บทที่ 367 คนที่เคยพยายามวางยาเยี่ยฉวน (ปลาย)
……
ชายหนุ่มยกร่างซีดเซียวของตันตันขึ้นมากระชับแน่นไว้ในวงแขน ทว่าร่างของตนกลับสั่นสะท้าน เขาจึงสัมผัสได้ทันทีว่าลมหายใจของตันตันเริ่มแผ่วลงทุกขณะ ทันใดนั้น เขาเงยหน้าขึ้นและคำรามเสียงกร้าวด้วยความโกรธขึ้ง……
……
พลันนั้น กลุ่มหมอกควันประหลาดสีขาวไหลทะลักออกมาจากร่างกายของเยี่ยฉวน จากนั้นต่อมากลุ่มควันก็เริ่มไหลเข้าสู่ร่างของตันตัน……
..
หมอกสีขาวที่ว่าก็คือสัญลักษณ์แห่งพลังปณิธานคุณธรรมของเยี่ยฉวนนั่นเอง!
เขาจัดการถ่ายเทพลังปณิธานคุณธรรมให้แก่ตันตันที่นอนสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งตลอดเวลาพลังปณิธานคุณธรรมแทรกซึมเข้าสู่จุดปราณที่แตกซ่านของหญิงสาวและอวัยวะภายในทั้งห้าที่ได้รับบาดเจ็บ
ครู่ใหญ่ต่อมา ชายชราผู้หนึ่งทะยานลงมาใกล้ที่บริเวณเยี่ยฉวน เมื่อเห็นคนเขารีบตรงดิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว “ผู้เยี่ยมยุทธ์เยี่ย ข้าคือจ้าวหอชั้นหกแห่งสำนักอัปสรเมรัย เจ้าเป็น……”
เยี่ยฉวนไม่สนใจฟังคนพูดให้จบ เขารีบพูดทันทีว่า “ตรวจนางด้วย ตรวจดูเถิดขอรับ ทางนี้……”
คนที่เข้ามาจึงไม่รอช้า เขากวาดตามองตันตันที่นอนสงบนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยฉวน เขาตรงเข้าใช้ปลายนิ้วแตะลงบริเวณชีพจรของตันตันก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนิ่งไปครู่เดียวพลันคนก็ขมวดหัวคิ้วสีหน้าครุ่นคิด “ผู้เยี่ยมยุทธ์เยี่ย ท่านช่วยป้องกันความเสียหายของอวัยวะภายในทั้งห้าของนางแล้วก็จริง แต่ว่า……”
“เราจะช่วยนางได้อย่างไรขอรับ?” เยี่ยฉวนถามกลับจ้าวหอชั้นหกด้วยความร้อนรนในใจ
จ้าวหอเห็นเช่นนั้นจึงตอบเสียงเคร่งขรึม “โอสถวัฒนะบำรุงหัวใจ ยาชนิดนี้จะช่วยบำรุงปราณที่หัวใจรวมทั้งปราณอื่นๆ อาการของนางจะค่อยฟื้นตัวในไม่ช้า แต่ข้ากำลังกังวลว่ายาเพียงเม็ดเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะเยียวยาอาการของนางในตอนนี้ นางจำเป็นต้องใช้ยาในระยะยาว ถึงกระนั้นราคายาก็สูงเอาการ เม็ดหนึ่งมีราคาถึงหกสิบล้านเหรียญทอง……”
เยี่ยฉวนพูดรัวเร็ว “ข้าจะจ่ายเงินให้ท่าน ขอแค่นำโอสถวัฒนะบำรุงหัวใจมาเดี๋ยวนี้เลย!”
สายตาของจ้าวหอชั้นหกมองตรงใบหน้าเยี่ยฉวน ท่าทางลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ “คุณชายเยี่ย นางเป็นแค่สาวใช้ เจ้า……”
ชายหนุ่มเงยหน้าขวับ ใบหน้าเบนมาทางจ้าวหอชั้นหก พลางกัดฟันพูดเสียงกร้าว “ชีวิตของสาวใช้ไม่มีค่าหรือยังไง?”
อีกฝ่ายจึงไม่พูดอะไรอีก เขารีบผลุนผลันออกไปทันที จากนั้นไม่น่าเกินครึ่งก้านธูปดี เขาก็ย้อยกลับมาและส่งขวดยาที่ทำจากหยกขาวในมือให้เยี่ยฉวนทันที
ชายหนุ่มรับมาแล้วจึงรีบเปิดขวดยาหยกขาวทันที จากนั้นก็จัดการเทยาบำรุงตันเถียรออกมาหนึ่งเม็ดป้อนแก่ตันตันโดยเร็ว
ทันทีที่โอสถวัฒนะบำรุงหัวใจเข้าสู่ร่างกาย กระแสแห่งพลังประหลาดเริ่มปรากฏไหลเวียนไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายคนเจ็บ ไม่นานนักการไหลเวียนของพลังชี่ภายในจึงกลับสู่สภาวะสม่ำเสมอคงที่
คนที่กำลังจับตามองการแปรเปลี่ยนในทุกขั้นตอน เยี่ยฉวนค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกอง
พลันจ้าวหอชั้นหกหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “คุณชายเยี่ย ทางเราสืบทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแล้วได้ความว่า พวกที่โจมตีเรือเหาะลำนี้คือสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการ ขณะเดียวกับลำแสงที่ปรากฏถูกปล่อยออกมาจากอาวุธปืนใหญ่ทะลวงเมฆา ซึ่งเป็นอาวุธเทียบเท่าศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นแท้จริง! สำหรับต่อสู้ทางอากาศยานโดยเฉพาะ พวกเขาต้องการยับยั้งไม่ให้เจ้าเดินทางไปถึงเมืองหลวง ฉะนั้นต่อไปเจ้าไม่อาจเดินทางด้วยเรือเหาะอีกแล้ว!”
“สถานศึกษาฉางมู่!”
“ดินแดนอันธการ!”
เมื่อคำนึงถึงศัตรูคู่อาฆาตทั้งสองฝ่าย สีหน้าของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนถมึงทึงดุดัน หรือกล่าวได้ว่าเหี้ยมเกรียมก็คงไม่ผิด!
เขานิ่งไปชั่วครู่จึงหันไปถามจ้าวหอชั้นหก “ถ้าไม่มีเรือเหาะ ต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะไปถึงเมืองหลวงขอรับ?”
อีกฝ่ายหยุดคิดชั่วขณะ จากนั้นจึงตอบว่า “ถ้าไปด้วยม้าเพลิงโลกันตร์ซึ่งฝีเท้าว่องไวเป็นเลิศ เกรงว่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งเดือน”
“ครึ่งเดือน!”
ชายหนุ่มสั่นหน้าดิก “ช้าเกินไป! ไม่มีหนทางอื่นเลยหรือขอรับ?”
จ้าวหอส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าแสดงว่าครุ่นคิดหนัก “เจ้าขี่ม้าเพลิงโลกันตร์ไปนั่นคือวิธีที่เร็วที่สุด แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นม้าเพลิงโลกันตร์ ก็ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไปถึงเมืองหลวงในเวลาครึ่งเดือนได้แน่นอนเสียทีเดียว เพราะหนทางไปเมืองหลวงนั้นยาวไกลนัก ต่อให้เป็นม้าเพลิงโลกันตร์ก็ใช่ว่าจะสามารถฝ่าเข้าไปในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลได้ทุกแห่ง”
คนพูดหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “สหาย เจ้าค่อยๆ คิดไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนค่อยตัดสินใจก็ได้”
‘เขายังมาบอกให้ข้าหยุดคิดให้รอบคอบอีกหรือ?’
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ “พวกเขาต้องการชีวิตข้า จะให้ข้ามัวไตร่ตรองอย่างไรได้เล่า?”
จ้าวหอชั้นหกถอนใจเบาๆ “สหาย ถึงแม้เจ้ายืนยันที่จะไปโดยใช้ม้าเพลิงโลกันตร์ ก่อนอื่นเจ้าจะต้องหาม้ามาใช้งานให้ได้สักตัว ซึ่งม้าชนิดนั้นมีแค่ในอาณาจักรต้าอวิ๋นเท่านั้น แล้วเจ้า……”
คนหยุดชะงักพร้อมกับหันไปอีกทางหนึ่ง พลันสายตาที่กำลังทอดมองเห็นบางสิ่งในระยะไกล ที่นั่นม้าตัวหนึ่งซึ่งมีเปลวเพลิงลุกโชนกำลังทะยานเต็มฝีเท้าตรงมาทางที่คนอยู่อย่างรวดเร็ว!
ม้าเพลิงโลกันตร์!
เมื่อม้าเพลิงโลกันตร์วิ่งมาใกล้เยี่ยฉวน มันกลับหยุดฝีเท้ายืนนิ่งที่ข้างชายหนุ่มทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นอีกฝ่ายหน้าถอดสีเผือดลงทันที
หากเยี่ยฉวนมิได้พูดอะไรอีก เขานิ่งไปเนิ่นนานในที่สุดก็เบนหน้าไปพูดกับจ้าวหอชั้นหก “ฝากท่านช่วยดูแลพวกนาง ส่วนค่าใช้จ่ายยาบำรุงตันเถียนข้าจะจ่ายให้ท่านทั้งหมด!”
พูดจบเขากดนิ้วมือลงหนึ่งครั้ง พลันแผ่นป้ายทองคำปรากฏออกเบื้องหน้าผู้เป็นจ้าวหอ
จากนั้นเขาจึงหันไปทางสาวใช้ถงถงและตันตัน “ดูแลตัวเอง รักษาตัวให้ดีๆ”
เยี่ยฉวนทำท่าจะผละออกไปทันทีหลังจากนั้น ตอนนั้นเองถงถงเอื้อมมาจับมือเยี่ยฉวนไว้ เขาจึงหันกลับมองด้วยความสงสัย
หญิงสาวมองคนตรงหน้าเต็มตา “พวกเราเป็นเพียงคนยากจน ท่าน……”
อีกฝ่ายส่ายหน้า “เรื่องความเป็นความตายไม่มีการแบ่งชนชั้น พวกเจ้าดูแลรักษาสุขภาพด้วยก็แล้วกัน!”
จากนั้นคนพูดก็หันหลัง ก่อนพลันกระโจนขึ้นสู่อากาศและต่อมาได้ทะยานลงไปขี่บนหลังม้าเพลิงโลกันตร์ที่ยืนคอยอยู่ เพียงไม่นานนักทั้งคนและม้าก็หายลับไปจากสายตาของถงถงและจ้าวหอชั้นหก
แววตาแห่งความปวดร้าวฉายวาบในสายตาของถงถงซึ่งมองตามเยี่ยฉวนตลอดเวลา
.
ณ วังหลวง แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น
คนที่ประทับนั่งอยู่ในท้องพระโรงมังกรทองท่าที่ก้มศีรษะจนแทบจรดพื้น สตรีกำลังตั้งอกตั้งใจนับมดตัวเล็กที่เดินชักแถวอยู่ข้างหน้า “หนึ่ง สอง สาม สี่……อ้าว เจ้าตัวเล็กอย่าเดินสะเปะสะปะนักซี อย่านะ บอกว่าอย่า……บ้าจริง นับผิดอีกแล้ว!”
เสียงพ่นลมอย่างหงุดหงิด จากนั้นเริ่มนับใหม่อีกครั้ง “หนึ่ง สอง……”
ขณะนั้นสตรีสวมเสื้อเกราะเดินตรงมาที่สตรีซึ่งกำลังนับตัวมดบนพื้น “ฝ่าบาท เวลานี้สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาลจู่โจมทำร้ายเยี่ยฉวนอีกแล้วเพคะ……”
พลันอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น สายตามองตรงมายังคนสวมเกราะ “เห็นว่าเขายอมจ่ายเงินหลายร้อยล้านเพื่อช่วยชีวิตสาวใช้สองคน ใช่ไหม?”
สตรีสวมเกราะผงกศีรษะ
จากนั้นทั้งสองต่างเงียบงันไป ครู่ต่อมาสตรีที่กำลังนับมดเงยหน้าขึ้นพร้อมคลี่ยิ้มกว้าง “คนคนนี้น่าสนใจไม่น้อย!”
สตรีสวมเกราะจึงกล่าวว่า “พลม้าศึกเพลิงโลกันตร์ของพวกตระกูลใหญ่ กำลังมุ่งหน้าสะกัดกั้นเยี่ยฉวนเพคะ ฝ่าบาท……”
พลันนั้นอีกฝ่ายสะบัดมือครั้งหนึ่ง “น่ารำคาญจริงมัวพูดอยู่ได้ ข้ากำลังตั้งใจนับมดน้อยอยู่นี่ หนึ่ง สอง สาม……”
เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายจึงได้แต่หุบปากนิ่งอย่างอดทน “……”



