บทที่ 396 ใครจะรับมือกระบี่ของข้า? (ปลาย)
……
ชายชรามิได้ขยับทำตามที่สตรีลึกลับบอก หากเขากลับยืนนิ่งไม่พูดไม่จารวมทั้งไม่เรียกหาคนมาช่วยเหลืออีกแล้ว ด้วยรู้ดีว่าผลที่ตามมาคือพวกเขาจะเอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่า!……
……
จากนั้นเพียงไม่นานเขาก็สิ้นใจตายไปในที่สุด ร่างกายค่อยๆ ลางเลือนกระทั่งหายไปจากโลกนี้……
..
สตรีลึกลับเงยหน้ามองไปที่ไกลสุดขอบฟ้า ขณะที่มือทั้งสองไขว้ไว้ข้างหลังในท่าเดิมที่เคยทำเป็นประจำ สีหน้าสงบเยือกเย็น แววตาเวิ้งว้างว่างเปล่า
เยี่ยฉวนลอบมองคนในชุดยาวจากข้างหลัง ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกสับสนในใจเพราะแน่ชัดว่าสตรีลึกลับมิใช่คนที่ดีเลิศประเสริฐศรีอย่างที่คิด……ด้วยนางมีความปรารถนาที่จะทำลายโลกใบนี้!
ทั้งเป็นสตรีขี้หงุดหงิดฉุนเฉียว!
ครู่ต่อมาสตรีลึกลับค่อยหลับตาลงช้าๆ อยู่ในท่านั้นเป็นนานจึงมีเสียงรำพึงแผ่วเบา “ผ่านมา 13,000 ปี ข้าพบเจอคนมา 21 คน และยังไม่เคยพบเจ้า จนบัดนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาเจ้าได้ที่ไหน แต่ถึงแม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิด ทว่าข้าจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ!”
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ?”
เยี่ยฉวนขยับเข้ามาด้านหลังของสตรีลึกลับ เมื่อกำลังจะเอ่ยปากพลันมีเสียงจากคนเบื้องหน้าขัดจังหวะขึ้นมาว่า “พลังปณิธานกระบี่ของเจ้ามีทั้งพลังคุณธรรมและความชั่วร้าย เมื่อเป็นพลังปณิธานเช่นนี้คุณธรรมจะสามารถเกื้อกูลช่วยเหลือได้ทั้งสวรรค์และโลก ส่วนพลังความชั่วร้าย สิ่งมีชีวิตทั้งมวลย่อมถูกทำลาย คนดีอาจกลายเป็นชั่ว คนชั่วอาจกลายเป็นดี ภายในจิตใจของเจ้ามีเส้นแบ่งที่เบาบางระหว่างคุณธรรมและความชั่วร้าย!”
หลังจากนิ่งฟังและครุ่นคิดคิดตามคำพูดที่ได้ยิน เยี่ยฉวนค้อมกายให้แก่สตรีลึกลับตรงหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”
สตรีลึกลับเดินตรงเข้ามาช้าๆ และหยุดยืนห่างจากเยี่ยฉวนไม่ไกลเลย แต่ทั้งที่ยืนใกล้กันขนาดนี้ ชายหนุ่มก็ยังไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของสตรีที่อยู่ข้างหน้าได้อย่างชัดเจน
เสียงของนางดังมาอีกว่า “นับแต่นี้ไปเจ้าจะต้องหัดเผชิญหน้ากับหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตัวเอง ต้องเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตน ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!”
ชายหนุ่มค้อมกายอย่างให้เกียรติเต็มที่ “ข้าจะจดจำคำผู้อาวุโสไว้ขอรับ!”
สตรีลึกลับผงกศีรษะน้อยๆ “หลังจากที่เจ้าหายดีแล้วจงรีบตามหากฎแห่งเต๋าที่สองโดยเร็ว ที่ซากหอคอยปรักหักพัง มีเก้ากฎแห่งเต๋า หกในเก้าอยู่ในโลกชิงฉาง เจ้าต้องตามหากฎแห่งเต๋าทั้งหกและสำเร็จขั้นผนึกยุทธ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเจ้าต้องบรรลุเป็นราชันย์กระบี่ให้ได้เป็นลำดับถัดไป นั่นละจึงจะสามารถปกป้องชีวิตตนเองเมื่อต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นต่อไป!”
“โลกจะเกิดหายนะครั้งใหญ่งั้นหรือ?” เยี่ยฉวนสีหน้างงงันหนัก
คนตรงหน้าพยักหน้าแทนคำพูด “ข้าเห็นดวงดาวและพบว่ามีบรรยากาศแห่งความชั่วร้ายปกคลุมอยู่ภายนอกโลก มีบางอย่างกำลังจ้องมองและกำลังกลืนกินแหล่งกำเนิดวัตถุชั้นเลิศอย่างรวดเร็ว ถึงสิ่งนั้นจะแทรกซึมเข้ามามายมหาศาลอย่างไรก็ตาม แต่ไม่มีผู้ใดทันสังเกต เมื่อข้าลองใคร่ครวญดูแล้ว อีกไม่นานหรอกที่สิ่งนั้นจะกลืนกินแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศจนกระทั่งเลยขีดจำกัดของตัวมันเอง เมื่อถึงตอนนั้นโลกจะแตกดับ!”
เยี่ยฉวนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย “สิ่งนั้นแข็งแกร่งมากเลยหรือขอรับ?”
สตรีเงยไปบนท้องฟ้าอีกครา เสียงตอบแผ่วเบายิ่งนัก “ถ้าเปรียบกับโลกนี้……นับว่าแข็งแกร่งมากทีเดียว!”
ชายหนุ่มถามขึ้นทันควัน “สำหรับท่านเล่าขอรับ?”
“แค่มดปลวกสำหรับข้าเท่านั้น!” คนตอบใจเย็นนัก
เยี่ยฉวนชะงักงัน จากนั้นจึงถามออกไปอีก “เหตุใดท่านไม่ใช้พลังกระบี่ทำลายมันให้สิ้นซากไปเลย!”
พลันผู้ฟังหันขวับมาทางเยี่ยฉวน “ข้าใจดีมีเมตตามากแล้วที่ไม่ทำลายโลกของเจ้า ช่วยโลกให้พ้นภัยงั้นหรือ? ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่สร้างความเดือดร้อนให้ข้า แม้ชีวิตของผู้คนนับพันล้านตายไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!”
อีกฝ่ายนิ่งอึ้งพลางก้มหน้างุด
ราวกับสตรีลึกลับจะเดาออก จึงหันมาถาม “เจ้าต้องการปกป้องโลกอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มส่ายหน้า ปกป้องโลก? เขามิได้สำคัญตนยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เพียงแค่ต้องการปกป้องคนรอบข้างเท่านั้นเอง ในขณะที่การปกป้องโลกเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคิดอย่างสิ้นเชิง!
สตรีสวมชุดยาวเรียบก้าวเข้ามาหยุดเบื้องหน้า “เจ้าควรทำเท่าที่ตนเองสามารถจะทำได้ ความตระหนักรู้ในตนนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าภายในหนึ่งปีเจ้ายังไม่สามารถค้นพบกฎแห่งเต๋าที่สอง เจ้าจะสูญเสียหอคอยอย่างสิ้นเชิง!”
หลังจากนั้นร่างของนางได้หายวับไปต่อหน้าต่อตา
นางกลับคืนไปยังหอคอยแล้ว!
เยี่ยฉวนยืนตัวแข็งค้างอยู่ที่เดิม พลางสั่นศีรษะอย่างจนปัญญาพร้อมทอดถอนใจใหญ่ เขาจะไปตามหากฎแห่งเต๋าที่สองได้จากที่ไหน? ไร้วี่แววสิ้นดี!
ส่วนเทพหรือบางสิ่งบนชั้นสอง หายเงียบไปนานแล้ว? ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่เสียที่ไหน เขาต้องนำกฎแห่งเต๋ากลับมาสิ!
กฎแห่งเต๋า!
เมื่อคิดถึงตรงนี้สีหน้าของเยี่ยฉวนบิดเบี้ยวเหยเก ทันใดนั้นเองเขาเริ่มส่งเสียงร้อง “โอ๊ย!” จากนั้นก็ทิ้งตัวล้มฟาดลงกับพื้น พลางบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด!
ผลข้างเคียง!
มาแล้ว!
อีกแล้ว!
ในเวลานี้ปราศจากกฎแห่งเต๋า เยี่ยฉวนจึงต้องทุกข์ทรมาณจากผลข้างเคียงอย่างเต็มที่ ความเจ็บปวดแสนสาหัส!
เขาไม่เคยกลัวตาย แต่กลัวผลข้างเคียงนี้แหละ!
เด็กสาวทั่วปาเซียวเหยาเร่งรีบเข้ามาหาเยี่ยฉวนพลางจับตามองคนซึ่งกำลังบิดตัวเร่าๆ บนพื้นดินอย่างเป็นกังวล “ผู้ฝึกกระบี่ จะ……เจ้ายังไหวไหม?”
อีกฝ่ายไม่ตอบ บัดนี้เขาไม่อาจโต้ตอบได้อีก ด้วยสติสัมปชัญญะเลือนลางเต็มที!
ทั่วปาเซียวเหยาคว้าค้อนขึ้นมาถือ ท่าทางละล้าละลัง “ผู้ฝึกกระบี่ข้าจะตีเจ้าแล้วนะ? ถ้าเจ้าสลบ เจ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดยังไงล่ะ! ตะ……แต่ว่าข้ากลัวทำเจ้าตายน่ะซี!”
เยี่ยฉวนสลึมสะลือ “……”
ในขณะที่เด็กสาวยังลังเลใจอยู่นั้น พลันคนผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นมายืนขนาบข้างเยี่ยฉวนอีกด้านหนึ่ง เหลียนว่านลี่!
สตรีผู้เพิ่งเข้ามาจับตามองร่างที่กำลังบิดไปมาบนพื้น มุมปากบิดยกน้อยๆ หากเป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
สาวน้อยทั่วปาเซียวเหยาเหลือบมองเหลียนว่านลี่ “มีอะไรเหรอ?”
สตรีอีกข้างชี้มือไปที่เยี่ยฉวน “ข้าช่วยเขาได้!”
อีกฝ่ายกะพริบตาปริบ เสียงพูดอย่างดีใจระคนตื่นเต้น “จริงหรือ?”
เหลียนว่านลี่พยักหน้าพลางตอบเสียงจริงจัง “จริงสิ!”
ครู่ต่อมา ทั่วปาเซียนเหยาและเหลียนว่านลี่ฉวยจับขาของเยี่ยฉวนไว้คนละข้าง จากนั้นจึงช่วยกันลากออกไปจากสถานที่
ทว่าเนื่องจากการประมือกับศัตรูก่อนหน้า จึงถูกอุปทูตฝ่ายซ้ายซัดฝ่ามือเข้าอย่างจังกระทั่งแม้ผ้าผ่อนยังฉีกขาดหลุดรุ่ยแทบไม่มีชิ้นดี โดยเฉพาะบริเวณหน้าขาไร้สิ่งปกปิด ทำให้ความเป็นชายเปิดเผยอ้าซ่าท้าสายลมอยู่ในเวลานี้
คนที่กำลังลากอยู่อีกข้างหันมาชี้มือ ทั่วปาเซียวเหยาถามด้วยความข้องใจ “นั่นอะไร? ข้าไม่เคยเห็นแบบนั้น?”
เหลียนว่านลี่เหลือบมอง พลันสายตาแสดงความรังเกียจขยะแขยง “นั่นเขาเรียกว่าต้นตอชั่วร้าย ถ้าบุรุษไม่มีเสียอย่าง พวกเขาจะไม่สามารถทำร้ายสตรีอย่างพวกเราได้!”
สาวน้อยทำท่าคิดตาม ครู่หนึ่งนางจึงพูดกับอีกฝ่ายหน้าตาเคร่งเครียด “ผู้ฝึกกระบี่คนนี้เป็นคนใจดีและเขาก็เป็นสหายของข้าด้วย ถ้าอย่างนั้นพวกเราช่วยกำจัดต้นตอชั่วร้ายออกไปจากตัวเขาดีไหม?”
สตรีตรงข้ามพยักหน้าทันที “ได้เลย!”
จากนั้นทั่วปาเซียวเหยาหันไปพูดกับเยี่ยฉวนซึ่งกำลังสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่นว่า “ผู้ฝึกกระบี่ อดทนไว้นะ!”
ว่าแล้วนางพลันเหวี่ยงค้อนขึ้นและฟาดเปรี้ยงลงไปตรงๆ ที่เยี่ยฉวน!!
เปรี้ยง!
เป้าหมายแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี……!!



