บทที่ 356 กระบี่สวรรค์! (ปลาย)
……
ณ หอโถงฉางหลาน ทุกคนมารวมกัน……
……
เยี่ยฉวนยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบหลังจากนั้นจึงพูดว่า “พวกเจ้าคิดอย่างไรกันบ้าง เกี่ยวกับเรื่องที่มีกระบี่ปรากฏขึ้นทางด้านทิศใต้ของแผ่นดินชิง?” ……
..
โม่อวิ๋นฉีส่ายหน้า ขณะตอบว่า “ข้าว่าไม่ค่อยชอบมาพากลนัก!”
เยี่ยฉวนเบนหน้ามาถาม “อะไรอย่างนั้นหรือ?”
ทว่าคนอีกฝ่ายทำหน้ายุ่ง “ข้าก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”
ชายหนุ่มคนถามหันหน้ากลับ พลางสั่นศีรษะน้อยๆ “ถ้าอย่างนั้นทำไมจึงพูดขึ้นมาทั้งที่ตัวเจ้าเองก็ยังไม่รู้!”
โม่อวิ๋นฉีตีหน้าเจื่อนเล็กน้อย “……”
พลันลู่จิ้วเก๋อที่เห็นท่าจะบานปลายไปใหญ่ จึงรีบขัดขังหวะ “ไม่ต้องแปลกใจ เรื่องนี้ต้องเป็นแผนการของสถานศึกษาฉางมู่กับอีกสองกลุ่มนั้นแน่”
ทุกคนจึงหันมามองเป็นตาเดียว สตรีบนรถเข็นแค่นหัวเราะเบาๆ “ในแผ่นดินชิงแห่งนี้ไม่มีทางที่จะมีศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นสวรรค์ ถึงจะมีก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะปรากฏในลักษณะนี้ ทำอย่างกับว่ากระบี่เกรงว่าจะไม่มีใครล่วงรู้ถึงการมีตัวตนของมัน ดังนั้นข้าจึงสันนิษฐานได้ทันทีว่ามีใครบางคนจงใจสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา!”
ครานี้ทุกสายตาเบนมาจับที่ใบหน้าของเยี่ยฉวน
ปราศจากสิ้นข้อสงสัยว่าอุบัติการณ์ในครั้งนี้สร้างขึ้นเพื่อเยี่ยฉวน!
ขณะที่เจ้าตัวเหยียดมุมปากยิ้ม “พวกมันจงใจหาเหยื่อมาล่อให้ข้าไปที่นั่น อย่างนั้นหรือ?”
ลู่จิ้วเก๋อพยักหน้า “คิดว่าเป็นเช่นนั้น นี่คงจะเป็นกับดักสำหรับเจ้าโดยเฉพาะ!”
หากชายหนุ่มหันมาถามด้วยความข้องใจ “ท่านคิดว่าข้าควรจะไปที่นั่นอย่างนั้นหรือ?”
อีกฝ่ายบิดบกมุมปากก่อนจะตอบว่า “ถ้าข้าสันนิษฐานไม่ผิด กระบี่เล่มนั้นน่าจะเป็นของแท้ พวกเขากำลังเดิมพันว่าเจ้าทนต่อสิ่งล่อหลอกครั้งนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน!”
เยี่ยฉวนยิ้มน้อยๆ “ถ้าเช่นนั้นพวกมันคิดผิดถนัด”
ความจริงแล้วเยี่ยฉวนคิดที่จะไปช่วงชิงกระบี่สวรรค์เล่มนั้นอยู่แล้ว แต่เขาไม่โง่พอที่จะดุ่ยๆ เข้าไปทั้งที่รู้ว่ามีกับดักรออยู่
“ทำไมเล่า?” ลู่จิ้วเก๋อถามสวนกลับทันควัน
คนอื่นหันมามองผู้พูด ขณะที่คนพูดเอ่ยต่อไปว่า “ถึงจะเป็นกับดัก แต่ถ้าคิดให้ดีก็เป็นโอกาสที่ดีได้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้น ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรเลยคนพวกนั้นก็ต้องหาวิธีอื่นจนได้ ตอนนี้ครอบครัวของเจ้ามีแต่จะใหญ่ขึ้น และจะต้องดูแลคนที่อยู่รอบกายเจ้าอีกมากมาย ฉะนั้นจะมามัวหลบหลีกไม่ได้”
คนที่นั่งอยู่อีกด้าน เจี้ยนชูชูเอ่ยขึ้นมาอย่างเห็นพ้องต้องกัน “แม่นางลู่พูดถูก ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรตอนนี้ พวกมันต้องทำวิธีอื่น เพราะพวกมันกับเจ้าไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้าง ดังนั้นพวกมันจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่!”
เจียงจิ่วนิ่วหน้าเล็กน้อยขณะเอ่ยขึ้นว่า “พวกมันรู้ขั้นฝีมือของเยี่ยฉวนดีอยู่แล้ว ดังนั้นกับดักครั้งนี้ย่อมไม่ใช่กับดักธรรมดาแน่ ถ้าเขาไปโดยที่ไม่มีการเตรียมตัวเลยเกรงว่า……”
ลู่จิ้วเก๋อยิ้มมุมปาก “พวกเราจะกลัวทำไม?”
ทุกคนต่างเบนสายตามาทางหญิงสาวบนรถเข็นด้วยสายตาประหลาด……สตรีผู้นี้อายุยังไม่มากอีกทั้งท่าทีสงบเยือกเย็นเป็นนิจ
คนที่กำลังตกเป็นเป้าสายตายกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบช้าๆ นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ในเมื่อพวกมันวางกับดักเราได้ ทำไมเราไม่วางกับดักย้อนรอยพวกมันบ้างเล่า?”
เจียงจิ่วพึมพำถาม “ทำอย่างไร?”
สตรีนั่งรถเข็นวางถ้วยชาลงบนโต๊ะแล้วจึงหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “ภายหลังจากการตายของหลี่มู่ พวกมันจะไม่ส่งยอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์และควบยุทธ์สะท้านภพมาจัดการกับเจ้าอีกแล้ว ตอนนี้พวกมันใช้วิธีล่อให้เจ้าตามกระบี่ไปทางสุดเขตตอนใต้ของแผ่นดินชิงด้วยเหตุผลสามประการ ประการแรกพวกมันต้องการยืมมือคนอื่นสังหารเจ้า ยกตัวอย่างยอดฝีมือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ประการต่อมาค่ายกลหรือปราการที่สร้างขึ้นเพื่อสกัดกั้นเจ้าในครั้งนี้ย่อมมีผลในการลดทอนหรือขัดขวาง ไม่ให้ใช้พลังปราณได้อย่างเต็มที่!”
“ข้อสุดท้าย?” เจียงจิ่วถามเร็วปรื๋อ
ลู่จิ้วเก๋อตอบเสียงเบาหวิว “ใช้กระบี่สังหารเขา!”
เยี่ยฉวนหัวคิ้วขมวดมุ่น “สังหารข้าด้วยกระบี่? กระบี่จะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?”
เจี้ยนชูชูกลายเป็นคนตอบให้แทน “ถูกต้อง!”
ชายหนุ่มเบนหน้ามาทางคนพูด เสียงของนางพูดต่อไปว่า “กระบี่สวรรค์เป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถสยบฟ้าดิน ภายในมีญาณวิเศษที่มีชื่อว่าภูตกระบี่ ครั้งหนึ่งกระบี่อาจเสแสร้งรับรู้ว่าเจ้าคือเจ้าของแต่มันอาจทำร้ายเจ้าได้ในขณะเดียวกัน และเมื่อนั้นเจ้าก็จะต้องตาย”
กระบี่สวรรค์!
เมื่อได้ฟังคนกล่าว เยี่ยฉวนสีหน้าเผือดวูบ
กระทั่งในตอนนี้กระบี่หลิงซิ่วในกายก็ไม่สามารถสูบกลืนกระบี่สวรรค์ได้อยู่ดี ด้วยเขาไม่สามารถต้านทานต่ออิทธิฤทธิ์แห่งธาตุไฟย้อนกลับ ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่อาจสูบกลืนกระบี่นั่นได้!
เมื่อใดที่ได้มาไว้ในครอบครอง เพียงแค่สยบมันไว้ให้ได้ก็พอ!
กระบี่แท้จริงเล่มหนึ่งมีมูลค่านับพันล้าน กระบี่สวรรค์เล่าจะสักเท่าใด? มูลค่ามหาศาลอย่างแน่นอน!
คงต้องบอกว่าเสแสร้งถ้าเยี่ยฉวนจะไม่ทำอะไรสักอย่าง แต่เขารู้แล้วว่ากับดักเบื้องหน้าย่อมไม่ธรรมดา นับตั้งแต่ที่ศัตรูใช้กระบี่ล้ำค่าชนิดนี้มาเป็นเหยื่อล่อในการวางกับดัก!
พลันมีเสียงของลู่จิ้วเก๋อพูดขึ้นว่า “ถึงจะมีอันตรายแต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสด้วยเช่นเดียวกัน ทีนี้ลองมาดูสิว่าถ้าเจ้าไปที่นั่นจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ข้อแรกบางที่ถ้าโชคเข้าข้างเจ้าก็จะได้เป็นเจ้าของกระบี่สวรรค์ ข้อต่อมาเป็นการซื้อเวลาให้กับฉางหลานและศิษย์กองกำลังขุนศึกเต๋า ให้เวลาพวกเขาได้ฝึกฝนมากขึ้นอีกนิด”
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้นางเบนหน้ามาพูดกับเยี่ยฉวน “เจ้ามีสิบสองมนุษย์ทองคำอยู่กับตัว ถึงแม้ศัตรูจะเป็นยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ เจ้าก็สามารถใช้สิบสองมนุษย์ทองคำได้ ด้วยความกล้าแกร่งของเจ้ารวมกับสิบสองมนุษย์ทองคำ มันน่าจะต้านทานได้ไม่ยาก และหากไม่มียอดยุทธ์ผนึกยุทธ์เข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้ ต่อให้สิบยอดยุทธ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาเองก็คงสังหารเจ้าไม่ได้ง่ายๆ!”
เจียงจิ่วสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย “ข้าว่าก็ยังมีอันตรายอยู่ดี”
สตรีบนรถเข็นหันไปหากยังไม่ทันเอ่ยปากพูดกับเยี่ยฉวน พลันเขาถามขึ้นสวนก่อนว่า “แม่นางลู่……ข้ามีคำถาม”
นางจึงหุบปากนิ่ง ขณะที่เยี่ยฉวนถามยิ้มๆ “ทำไมข้าต้องทำตามแผนที่พวกมันวางไว้?”
ลู่จิ้วเก๋อยังคงนิ่งเงียบดุจรอฟังว่าชายหนุ่มจะพูดว่าอะไรต่อไป
เยี่ยฉวนคลี่ยิ้มมุมปาก โดยปราศจากคำพูดแม้แต่คำเดียว
หลังจากนั้นไม่นานคนบนรถเข็นจึงส่ายหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากบาง “ข้าเข้าใจผิดไปเอง อันที่จริงเราทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามก็ได้”
“พวกท่านพูดอะไรกัน?” โม่อวิ๋นฉีท่าทางอดรนทนไม่ได้
ลู่จิ้วเก๋อจึงเอ่ยตอบลอยๆ “ไปหาอ่านตำราให้มากสักหน่อย”
อีกฝ่ายจึงหน้ามุ่ยเกาหัวยิก ถูกนางหาว่าโง่งั้นสิ?
คนที่ยินด้านข้างไป่เจ๋อใช้ฝ่ามือตบป้าบลงบนบ่าโม่อวิ๋นฉี “อนิจจา เจ้าอยากถามอะไรโง่ๆ เองนี่นา แต่ข้านี่เป็นไง? ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ ข้าก็ไม่ถาม ถ้าไม่ถามพวกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าข้าโง่!”
คนอื่นๆ “……”
เมื่อคนพูดหันไปเห็นสายตาของคนรอบข้าง พลันเจ้าตัวเกิดรู้สึกมึนตึ้บ “ข้าพูดผิดงั้นหรือ?”
ทุกคนเบนหน้าไปทางอื่นขณะส่ายศีรษะด้วยจนปัญญา
โม่อวิ๋นฉีจึงได้ทีหันไปตบบ่าเจ้าคนตัวใหญ่บ้าง พลางส่งสายตาแสดงว่าสมเพชอีกฝ่ายอย่างเต็มที่
ไป่เจ๋อ “……”
กลางดึกของวันนั้น เยี่ยฉวนเร่งออกจากสถานศึกษาฉางหลาน
ทันทีที่เยี่ยฉวนออกจากฉางหลาน หลายฝ่ายเริ่มขยับเคลื่อนไหว
ณ สถานศึกษาฉางมู่ เขตแดนต้าอวิ๋น
มู่ซ่วนชิงยืนสงบนิ่งหันหน้าเข้าไปทางศาลเจ้าฮ่าวหรัน ใบหน้าแหงนเล็กน้อยสายตากำลังทอดมองด้านบน ณ สุดขอบฟ้าที่ซึ่งกระบี่ใบไม้ปักตรึงจมอยู่เนิ่นนาน
ในขณะนั้น ชายสวมชุดดำพลันปรากฏขึ้นที่เยื้องไปทางด้านหลังมู่ซ่วนชิง “อาจารย์ใหญ่ เยี่ยฉวนออกจากฉางหลานมาแล้ว ถ้าดูจากทิศทางคาดว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปทางตอนใต้แผ่นดินชิง อย่างไรก็ตามตอนที่ข้าสะกดรอยตาม จู่ๆ มันก็หายตัวไป ตอนนี้คนของเราคลาดกับมันเสียแล้วขอรับ”
มู่ซ่วนชิงค่อยปิดเปลือกตาลงช้าๆ ชั่วขณะหนึ่งจึงค่อยมีเสียงพูดว่า “คนผู้นี้เป็นจ้าวกระบี่ เป็นเรื่องปกติที่พวกเจ้าจะตามไม่ทัน แต่ไม่เป็นไรถึงอย่างไรมันก็กำลังจะไปที่นั่นแล้ว มันไม่สามารถต้านทานความยั่วยวนของกระบี่สวรรค์ได้แน่ รีบแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวไปยังดินแดนอันธกาลแห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น พวกเขาจะได้ทำตามแผนการขั้นต่อไป”
เยี่ยฉวนไปทางสุดเขตแดนตอนใต้แล้ว!
ใครบางคนทำหน้าที่กระจายข่าว และข่าวที่ว่าก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดินชิงอย่างรวดเร็ว
ใครใครก็ย่อมรู้ว่าเยี่ยฉวนไปที่นั่นเพราะกระบี่สวรรค์!
เพียงไม่นานที่รู้ข่าว ทุกคนในแผ่นดินชิงก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ากระบี่จะต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเยี่ยฉวนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทุกคนพากันคิดว่าเยี่ยฉวนมุ่งหน้าไปที่สุดเขตแดนตอนใต้ บุรุษสวมผ้าคลุมสีดำพร้อมหีบกระบี่เหน็บไว้ที่หลังได้ปรากฏตัวขึ้นที่เขตแดนต้าอวิ๋น! ไม่มีผู้ใดทันสังเกต!



