บทที่ 394 โลกมนุษย์นี่น่าเบื่อจริง!
……
ภาพที่ปรากฏส่งผลให้ทั้งบริเวณเงียบกริบ……
……
ชายวัยกลางคนอุปทูตฝ่ายซ้ายนัยน์ตาเบิกกว้าง แววตาบ่งชัดว่าแม้ตนเองยังไม่อยากเชื่อต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น……
..
เขายังไม่ตายก็จริงอยู่ ทว่าจิตวิญญาณได้ล่องลอยหายไปโดยเร็วเสียแล้ว อีกอย่างบัดนี้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้แม้แต่น้อย
มิใช่กายเนื้อของคนที่ถูกตรึงไว้กับที่ หากเป็นจิตวิญญาณของกายเนื้อต่างหาก!
หลังจากคนสิ้นอายุขัยจะมีการเวียนว่ายตายเกิดและกลับชาติเกิดใหม่ ทว่ากายเนื้อจะมีจิตวิญญาณในตัวเอง
ขณะนั้นดูเหมือนว่าเส้นผมจะทำลายได้แม้แต่จิตวิญญาณกระนั้น!
ตามปกติคำอธิษฐานมีก็เพื่อส่งจิตวิญญาณให้กลับสู่สังสารวัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และเมื่อคนสิ้นอายุขัย ทุกสิ่งอย่างจะดับสูญยกเว้นจิตวิญญาณ แม้แต่ชายวัยกลางคน หรือความจริงก็คือเป็นใครใครก็รู้ว่าจิตวิญญาณไม่มีทางดับสูญ
ทว่าสตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขานี้นางกลับทำได้!
นางมิใช่เพียงเซียนกระบี่ หากแต่เป็นมากกว่าเซียนกระบี่ธรรมดา!
คิดได้แล้วความรู้สึกสะพรึงกลัววูบเข้าครอบงำจิตใจ!
บัดนี้ เขาตระหนักแน่แก่ใจแล้วว่าสถานศึกษาฉางมู่ประเมินความแข็งแกร่งของสตรีผู้นี้ต่ำเกินไป อย่างร้ายแรง
และไม่ใช่อุปทูตฝ่ายซ้ายคนเดียวที่คิดเช่นนั้น แต่ชายชราผิวคล้ำรวมทั้งคนอื่นต่างตกอยู่ในอาการตกตะลึงด้วยเช่นเดียวกัน!
เส้นผมเพียงหนึ่งเส้นก็สามารถสยบอีกฝ่ายจนราบคาบ!
“ทักษะชนิดนี้?”
คนที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นชายชราผิวคล้ำและทุกคนมองนิ่งไปยังสตรีลึกลับเป็นจุดเดียว ทุกคนต่างตื่นตัวด้วยต่างเล็งเห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของศัตรูเบื้องหน้า
สตรีลึกลับมิได้ใส่ใจต่อท่าทีของคนอื่นที่อยู่รอบข้าง นางจึงหันไปหาคนที่นอนพังพาบกับพื้นดินอีกด้าน “เป็นอย่างไรบ้าง?”
เยี่ยฉวนหน้าเหยเก “เป็นอย่างไรน่ะหรือขอรับ?”
สภาพของเขากลายเป็นคนพิการไร้ความสามารถเสียแล้ว!
เพราะกระบี่ถูกทำลาย นั่นหมายความว่าจุดตันเถียนของเยี่ยฉวนได้ถูกทำลายไปด้วย ทำให้ตอนนี้เขาจึงไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาสามัญแท้จริง มิใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์อีกแล้ว!
ชายหนุ่มเหลือบตามมองมายังสตรีลึกลับหวังว่าจะได้เห็นสีหน้าของนางสักครั้ง ทว่าโชคร้ายที่ไม่อาจเห็นใบหน้านั้นได้แม้แต่น้อย ถึงแม้ว่านางจะยืนอยู่ห่างกันแค่เอื้อมก็ตาม!
พลันสตรีลึกลับถามมาด้วยสุ้มเสียงเรียบเรื่อยอย่างที่สุด “เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงถามเรื่องกระบี่?”
เยี่ยฉวนนิ่งคิดก่อนรีบตอบกลับให้ว่า “เพราะว่าหากปณิธานกระบี่แข็งแกร่ง จะส่งผลให้กระบี่ของคนผู้นั้นแข็งแกร่งตาม ขอรับ”
คนถามตรงหน้าพยักหน้าน้อยๆ “อย่างน้อยเจ้าก็ไม่แย่เสียทีเดียวที่ยังรู้ความหมาย ถึงกระนั้นมีความหมายอื่นอีกซึ่งเจ้าต้องค้นหาให้ได้ด้วยตัวเอง”
ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนเล็กน้อย “ผู้อาวุโส ตอนนี้ข้าไม่ต่างอะไรกับคนพิการแล้วขอรับ!”
“คนพิการงั้นหรือ?”
สตรีลึกลับถามด้วยเสียงปนเยาะหยัน “อะไรคือความพิการ? เจ้าไม่ได้เป็นผู้ฝึกกระบี่ที่ไร้ตันเถียนกระบี่ อย่างนั้นหรอกหรือ?”
อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “ข้าจะกลับเป็นเหมือนเดิมได้ไหมขอรับ?”
เสียงคนตอบกลับเย็นชายิ่งนัก “ไม่ได้ เจ้าทำไม่ได้ มีแต่จะรอวันตายเท่านั้น!”
ชายหนุ่มเม้มปากแน่น “……”
ราวกับอีกฝ่ายสตรีลึกลับจะหมดเรื่องพูดกับคนตรงหน้า นางหันหลังกลับและเดินตรงไปยังชายชราผิวคล้ำและหลายคนที่รวมกลุ่มอยู่อีกทาง ปล่อยเยี่ยฉวนไว้ตามลำพัง ชายหนุ่มก้มศีรษะลงต่ำด้วยกำลังครุ่นคิดหนัก ทันใดประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินดังขึ้นภายในจิตใจ
เขาไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ที่ไร้จุดตันเถียนกระบี่เหรอ?
เยี่ยฉวนเริ่มดำดิ่งลงสู่ห้วงคำนึง
ขณะเดียวกันสตรีลึกลับเดินตรงไปหยุดลงเบื้องหน้าชายชราผิวคล้ำและคนอื่นๆ เสียงชายชราเปิดปากแววตากร้าว “เจ้าไม่ใช่เซียนกระบี่!”
“เซียนกระบี่?”
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของสตรีลึกลับบ่งบอกว่าดูแคลนคำพูดนั้นยิ่งนัก “นั่นน่ะคือเมื่อหมื่นปีก่อนต่างหาก!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราผิวคล้ำอดไม่ได้จึงลอบชำเลืองมองดูคนสวมชุดยาวเรียบเบื้องหน้า ขณะเดียวกันมือข้างขวาซึ่งจับไม้เท้าขยับกำแน่นขึ้น ท่าทีเก็บงำความรู้สึกไม่แสดงออกมาให้เห็น ทว่าภายในส่วนลึกของจิตใจกำลังตื่นตระหนกเป็นที่สุด
นางบอกว่ากว่าหมื่นปีที่แล้ว?
คนจะมีอายุยืนยาวได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?
ผู้ถือพลังขั้นสูงสุดในตำนาน มีอายุยาวนานได้ถึงเพียงนี้หรือ?
สตรีลึกลับคนนี้นางเป็นใครกันแน่?
ชั่วขณะหนึ่งประดาคำถามร้อยแปด ประดังเข้าสู่ความคิดของชายชราผิวคล้ำ
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ถ้าเป็นจริงตามที่บอกคือนางเป็นเซียนกระบี่มานานนับหมื่นปี ขั้นพลังของนางในเวลานี้จะถึงระดับใด?
เป็นไปไม่ได้!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นพลันสายตาคมกริบแฝงแววเหี้ยมเกรียมของชายชราตวัดวาบ “คิดจะหลอกให้กลัวงั้นหรือ?”
ทันใดนั้นเสียงของคนจางหาย พลันก็ขยับไม้เท้าจิ้มลงบนพื้นดินตรงหน้าเบาๆ “เบิกเนตรเทพอสูร!”
ทันใดนั้น สีสันบนโลกแปรเปลี่ยนฉับพลัน
ท้องฟ้ากลับกลายมืดมิด ก้อนเมฆสีดำทะมึนลอยมาแผ่ปกคลุมอยู่เหนือสถานศึกษาฉางมู่ ซึ่งภายในกลุ่มเมฆนั้นเองปรากฏดวงตาประหลาดสีดำดวงหนึ่ง รอบดวงตามีแสงสายฟ้าแปลบปลาบและเกิดเสียงฟ้าร้องคำราม ในขณะเดียวกันพลังกดชนิดหนึ่งพุ่งจากบนลงล่าง ความรุนแรงนั้นราวจะทำให้ฟ้าถล่มทลายลงได้ในพริบตาก็ปาน
ที่พื้นล่าง บรรดาผู้คนต่างตกอกตกใจวิ่งหนีตายกันอลหม่านไปทั่วทุกทิศทาง
ชายชราซึ่งยืนประจันหน้ากับสตรีลึกลับ กำลังแสยะยิ้มสีหน้าดุดัน “แม่นาง คอยดูทีข้าบ้าง!”
ทันทีที่พูดขาดคำ คนพูดชูไม้เท้าชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า พลันนั้นดวงตายักษ์ก็เหลือบมองลงมาด้านล่างทันที โดยสายตาเบนไปตกอยู่ที่ร่างของสตรีสวมชุดยาวเรียบ พร้อมกับเสาสายฟ้าฟาดผ่าลงมาจากตรงกลางดวงตายักษ์ เมื่อสายฟ้าปรากฏขึ้นในอากาศพลันพื้นพิภพเกิดความสั่นไหวโยกคลอนอย่างรุนแรง
วิชาเทพอมตะ!
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ผู้คนจับตามองสายฟ้าในอากาศด้วยความรู้สึกสะพรึงกลัว ทักษะนั้นอยู่เหนือขอบเขตความสามารถของคนธรรมดา
“นั่น วิชาเทพอมตะ!”
“เซียนกระบี่จะรับมือไหวเหรอ?”
เมื่อเป็นดังนี้จึงพากันเบนสายตาไปทางสตรีสวมชุดยาวเรียบทีละคนสองคน
ท่าทีของสตรีที่อยู่ตรงข้ามมือข้างซ้ายไขว้ไว้ด้านหลัง และข้างขวาใช้สองนิ้วกระตุกเส้นผมที่ถักเป็นเปียยาว เมื่อเสาสายฟ้าฟาดฟ้าลงเหนือศีรษะของนางชั่วระยะห่างราวเก้าจั้ง สตรีจึงพลิกข้อมือข้างขวาตวัดนิ้วชี้ขึ้นสูง
ปรากฏเส้นผมหนึ่งทะยานวาบขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมากด้านล่าง พลันเสาสายฟ้าเริ่มค่อยๆ พร่าเลือน เพียงชั่วไม่กี่วินาทีเท่านั้นเสาสายฟ้าประหลาดก็หายวับไปในอากาศ ขณะที่เส้นผมยังมิหยุดทะยาน ด้วยกำลังพุ่งทะลุผ่านเข้าไปในท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องต่อไป
เปรี้ยง!
สิ้นเสียงดังสนั่น ดวงตาขนาดใหญ่ยักษ์แหลกกระจายและหายวับไปทันที
จากนั้นท้องฟ้าก็กลับสู่สภาวะปกติ
บรรยากาศที่พื้นดินในเวลานี้เงียบกริบเป็นป่าช้า
ชายชราผิวคล้ำถึงกับหน้าซีดราวซากผี ขณะแหงนมองดูท้องฟ้าเวิ้งว้างว่างเปล่า “เป็นไปได้อย่างไร……เป็นไปได้อย่างไร……”
เหตุใดเส้นผมเพียงเส้นเดียวจึงสามารถทำลายทักษะมหาเวทย์ของเขาได้เช่นนี้!
บัดนี้ชายชราผิวคล้ำตกอยู่ในภาวะหลงลืมสถานะปัจจุบันไปชั่วขณะหนึ่ง
คนทั้ง 11 ที่อยู่ด้านหลังต่างอยู่ในอาการตกตะลึงแทบไม่เชื่อสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอุปทูตฝ่ายซ้ายที่ยังไม่ตายเสียทีเดียว ขณะนั้นสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าปานถูกฟ้าผ่าจนได้แต่นิ่งขึงตะลึงงงงัน
เพราะผู้เป็นเซียนกระบี่ จะทำเช่นนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน!
ไม่ใช่เซียนกระบี่!
นางสำเร็จถึงขั้นพลังที่สูงกว่าเซียนกระบี่งั้นหรือ?
อุปทูตฝ่ายซ้ายนิ่งมอง คิดพลางมือไม้เริ่มสั่นเทา!
บนพื้นดินสตรีลงชุดยาวยืนนิ่งมิได้จู่โจมต่อไป นางได้แต่หันกลับและเดินไปทางเยี่ยฉวนเมื่อหยุดลงเบื้องหน้าอีกฝ่าย นางทอดสายตามองคนนิดหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ว่ายังไง คิดออกหรือยัง?”
เยี่ยฉวนเงยมองสตรีลึกลับ “ขอเวลาข้าอีกสักเดี๋ยวได้ไหมขอรับ?”
คนที่ยืนต่อหน้าตอบเบา “ได้สิ!”
จากนั้นจึงหันกลับ เวลานั้นชายชราผิวคล้ำส่งเสียงดังมาจากที่ไม่ห่างไกลมากนัก “เจ้าไม่ใช่เซียนกระบี่ เจ้ามัน……”
พลันเสียงพูดขาดห้วงทันที ด้วยปรากฏมีเส้นผมพุ่งเข้าที่จุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของคน ซึ่งก็เช่นเดียวกับอุปทูตฝ่ายซ้าย พวกเขากระดิกกระเดี้ยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!
เขายังไม่ทันได้โต้กลับเลยแม้สักกระบวนท่า!
สตรีลึกลับใช้นิ้วขาวนวลเนียนชี้ไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย “ใครใช้ให้พูด?”
ชายชราหุปบปาก จ้องสตรีตรงหน้าเขม็งสายตาฉายแววหวาดหวั่นพรั่นพรึง! มั่นใจว่าสตรีคนนั้นมิใช่เซียนกระบี่แน่แท้! นางอาจเป็นคนที่ถึงขั้นพลังสูงสุดผู้เป็นตำนาน
เมื่อคิดเช่นนี้ ชายชราผิวคล้ำถึงกับหน้าซีดขาวราวกระดาษ
จบสิ้นแล้ว!
ความคิดแวบขึ้นในหัว!
สตรีสวมชุดยาวเรียบเลิกใส่ใจกับท่าทีของชายชราผิวคล้ำ แต่หันไปทางคน 11 คน ถัดไปอีกด้าน ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าของทุกคนแสดงความหวาดกลัวสุดขีดและขยับเตรียมที่จะหนี สตรีจึงทำท่าบีบนิ้วหัวแม่มือกับปลายนิ้วชี้เข้าหากันก่อนแยกออกจากกันทันที พลันช่องว่างระหว่างปลายนิ้วบังเกิดเป็นลำแสงกระบี่พุ่งออกไป
ที่ไม่ไกลออกไป ศรีษะคน 11 ศีรษะ กระเด็นหลุดจากบ่าไล่เรียงไปทีละคนจนหมด
ครู่ต่อมา คนทั้ง 11 ถูกสังหารตาย!
หมดทุกคน!
ในชั่วพริบตา!
นางหันหลังและทิงไปทางเยี่ยฉวน “ว่ายังไง คิดออกหรือยัง?”
อีกฝ่ายพยักหน้าทันที
สตรีเดินตรงเข้ามาหยุดลงเบื้องหน้าเยี่ยฉวน “ตอบมาสิ!”
ชายหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ “กระบี่ตามแนวทางของผู้ฝึกกระบี่คือกระบี่เต๋า ทั้งในด้านแนวคิดและความเชื่อต่างใช้แทนพลังชี่ ดังนั้นต่อให้ข้าไร้ซึ่งตันเถียนแต่ข้าก็ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ฝึกกระบี่อยู่นั่นเอง!”
สตรีตรงหน้ามองคนพูด และนิ่งไปโดยไม่กล่าวว่าอะไร
เยี่ยฉวนหน้าเจื่อนถามอย่างระมัดระวัง “ข้าพูดผิดหรือขอรับ?”
อีกฝ่ายตอบเสียงเอื่อย “จะว่าไปเจ้าก็ไม่ได้โง่อย่างที่คิด!”
ชายหนุ่มยิ้มแหย “……”
สตรีสะบัดข้อมือเบาๆ พลันกระบี่หลิงซิ่วซึ่งแหลกละเอียดเป็นเศษเสี้ยวพุ่งวาบมากองอยู่บนฝ่ามือ ทันทีที่นางปัดเศษชิ้นส่วนบนมือวูบหนึ่งพลันกระบี่หลิงซิ่วก็กลับคืนสู่สภาพเดิม คนฉวยกระบี่ขึ้นมาจากนั้นจึงแตะลงบนบ่าของเยี่ยฉวน “ข้าจะช่วยเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย นับแต่นี้ไปเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เติบโตด้วยตัวของเจ้าเอง”
เมื่อสตรีตรงหน้ากดนิ้วชี้ลง กระบี่หลิงซิ่วก็หายวาบเข้าสู่ภายในกายของเยี่ยฉวน!
สตรีหันหลังและเดินตรงไปยังอุปทูตฝ่ายซ้าย อีกฝ่ายทำท่าจะอ้าปากพูดฉับพลันนั้นเส้นผมที่หว่างคิ้วได้พุ่งอย่างรวดเร็วทะลุเข้าจุดกึ่งกลางหน้าผากของคน
ฉึก!
ร่างของอุปทูตฝ่ายซ้ายค่อยเลือนหายไปในที่สุด!
ขณะเดียวกันสายตาของอีกฝ่ายมองแน่วนิ่งที่สตรีตรงหน้าด้วยแววตาหวาดกลัวสุดขีด ยังไงก็ตามคนอย่างเขาต้องมาตายโดยไร้ค่าเช่นนี้ ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือตัวตนที่กำลังจะเลือนหายไปจากโลกใบนี้!!
ไม่เพียงเขาเท่านั้น ชายชราผิวคล้ำกำลังเริ่มพร่าเลือนด้วยเช่นกัน
ชายชราไม่มีทีท่าจะต่อสู้ขัดขืน หากยังจ้องมองสตรีด้วยสายตาแรงกล้า “เจ้าจะบอกข้าได้ไหมว่าพลังที่แท้ของเจ้าเป็นเช่นไร?”
สตรีสวมชุดยาวตรงเข้าไปใกล้คนพูดอีกก้าว “เหตุใดจึงคิดว่านี่คือพลังที่ร้ายกาจที่สุด?”
ชายชรามองตรงใบหน้าของคนตรงข้าม “มีผู้ฝึกกระบี่หลายคนที่บรรลุขั้นพลังสูงสุด ทว่าไม่เคยมีปรากฏในโลกชิงฉางมาก่อน!”
นางพยักหน้าน้อยๆ “ตามความเห็นของข้า พวกมันก็แค่มดปลวกเท่านั้น!”
อีกฝ่ายถึงกับเบิกตาโพลงกับสิ่งที่ได้ยิน
ก่อนที่ร่างกายจะสูญสลายแววตาส่องประกายวาววับ!
ผู้ฝึกกระบี่ขั้นพลังสูงสุด กลับเป็นเพียงมดปลวก……
ในเวลานั้น ชายชราผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นในอากาศที่สูง
ผู้ตรวจการเขตแดน!
สายตาเป็นประกายกร้าวจับร่างสตรีสวมชุดยาวเรียบ “ทำไมจึงมาอยู่ที่แผ่นดินชิง เจ้า……”
ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย เพียงประกบสองนิ้วมือตวัดขึ้นด้านบน
ฉึก!
เส้นผมหนึ่งเส้นแทรกเข้าจุดกลางหว่างคิ้วของชายชรา และร่างของเขาถูกแขวนนิ่งขึงอยู่ในอากาศเช่นนั้น!
คนในถูกแขวนลอยกลางอากาศจ้องมองฝ่ายสตรี ความประหวั่นพรั่นพรึงฉายชัดในแววตา “เจ้ากล้าสังหารผู้ตรวจการเขตแดน เจ้า……”
สตรีหันมองนิ่ง “เอาสิ เรียกคนของเจ้ามา!”
ชายชราร่ายเวทย์พร้อมบดศิลาถ่ายทอดสัญญาณทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ผู้ตรวจการเขตแดนถูกทำร้าย!
นานเท่าใดแล้วที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้?
ในแผ่นดินชิง แม้แต่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ไม่เคยมีใครกล้าทำเรื่องเช่นนี้!
สตรีสวมชุดยาวละความสนใจจากชายชราบนอากาศ และหันไปมองคนอื่นที่อยู่รอบด้านจากนั้นจึงส่ายหน้าท่าทีระอาเอือมเต็มที่ “โลกมนุษย์นี่น่าเบื่อจริงๆ!”
หลังจากนั้นคนพูดเบนหน้าไปทางเยี่ยฉวน “มา ข้าจะสอนทักษะการควบคุมกระบี่ให้ตกจากท้องฟ้า!”
เมื่อนั้นนางผลักนิ้วชี้ออกไปเป็นทำนองบังคับทิศทาง พลันกระบี่หลิงซิ่วทะยานวาบออกจากภายในกายเยี่ยฉวนขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็ว
กระบี่ค่อยเปลี่ยนเป็นพุ่งจากบนลงล่าง ทันใดนั้นบรรยากาศรอบด้านบนพื้นโลกพลันแปรเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาเลอะเลือน นอกจากนั้นพื้นแผ่นดินบังเกิดสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นปริแยกแตก เทือกเขาสูงในละแวกกำลังทะยอยถล่มลงสู่พื้นราบ……!



