บทที่ 366 คนที่เคยพยายามวางยาเยี่ยฉวน (ต้น)
……
ณ เมืองหลวงแห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น!……
……
ภายหลังที่ออกจากเมืองหนานหมิง เยี่ยฉวนเลือกโดยสารพาหนะเรือเหาะอีกลำ โดยเรือเหาะลำนี้จะมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของอาณาจักรแห่งนี้อย่างแน่นอน……
..
บนเรือเหาะ หัวหน้าเรือเหาะแห่งสำนักอัปสรเมรัยปรี่ตรงเข้ามาหาเยี่ยฉวนพร้อมกับค้อมตัวลงคารวะด้วยความจริงใจ “คุณชายเยี่ย ทางสำนักอัปสรเมรัยรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับหัวหน้าอู๋คนก่อนทั้งหมดแล้ว เขาเป็นสายลับทะลวงศึกของฉางมู่ที่แฝงเร้นเข้ามาอยู่ในสำนักอัปสรเมรัย ข้าต้องขออภัยกับสิ่งที่หัวหน้าอู๋ทำกับคุณชายด้วย!”
เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากน้อย “ไม่เป็นไรขอรับ”
หัวหน้าเรือเหาะค้อมคารวะอีกครั้ง “สำนักอัปสรเมรัยส่งคนไปสืบที่อาณาจักรต้าอวิ๋นแล้ว ถ้ามีความเคลื่อนไหวในอาณาจักรต้าอวิ๋น คนของสำนักอัปสรเมรัยจะรีบแจ้งให้คุณชายรู้ก่อนใครอื่น”
อีกฝ่ายผงกศีรษะรับคำ “ขอบใจมาก!”
หัวหน้าเรือพูดมาอีกว่า “ถ้าคุณชายต้องการอะไรเพิ่มเติม โปรดเรียกข้าได้ทุกเวลา!”
หลังจากนั้นเขาจึงขอตัวกลับไป
คนที่เดินคล้อยหลังออกไปไม่นาน สาวใช้สองนางก็ปรากฏกายขึ้นทางเบื้องหลังเยี่ยฉวน พร้อมด้วยในมือถือถาดผลไม้มาคนละถาด ทั้งสองมีท่าทางเขินอาย ต่างก้มหัวลงต่ำขณะเดินเข้ามา
เยี่ยฉวนหันขวับทันทีที่รู้สึกว่ามีคนกำลังมาใกล้ เมื่อเห็นคนที่เพิ่งเข้ามาถนัดชัดเจน ชายหนุ่มสะดุ้งกายเล็กน้อยกับอึ้งไปทันที
เขาคุ้นหน้าคุ้นตาหญิงสาวทั้งสองเป็นอย่างดี
หญิงทั้งสองเป็นคนที่เคยพบกันบนเรือเหาะระหว่างที่เยี่ยฉวนกำลังจะเดินทางกลับฉางหลานเป็นครั้งแรก ซึ่งเวลานั้นทั้งคู่ได้เตรียมการที่จะวางยาเขาอีกด้วย
เยี่ยฉวนเอื้อมมือไปหยิบผลไม้จากถาดมาชิ้นหนึ่งและเอ่ยถามเปรยๆ กับทั้งสองว่า “ผลไม้มียาหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สาวใช้ยิ่งก้มหน้าต่ำลงกว่าเดิม อีกทั้งใบหน้ายิ่งแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก
ท่าทางขวยเขินของทั้งสองสาว ทำให้เยี่ยฉวนอดหัวเราะด้วยความขบขันไม่ได้
ผ่านไปครู่ใหญ่ สาวใช้คนหนึ่งรวบรวมความกล้าเอ่ยถามเยี่ยฉวนเสียงขลาด “ท่านเป็นจ้าวกระบี่จริงๆ หรือเจ้าคะ?”
เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปาก “ใช่ เอ่อ เจ้าคิดว่าข้าเท่ไหมเล่า?”
สาวใช้คนกล้าเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าคนถามอย่างพิจารณา พลันพูดเสียงกลั้วหัวเราะขำ “ตั้งแต่เกิดมา ข้าไม่เคยพบผู้ฝึกกระบี่ที่ท่าทางบึกบึนและถึกอย่างท่านมาก่อนเลย ท่านเป็นคนแรกเลยเจ้าค่ะ”
เยี่ยฉวนหน้าเหวอ “……”
พลันคนที่อยู่ทางขวามือของเขาเอื้อมมือไปฉุดแขนคนทางซ้ายพลางพูดกระซิบ “ถงถง อย่าพูดจาเหลวไหลสิ”
สาวใช้ที่มีชื่อว่าถงถงหันมาทางเยี่ยฉวน นางกระพริบตาปริบถามว่า “ท่านไม่โกรธข้าหรือเจ้าคะ?”
อีกฝ่ายเม้มปากทำท่าราวกับครุ่นคิด ก่อนเชิดหน้ามองตรง “เจ้าล่ะคิดว่ายังไง?”
ถงถงคลี่ยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียบ “ท่านไม่โกรธแน่ๆ! เพราะท่านเป็นคนดี ตันตันกับข้าเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองไค่หยางแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อพูดถึงตอนนี้ นางดึงแขนของสาวใช้ที่ชื่อตันตันให้เข้ามาใกล้ ยิ้มกว้างขณะพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ตอนนั้นนางนี่แหละที่เป็นคนจะวางยาท่าน!”
เยี่ยฉวนนิ่วหน้าเล็กน้อย “เจ้าจะใส่ยาอะไรให้ข้ากิน?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงถาม สองนางมีสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันตาเห็น โดยเฉพาะสาวใช้ชื่อตันตัน และเมื่อความเขินอายเกินสุดที่จะทนทานได้ นางพลันต้องยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นปิดหน้าปิดตา
“เข้าใจแล้ว!”
ชายหนุ่มชะงักงันพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากที่สังเกตอากัปกิริยาของสาวน้อยสองนาง เยี่ยฉวนพอจะเดาได้ว่ายาที่สองสาวตั้งใจจะใช้กับเขาในคราวนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน!
“อนิจจา!”
เขานึกพลางถอนใจเฮือกใหญ่ เพราะความหล่อเหลาเกินห้ามใจของตนนั่นเอง เกือบเป็นต้นเหตุให้อัตราการก่ออาชญากรรมในหมู่สตรีเพิ่มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ!
ในตอนนั้น ถงถงเดินเข้ามาจนใกล้ นางยกมุมปากยิ้มล้อเลียนพลางเอ่ยกับเขาว่า “เรื่องนี้รู้กันเฉพาะท่านกับข้า ตันตันฝันจะได้แต่งงานกับผู้ฝึกกระบี่นะเจ้าคะ”
“นี่เจ้าอยากตายหรือไง?”
ทันใดนั้น ตันตันกระโจนเข้าเกาะถงถงไว้แน่น จากนั้นก็ระดมหยิกแกมหยอกอีกฝ่าย แล้วไม่นานทั้งสองคนจึงกลายเป็นอีกฝ่ายไล่ตามและอีกฝ่ายวิ่งหนีกันวุ่นวาย ทำให้เกิดเสียงหัวเราะดังเอะอะขึ้นภายในห้องพักของเยี่ยฉวนบนเรือเหาะ
เยี่ยฉวนนั่งมองดูยิ้มๆ และส่ายหน้าเมื่อมิรู้จะทำอย่างไร เขาจึงหันมองออกไปภายนอกในระยะห่างออกไป ขณะนั้น ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายลมซึ่งพัดมาปะทะใบหน้า อีกทั้งกระแสอุ่นเล็กน้อย
ฉับพลันนั้นปรากฏรอยแสงสว่างวาบขึ้นที่ขอบฟ้าไกลออกไป ครั้งแรกแสงนั้นปรากฏให้เห็นเป็นจุดขนาดเล็ก ทว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวมันกลับใหญ่โตขึ้นเป็นหลายสิบเท่า!
สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหมุนตัวหันขวับมาหนึ่งรอบ “ระวัง!”
เสียงตะโกนเอะอะของเยี่ยฉวนขาดหายในขณะที่ตัวเขาเองขยับเคลื่อนไปอีกด้านเพียงเล็กน้อย และคว้าตัวถงถงซึ่งขณะนั้นอยู่ใกล้ที่สุด เยี่ยฉวนจับถงถงไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปกระชากตันตันผู้ที่ยืนห่างออกไปเพียงไม่ถึงจั้ง
ตู้ม!
แสงสว่างพุ่งวาบเป็นลำยาวราวร้อยจั้ง ฉับพลันพลังอานุภาพร้ายแรงชนิดหนึ่งโจมตีเรือเหาะลำนั้น เพียงไม่กี่อึดใจเรือเหาะทั้งลำแตกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เศษเสี้ยวชิ้นส่วนกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง!
เยี่ยฉวนลอยละลิ่วอยู่ในอากาศโดยมีร่างของสองสาวใช้อยู่ในอ้อมแขนข้างละคน สิ่งที่รองอยู่ใต้ล่างคนคือพลังปณิธานคุณธรรมแห่งกระบี่นั่นเอง พลังปณิธานคุณธรรมกำลังถูกทำลายลงในทุกขณะ แต่ละครั้งที่พลังปณิธานคุณธรรมหลุดร่อน ทำให้เยี่ยฉวนสำลักพรวดเป็นโลหิตออกมาทุกครั้ง
และก่อนที่ร่างของเยี่ยฉวนจะตกกระแทกพื้นดินเบื้องล่าง กระบี่เล่มหนึ่งพลันทะยาบวาบเข้าไปรองรับอยู่ด้านล่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน กระบี่ก็ยังต้องอดทนต่อพลังแรงที่กำลังตกกระทบด้วย ก่อนร่างของชายหนุ่มค่อยๆ ทะยานลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างนุ่มนวลพร้อมกับหญิงสาวใช้ทั้งสองคน
เยี่ยฉวนค่อยวางคนในอ้อมแขนลงบนพื้น ทว่าทันทีที่เห็นสภาพของหญิงสาวทั้งสองพลันคนสีหน้ามีอันเผือดวูบ
หญิงสาวที่ชื่อถงถงนั้นไม่เป็นอะไรมาก เยี่ยฉวนคว้าตัวนางไว้เป็นคนแรกดังนั้นจึงไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ทว่าตันตันเป็นคนที่ถูกพลังปะทะก่อนใคร เวลานี้จุดลมปราณทุกแห่งแตกซ่าน อีกทั้งภายในอวัยวะสำคัญทั้งห้าส่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เยี่ยฉวนไม่รอช้ารีบควักยาสมุนไพรโอสถเทพประสานและกรอกใส่ปากของตันตันทันที ทว่าถึงแม้จะกลืนยาไปแล้วแต่โลหิตแดงฉานก็คงยังไหลซึมมาทางมุมปากของนางอยู่ตลอดเวลา
ตันตันมองหน้าเยี่ยฉวนนัยน์ตาหรี่ปรือเล็กน้อย ขณะนั้นนางขยับทำท่าจะยกมือขึ้น พลันอุ้งมือทั้งสองของหญิงสาวตรงเข้าประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ ที่หางตาทั้งสองปรากฏหยาดน้ำใสหลั่งรินเป็นสาย “ขะ ข้าไม่อยาก……ตาย……”
ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงรีบหยิบยาเม็ดขึ้นมาและป้อนให้นางอีกครั้ง ทว่าดูเหมือนจะไร้ผลด้วยโลหิตยังไหลออกมาทางมุมปากของหญิงสาวอยู่นั่นเอง สิ่งที่เลวร้ายมากกว่าคือสัญญาณชีพของนางเริ่มอ่อนระโหยหลากหลั่งออกจากกายต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตา ทำให้น้ำตาลูกผู้ชายของเยี่ยฉวนถึงกับหลั่งริน “ขอโทษนะ ขอโทษที่ขะ……ข้า……”
คนที่นอนอยู่ค่อยๆ ยกปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของชายหนุ่ม “ท่าน ท่านร้องไห้เพราะสงสารข้าหรือเจ้าคะ?”
เยี่ยฉวนฉวยมือของตันตันมากุมไว้จนแน่น เสียงพูดบ่งบอกความเจ็บปวดรวดร้าวยิ่ง “ข้าขอโทษ ขอโทษด้วยจริงๆ……”
อีกฝ่ายแย้มริมฝีปากซีด หากเพียงเท่านั้นโลหิตจำนวนมากก็ทะลักพรู ทว่าสายตาจ้องจับแน่วนิ่งอยู่บนใบหน้าของเยี่ยฉวน นางมองนิ่งอยู่สักพักก่อนจะคลี่ยิ้มบาง “ถึงข้าจะไม่ได้แต่งงานกับผู้ฝึกกระบี่ แต่ได้ตายในอ้อมแขนของผู้ฝึกกระบี่ นับว่าโชคดีมากแล้ว ท่านเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่เก่งกว่าใครในแผ่นดินชิง ขะ……ข้า……”
ขณะที่พูดไปโลหิตยังทะลักพร่างพรูออกมาจากปากอยู่อย่างไม่ขาดสาย
ขณะเดียวกันลมหายใจเริ่มรวยรินแผ่วลงทุกที……
มือบอบบางของหญิงสาวลูบไล้แผ่วเบาไปบนใบหน้าของเยี่ยฉวน พลันเปลือกตาทั้งสองหรี่ปรือลงทีละน้อย “ถ้าข้าสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก ก็คงจะดีไม่น้อย……”



