บทที่ 389 อาจารย์ มาแล้วหรือขอรับ? (ปลาย)
……
ชายหนุ่มหยุดนิ่งด้วยความประหลาดใจ……
……
ทั่วปาเซียวเหยา!……
..
เด็กสาวยืนยิ้มแป้น “ผู้ฝึกกระบี่ นี่ม้าของเจ้า!”
นางพูดพลางทำท่าชี้มือลงไปที่เจ้าม้าเพลิงโลกันตร์ตัวใหญ่ที่คนกำลังขี่อยู่บนหลัง
เยี่ยฉวนอ้าปากทำท่าจะค้าน ทว่าทั่วปาเซียนเหยากลับหันหลังขวับพร้อมตวัดค้อนในมือฟาดลงเบื้องหน้าเต็มแรง
เปรี้ยง!
ศิษย์ฉางมู่คนหนึ่งโดนพลังค้อนฟาดเข้าเต็มเหนี่ยวจนกระเด็นไปทันที!
ทั่วปาเซียนเหยากวาดสายตาทั่ว พลันนั้นเด็กสาวทำท่าถ่มน้ำลายใส่กลุ่มศิษย์ฉางมู่ “ถุย! มีพวกเจ้ามากมายแต่กลับรุมคนเพียงคนเดียว น่าทุเรศสิ้นดี!”
จากนั้นนางไม่พูดพล่ามทำเพลง กระโจนลงจากหลังม้าและเหวี่ยงค้อนตีตะปูขวับ
ตู้ม!
พื้นพสุธาทั้งบริเวณโยกไหว ขณะเดียวกันพวกฉางมู่กว่าสามสิบคนที่อยู่ในละแวกกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง!
ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปข้างสาวน้อยทันที เยี่ยฉวนกระตุกแขนเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแรง “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ทั่วปาเซียวเหยาหันขวับก่อนตอบเสียงเข้ม “มาช่วยเจ้าน่ะสิ!”
เยี่ยฉวนนิ่วหน้าสุ้มเสียงเอาเรื่อง “นี่มันเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
เด็กสาวนิ่งไป หากแล้วก็รีบพูดว่า “พ่อข้าเคยบอกว่าเมื่อใดที่ข้าออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยตนเอง ข้าจะต้องซื่อสัตย์กับมิตร! เจ้าเล่า เข้าใจความหมายของคำว่าซื่อสัตย์หรือเปล่า? ความซื่อสัตย์ก็คือ……คือ……เอ้อช่างเหอะ ข้าขี้เกียจอธิบายเพราะเจ้ารู้อยู่แล้ว ใช่ไหม?!”
เยี่ยฉวนนิ่งอั้น “……”
อีกฝ่ายเห็นเข้าจึงกระเถิบเข้ามาใกล้เยี่ยฉวน พลางถามเสียงเครียด “เจ้าว่าข้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์กับมิตรหรือเปล่า?”
ชายหนุ่มฝีนยิ้มหน้าเจื่อน “เซียวเหยา คนพวกนี้คือสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการ ซึ่งเป็นสองกลุ่มมหาอำนาจแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเจ้าเข้ามาข้อง จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพบกับความเดือดร้อนไปด้วย!”
ทั่วปาเซียวเหยาโบกมือเป็นเชิงห้าม เด็กสาวดูจะไม่เป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย “ข้าไม่กลัว บิดาข้าเก่งมาก พี่ชายคนโตของบิดาก็เก่งมากด้วย ลุงสามของข้าเองก็เก่งมากมาก!”
เยี่ยฉวนอ้าปากจะพูดทว่าเด็กสาวกลับยกมือตบป้าบเข้าให้บนบ่าของเขา “บิดาของข้าพูดเสมอว่าสุภาพบุรุษพร้อมทุกเมื่อที่จะตายแทนสหายผู้เป็นคู่หู! ถึงแม้ข้าจะตายแทนเจ้าไม่ได้ แต่ก็จะขอสู้เคียงข้างไปด้วยกัน!”
เมื่อพูดกับคนตรงหน้าจบ นางจึงหันไปทางกลุ่มคนพร้อมกับยกค้อนตีตะปูขึ้นชูหรา “ข้าชื่อทั่วปาเซียวหยวน บิดาข้าเป็นคนเก่ง พี่ชายคนโตของบิดาก็เก่งมากเหมือนกัน ท่านลุงสามก็เป็นคนที่มีฝีมือไม่น้อย……แต่พวกเจ้าวางใจได้ข้าจะไม่ใช้ความเป็นยอดฝีมือของบิดามากลั่นแกล้งพวกเจ้า ถ้าข้าสู้ไม่ได้ ก็จะไม่ขอให้บิดามาช่วยเหลือ! แต่ถ้าบิดาข้าอยากแก้แค้นพวกเจ้า เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้!”
คนที่นิ่งงงงัน “……”
เยี่ยฉวนส่ายหน้าพลางยิ้มขำ เขายุติการต่อสู้และเดินตรงไปทางภูเขา
เสียงของทั่วปาเซียวเหยายังพูดต่อไป ขณะที่นางหันไปมองคนรอบตัว “ท่านปู่ของข้าก็เก่งมากด้วย!”
จากนั้นก็รีบวิ่งตื๋อตามหลังเยี่ยฉวนไปทันที
ศิษย์ฉางมู่ทั้งกลุ่มต่างมองเห็นว่าเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยากำลังเดินขึ้นเขาไป แต่ละคนหน้าตาเหยเกสีหน้าหมองคล้ำ ทว่าพวกเขาหาได้กล้าขยับออกตาม!
แม้แต่ยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ที่มีอยู่เพียงไม่กี่คน พวกเขายังไม่กล้าขัดขวางสองคนนั้น!
ด้วยเหตุนี้เอง สองคนเยี่ยฉวนและเด็กสาวทั่วปาเซียวเหยาจึงเดินขึ้นเขาสู่สถานศึกษาฉางมู่ที่ตั้งอยู่บนสุดได้สะดวกยิ่งนัก ทั้งสองคนข้ามเนินเขาหลายต่อหลายแห่งกระทั่งไปจนถึงศาลเจ้าฮ่าวหรันแห่งสถานศึกษาฉางมู่
เยี่ยฉวนหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าบริเวณศาลเจ้า ศีรษะแหงนเงยขณะใบหน้าเบนขึ้นไปทางจุดที่สูงที่สุดซึ่งมีแผ่นจารึกติดไว้ที่ส่วนยอดเหนือศาลเจ้าฮ่าวหรัน ที่แผ่นจารึกนั่นเองปรากฏกระบี่ที่ทำจากใบไม้ปักตรึงติดอยู่ด้านบนสุด
กระบี่ใบไม้
เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกดปลายเท้าลงบนพื้น ทันใดนั้นเขาก็ทะยานขึ้นไปฉวยเอากระบี่ใบไม้!
ทันทีที่อุ้งมือของเขาแตะด้ามกระบี่ใบไม้ ความรู้สึกแวบแรกที่เกิดขึ้นคือสัมผัสที่เย็นจัดดุจน้ำแข็ง!
ชายหนุ่มดึงกระบี่ขึ้นมาถือจากนั้นคนจึงทะยานลงสู่พื้นเบื้องล่าง ในขณะที่หัวคิ้วย่นเข้ากันจนเกือบชิด
เยี่ยฉวนพบว่าแท้จริงแล้วกระบี่ใบไม้มิได้มีความพิเศษแต่อย่างใด!
ด้วยลักษณะของกระบี่ซึ่งทำมาจากใบไม้จริง!
“เกิดอะไรขึ้น?”
“กระบี่นี้เสกขึ้นจากไสยเวทย์งั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนคิดกลับไปกลับมาด้วยสับสน
ขณะนั้นความรู้สึกบอกกับตัวเองว่ากระบี่เล่มนี้ทำด้วยใบไม้ของจริง อีกทั้งมิได้มีคุณสมบัติวิเศษวิโสแต่อย่างใด! เบื้องลึกภายในก็คือกระบี่สามัญทั่วไปนั่นเอง! หากเขามีเวลามากกว่านี้สักหน่อย เชื่อแน่ว่าตนเองสามารถประดิษฐ์กระบี่ชนิดเดียวกันนี้ได้อย่างแน่นอน!
กระบี่ที่สร้างขึ้นจากใบไม้มารวมกัน!
เยี่ยฉวนฉวยกระบี่ไว้ในมือ ขณะนิ่งมองอย่างใช้ความคิด
ชั่วครู่ต่อมา สีหน้าของเขาบ่งชัดว่าตกตะลึงกับบางสิ่ง หากมิได้เอ่ยปากออกมา
ศิษย์ฉางมู่กลุ่มใหญ่กระจายกันล้อมเยี่ยฉวนไว้ แต่ไม่มีใครกล้าเปิดจู่โจม
ทั่วปาเซียวเหยากวัดแกว่งค้อนไปรอบๆ ขณะจับตามองศิษย์ฉางมู่ด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
ทั้งสองตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่จะเรียกได้ว่าจนมุมเช่นนั้นราวครึ่งก้านธูป กระทั่งเยี่ยฉวนบิดยกมุมปากยิ้มน้อยๆ
เด็กสาวหันไปมองคนด้านข้าง เยี่ยฉวนส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างไม่มีสาเหตุ “เข้าใจแล้ว!”
ทั่วปาเซียวเหยางุนงงหนักขึ้น “เจ้าบอกว่าเข้าใจ……เข้าใจอะไร?”
ชายหนุ่มปล่อยหัวเราะพรืด “อาจารย์ต้องการจะบอกความจริงกับข้าอย่างไรล่ะ คนที่ได้ชื่อว่าผู้ฝึกกระบี่ ต้องขับไล่ศัตรูได้ถึงแม้จะมีเพียงกิ่งไม้เพียงก้านเดียว!……และเพื่อเช่นนั้นแล้ว คนผู้นั้นจึงต้องเป็นผู้สำเร็จขั้นพื้นฐาน!”
เมื่อคนพูดจบ พลันกระบี่ใบไม้ที่ถืออยู่ในมือแปรเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงกระบี่ เพียงพริบตาต่อมากระบี่ใบไม้ได้ทะยานวาบและหายลับไปไกลสุดขอบฟ้า
ณ แคว้นเจียง
ใบไผ่จำนวนมากมหาศาลพลันกลับไปปรากฏอยู่ตามกิ่งก้านใบที่เคยโกร๋นเกร๋น……
สถานศึกษาฉางมู่ แห่นอาณาจักรต้าอวิ๋น
เมื่อกระบี่ใบไม้เลือนหาย เยี่ยฉวนรู้สึกอิ่มเอิบในจิตใจด้วยตระหนักในสิ่งที่เซียนกระบี่อาจารย์สั่งสอนซึ่งมิใช่สอนให้เขารู้เพียงเส้นทางกระบี่ หากยังสอนให้รู้ถึงสัจจธรรมที่แท้จริงด้วย
เมื่อเขากลับเป็นตัวเองอีกครั้ง เยี่ยฉวนหันไปเผชิญหน้ากับศิษย์ฉางมู่ซึ่งกำลังล้อมกรอบจนไว้ ขณะที่ชายหนุ่มทำท่าจะเข้าจู่โจม พลันเขาทำท่าราวกับคิดได้บางอย่าง ทันใดนั้นเยี่ยฉวนหันหน้าไปทางเด็กสาว “เซียวเหยารีบไปที่คลังสมบัติของฉางมู่ จากนั้นจึงหยิบของที่เจ้าอยากได้ไปให้หมด!”
เด็กสาวกระพริบตาปริบ “เอ่อ ข้ารู้สึกกระดากใจนิดหน่อย!”
เยี่ยฉวนทำท่าจะพูดตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ทว่าสาวน้อยกลับหันหลังขวับและวิ่งปร๋อออกไปยังที่ตั้งคลังสมบัติของสถานศึกษาฉางมู่ทันที
ชายหนุ่มจึงได้แต่อ้าปากค้างนิ่งเงียบไปเป็นครู่ “แน่ใจนะว่า เจ้ากระดากใจจริงๆ?”
“เจ้าเยี่ยฉวน!”
ขณะนั้น คนในขั้นยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจ้องมองมาที่เยี่ยฉวนด้วยใบหน้าถมึงทึง “กลั่นแกล้งพวกข้าเกินไปแล้ว เจ้ามัน……”
“ข้าจะทำกับพวกเจ้าให้ยิ่งกว่านี้!”
เยี่ยฉวนฉวยกระบี้ชี้หน้ายอดยุทธ์ผนึกยุทธ์คนที่ยืนอยู่ต่อหน้า “เจ้าทนได้ไหมล่ะ? ถ้าไม่ได้ ก็เข้ามาตีข้าเลย!”
ยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์แทบกระอักเป็นโลหิต ก่อนจะเหลือบมองไปยังคนอื่นที่เป็นยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ที่มีเพียงไม่กี่คนพลางส่งเสียงคำรามลอดไรฟัน “มันกลั่นแกล้งสร้างความเคืองแค้นให้แก่พวกเรา ไฉนจึงจะยอมให้มันทำกับเราเช่นนี้? พวกเรามาร่วมมือร่วมใจต่อสู้จนกว่าจะตายกันเถิด ถึงยามคับขันที่พวกเราต้องยอมพลีชีวิตแล้ว!”
“ประลองเป็นตาย!”
พลันศิษย์ฉางมู่ทุกคนตะโกนโห่ร้องโดยพร้อมกันเสียงดังกึกก้อง บรรดายอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ต่างหันมาสบตาซึ่งกันและกัน แววตามุ่งมั่นทุกคู่เปล่งแสงวาววามดั่งเหล็กกล้า
“ฆ่ามัน!”
ทันใดนั้น ยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์ประสานเสียงดังปานกัมปนาท ในขณะจวนเจียนกับที่คนของฉางมู่กำลังจะเข้าจู่โจมพร้อมกัน
ณ เวลาเดียวกันนี้เอง คนของฉางมู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ ผู้อาวุโสหรือศิษย์ พวกเขาต่างพร้อมใจกันพลีชีพเพื่อประลองเป็นตาย!
ทว่าฉับพลันนั้นเยี่ยฉวนซึ่งยืนอยู่ในที่ไกลออกไปเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า “อาจารย์ มาแล้วหรือขอรับ?”
ทันใดนั้นคนฉางมู่ทุกคนที่กำลังอยู่ในบริเวณลานพากันชะงักหยุดอยู่กับที่!



