝีมือ! ถ้าสถานศึกษาฉางหลานต้องการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากตนเองจะแข็งแกร่งแล้ว จะต้องคัดคนยอดฝีมือเข้ามาร่วมด้วยให้มากยิ่งขึ้น! ส่วนตัวเยี่ยฉวนนั้นกล้าแกร่งโดยไม่ต้องสงสัย แต่มิใช่ทุกคนในฉางหลานที่กล้าแกร่งเหมือนตน! เยี่ยฉวนต้องทำให้สถานศึกษาฉางหลานแข็งแกร่ง ทั้งในยามที่ไม่มีเขาอยู่เคียงข้าง!

หลังจากการประชุมเครียดผ่านพ้นไป ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ สำหรับฉางหลานเวลาที่ผ่านไปแต่ละชั่วยามหมายถึงความอยู่รอดของพวกเขา ซึ่งไม่อาจปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไรที่ดินแดนอันธการ สถานศึกษาฉางมู่และอาณาจักรต้าอวิ๋นจะเริ่มจู่โจม!

ขณะนั้นเยี่ยฉวนได้เดินทางไปที่อาคารสำนักอัปสรเมรัย ครานี้ จ้าวหอชั้นห้าเป็นผู้ออกมาต้อนรับขับสู้ด้วยตนเอง เมื่อเห็นเยี่ยฉวนเข้ามาหา จ้าวหอชั้นห้ายิ้มร่าแสดงความยินดีอย่างเปิดเผย “สหาย ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยอย่างจริงใจ!”

“แสดงความยินดี……เรื่องอะไรหรือขอรับ?” เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า สีหน้าเคร่งทันใด ผู้เป็นจ้าวหอชั้นห้าจึงตอบให้ว่า “ก็เรื่องที่เจ้าตีจนพวกอาณาจักรต้าอวิ๋น สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการแตกกระเจิงไปนั่นยังไงล่ะ?!” ชายหนุ่มได้ยินก็ส่ายหน้าพลางตอบว่า “ผู้อาวุโส ท่านเองน่าจะรู้ดีว่าแท้จริงแล้วพวกมันมิได้พ่ายแพ้ อีกทั้งฉางหลานและแคว้นเจียง.ก็ยังไม่ถือว่าได้ชัยชนะด้วยน่ะขอรับ!”

จ้าวหอชั้นห้าหยุดมองหน้าเยี่ยฉวน ก่อนกล่าวเสียงเบาเกือบเป็นกระซิบ “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว เห็นอย่างนี้ข้าก็ค่อยเบาใจ” เยี่ยฉวนจึงเปลี่ยนเรื่องพูดตรงจุดมุ่งหมายในทันที “ผู้อาวุโส ต่อไปสถานศึกษาฉางหลานคงต้องรบกวนท่านช่วยเป็นธุระในการซื้อหาสิ่งล้ำค่าอีกมากมายหลายสิ่งทีเดียวขอรับ!”

คนตรงหน้าทำท่าคิดอยู่ชั่วขณะ “เจ้าวางใจได้ ข้าจะไปทุกที่ในแผ่นดินชิงเพื่อหาสิ่งที่เจ้าร้องขอมาให้ได้ ส่วนเรื่องราคา ทางเราจะเสนอส่วนลดให้กับเจ้าเป็นกรณีพิเศษ นายใหญ่ของข้ามีคำสั่งกำชับมาทางเรา ไม่ให้ค้ากำไรเกินควรกับเจ้าอย่างแน่นอน!” เยี่ยฉวนค้อมตัวแสดงคารวะกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือ “ขอบคุณมากขอรับ!”

ถ้าจะพูดตรงๆ จากใจแล้วล่ะก็ หากไม่ได้ความช่วยเหลือของสำนักอัปสรเมรัย การฟื้นฟูสถานศึกษาฉางหลานคงไปได้อย่างเชื่องช้ากว่านี้! ต่อให้มีเงินทองมากพอก็คงยังเชื่องช้าอยู่ดี! อีกฝ่ายเปล่งเสียงหัวเราะร่วน “เจ้าเกรงใจเกินไปนะ สหายข้า” เยี่ยฉวนจึงว่า “ผู้อาวุโสข้ามีอีกเรื่องหนึ่งอยากถาม ช่วงนี้มีข่าวความเคลื่อนไหวของสถานศึกษาฉางมู่ ดินแดนอันธการ และอาณาจักรต้าอวิ๋นบ้างไหมขอรับ?”

จ้าวหอส่ายหน้าปฏิเสธ “หลังจากสงครามครั้งนั้นที่เมืองไค่หยาง ข้าได้ส่งคนออกไปสืบอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไร อย่างไรก็ตามพวกนั้นคงไม่เลิกราอย่างแน่นอน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วถ้าไม่ทางเขาพินาศย่อยยับ ชีวิตเจ้าก็ต้องหาไม่เท่านั้น!” เมื่อพูดจบประโยคพลัน คนทำท่าว่าเพิ่งนึกอะไรได้ สีหน้าผู้พูดเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “สหาย การบรรลุขั้นผสานเทพจะทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้!”

ชายหนุ่มคิ้วขมวดมุ่น “มีอะไรหรือขอรับ?” จ้าวหอชั้นห้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ถ้าเจ้าบรรลุผสานเทพเมื่อใด พวกมันจะใช้คนยอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์มาทำร้ายเจ้า แต่ถ้าตอนนี้เจ้ายังไม่บรรลุผสานเทพ พวกเขาจะไม่กล้ากระทำอุกอาจด้วยการส่งคนที่เป็นยอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์หรือยอดยุทธ์ขั้นควบยุทธ์สะท้านภพมา และเมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งแผ่นดินชิงจะไม่มีใครที่สามารถสังหารเจ้าได้อีกแล้ว!”

คนที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นผนึกยุทธ์! ไม่รวมอันหลานซิ่ว เยี่ยฉวนเป็นคนในขั้นต่ำกว่าผนึกยุทธ์ที่ถือว่ากล้าแกร่งที่สุดในแผ่นดินชิง! ชายหนุ่มนั่งเงียบขณะรับฟัง ไม่อาจบรรลุขั้นผสานเทพ! หลังจากเงียบไปพักใหญ่ เขาผงกศีรษะ “ได้ขอรับ! ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะใช้เวลาช่วงนี้ฝึกฝนการควบคุมกระแสพลังของตัวเองให้มั่นคง ระหว่างนั้นก็จะพัฒนาคนของฉางหลานไปด้วย!”

อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเห็นดีด้วย “ถูกแล้ว เจ้าจำเป็นต้องฝึกควบคุมกระแสพลังของตนเองและทำให้สถานศึกษาฉางหลานแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป อีกอย่างเจ้าพึงระวังสำนักใหญ่ฉางหลานแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้บ้างก็ดี” ชายหนุ่มนิ่วหน้าเล็กน้อยขณะถามอีกฝ่าย “ท่านว่าพวกเขาจะกลั่นแกล้งสถานศึกษาฉางหลานในแคว้นเจียงหรือขอรับ?”

ผู้มีอาวุโสผ่อนลมหายใจก่อนกล่าวว่า “ก่อนหน้าสถานศึกษาฉางหลานในแคว้นเจียงมีแต่อัตคัดขัดสน สำนักใหญ่จึงละทิ้ง ไม่สนใจใยดี ทว่าเวลานี้ได้เปลี่ยนไปแล้วเพราะพวกเจ้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่นานสถานศึกษาฉางหลานจะเต็มไปด้วยยอดฝีมือ จนเป็นที่อิจฉาริษยาในสายตาของคนภายนอก เจ้าต้องระวังอย่าให้ใครมาชุบมือเปิบในสิ่งที่เจ้าสร้างมาเองกับมือ!”

เยี่ยฉวนผงกศีรษะน้อยๆ “เข้าใจแล้วขอรับ ตอนนี้พวกเขาอาจไม่ได้คิดในข้อนี้ ก็ดีถ้าพวกเขาคิดขึ้นมาเมื่อใด ข้าไม่สนหรอกว่าจะมีศัตรูเพิ่มขึ้น เพราะถึงอย่างไรเราก็มีอยู่เต็มไปหมด การจะเพิ่มมาอีกสักหนึ่งก็คงไม่แตกต่าง” อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้าพลางฝืนยิ้ม

พลันเยี่ยฉวนหยิบแผ่นป้ายทองคำอันหนึ่งขึ้นมาและวางลงบนโต๊ะตรงเบื้องหน้าจ้าวหอชั้นห้า “ผู้อาวุโสขอรับ ในแผ่นป้ายมีเงินห้าร้อยล้านเหรียญทอง ข้าอยากจะได้กระบี่บินชนิดเดียวกับกระบี่คู่ลมกรดพิฆาตจำนวนห้าเล่ม หากมีในสำนักของท่านโปรดเก็บไว้ให้ข้าด้วยขอรับ” คนตรงข้ามพยักหน้า “ได้ ข้าจัดการให้”

หลังจากนั้น ครู่หนึ่งเยี่ยฉวนจึงกล่าวขอบคุณและอำลาเล็กน้อยกับจ้าวหอชั้นห้า เมื่อออกจากหอสำนักอัปสรเมรัย เยี่ยฉวนก็ตรงดิ่งกลับสถานศึกษาฉางหลานทันที ในระหว่างที่เดินผ่านมาบนถนนแห่งหนึ่ง พลันปรากฏคนสวมชุดดำยืนขวางทางอยู่เบื้องหน้า คนผู้นี้เยี่ยฉวนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เขาคือชายชราสวมชุดดำผู้ที่มักจะมาและยืนเคียงข้างกับอันหลานซิ่วนั่นเอง

สายตาของคนที่ยืนขวางเบื้องหน้าเยียบเย็น จ้องเขม็งมายังเยี่ยฉวนชนิดไม่วางตา “ดวงของเจ้านับว่ายังดี!” ชายหนุ่มจึงว่า “นี่ตาแก่! ข้าเตือนไว้ก่อน จะพูดจะจาอะไรให้มันน่าฟังสักหน่อย!” ชายชราขบกราม เสียงเยาะลอดไรฟัน “น่าฟังงั้นหรือ? ไม่คิดว่าเจ้าจะใช้วาจาโอหังได้เพียงเพราะว่ามีอาจารย์เป็นเซียนกระบี่ ข้าจะบอกอะไรให้ ตระกูลอันมีประวัติยาวนานนับหมื่นปี นายหญิงอันเองก็มีสายเลือดเทพแห่งสงคราม พวกเขาไม่เสียเวลามาใส่ใจกับเซียนกระบี่จิ๊บจ๊อยของเจ้าหรอก และถ้าเจ้ายังขืนเข้าใกล้นายหญิงอัน มันก็รังแต่จะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเท่านั้น!”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!