บทที่ 399 สิ่งนั้น!
……
เยี่ยฉวนนอนเงียบอยู่บนเตียง หน้าตาซีดเซียวท่าทางหมดอาลัยตายอยาก……
……
ถัดไปไม่ไกล ทั่วปาเซียวเหยายืนก้มหน้าก้มตาขณะที่นิ้วชี้ทั้งสองข้างกำลังขีดเป็นรูปวงกลมอย่างเผลอไผล……
..
บรรยากาศรอบข้างนิ่งงันไปชั่วครู่ เด็กสาวค่อยเดินเข้ามายืนชิดข้างเตียงก่อนจะใช้ปลายเท้าเตะขาเตียงเบาๆ “แค่พวงไข่เท่านี้ เจ้าต้องโกรธด้วยหรือ? ข้าจะหามาใช้คืนให้ก็แล้วกัน!”
เมื่อได้ยินชายหนุ่มยิ่งโมโหหนัก “แค่พวงไข่งั้นหรือ? โธ่เอ๊ย! มันใช่พวงไข่ธรรมดาหรือยังไง? พวงไข่ธรรมดาที่ไหนกัน?!”
ทั่วปาเซียวเหยาบิดริมฝีปากหน้าง้ำ “ข้ารู้น่าว่านั่นเป็นพวงไข่ของมนุษย์ เอาไว้ข้าจะหาไข่เสือมาแทนให้ก็แล้วกัน!”
ชายหนุ่มได้แต่นิ่งอึ้ง จนคำพูดจะตอบโต้
ในท้ายที่สุดเขาก็ทำใจให้โกรธนางได้ไม่นาน ด้วยเด็กสาวมีทีท่าว่าไม่เข้าใจประเด็นของสิ่งที่กำลังพูดถึงแม้แต่น้อย!
ในความคิดแบบเด็กๆ ของนาง มันก็แค่พวงสวรรค์ที่ถูกทุบเละไปแล้วเท่านั้น!
ทันใดนั้นเหลียนว่าลี่โผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี วันนี้นางสวมชุดที่ตัดจากผ้าลูกไม้โปร่งงดงาม ทิ้งชายกระโปรงยาวลากพื้น ด้านหลังกระโปรงเขียนลวดลายนกเฟิ่งหวงสีดำอยู่ในท่วงท่ากางปีก พร้อมที่จะโผผินบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
ผมยาวดำขลับแผ่สยายทางด้านหลังศีรษะ โดยตรงปลายรวบแบบหลวมๆ ไว้ด้วยริบบิ้นสีม่วง ขณะที่คนก้าวเท้าเดิน มัดผมปลิวล้อไปตามแรงลมส่งให้รูปลักษณ์สวยงามเรียบง่าย
นางตรงรี่มาหยุดยืนข้างและโน้มตัวลงมองคนที่นอนหน้าตาเบื่อหน่ายบนเตียง ริมฝีปากคลี่รอยยิ้มแฝงความนัย “ไม่ต้องห่วง วังหลวงของเรามีแพทย์ที่เก่งที่สุด อย่างที่บอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักนิด คอยแป๊บเดี๋ยวข้าจะเรียกหมอหลวงมารักษาให้เจ้าแต่ค่ารักษาอาจแพงสักหน่อย อย่างน้อยต้องใช้สุดยอดศิลาจิตวิญญาณราวสองล้านชิ้น!”
สุดยอดศิลาจิตวิญญาณสองล้าน!
เยี่ยฉวนตาเหลือกตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้!
เหลียนว่านลี่แลเห็นท่าทางของเขา นางกระพริบตาปริบก่อนพูดว่า “หมอหลวงของข้าบอกว่าสามารถรักษาได้ยังไม่สายจนเกินไป ทว่าถ้าเจ้ามัวแต่ลังเลข้าเกรงว่าจะ……”
“รักษาสิ!”
ชายหนุ่มละล่ำละลักตอบโดยไม่ลังเล “รีบรักษาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลย!”
ในใจของเยี่ยฉวนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือพวงไข่คู่นี้!
เหลียนว่านลี่เผยฝ่ามือเนียนละเอียดยื่นออกมาตรงหน้า พลางยิ้มยิงฟันขาวสะอาด “จ่ายค่ารักษามาก่อน!”
เยี่ยฉวน “……”
สุดท้ายเขาจำต้องควักสุดยอดศิลาจิตวิญญาณสองล้านชิ้นส่งให้นางแต่โดยดี หากยังไม่วายลังเลสังสัยว่าอาจมีแผนล่อลวงเบื้องหลัง!
ทว่าเขาต้องยอมตามน้ำ เพราะนางกำพวงไข่เอ๊ยถือไพ่เหนือตนแล้วนี่!
นี่เป็นเพราะเด็กบ้าอย่างทั่วปาเซียวเหยาทีเดียว!
เวลานี้เยี่ยฉวนนึกอยากตีนางให้ตายคามือเสียจริงเชียว ทว่าด้วยพลังกล้าแกร่งของอีกฝ่ายและสถานการณ์ของตน เยี่ยฉวนจึงจำต้องข่มความโกรธเคืองไว้ก่อนอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากได้รับสุดยอดศิลาจิตวิญญาณสองล้านจากเยี่ยฉวนแล้ว หญิงสาวก็แบมือยื่นออกมาตรงหน้าอีกครั้ง
“เจ้าต้องจ่ายสุดยอดศิลาจิตวิญญาณให้ข้าเพิ่มอีกหนึ่งล้านชิ้น!”
ชายหนุ่มฉุนโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง “จ่ายอีกล้านหนึ่ง อะไรกัน? นี่แม่นางเจ้าจะปล้นข้าหรือไง? ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงเป็นพวกไร้จรรยาบรรณสินะ?”
เหลียนว่านลี่ยื่นมือไปตบลงบนบ่าของเยี่ยฉวน “ใจเย็น ข้าไม่ได้จะทำให้มันยุ่งยากสักหน่อย ศิลาจิตวิญญาณสองล้านแรกสำหรับชื้อยาที่จะใช้ในการรักษาและอีกหนึ่งล้านเป็นค่าแรงหมอหลวงของข้า ซึ่งเป็นหมอที่เชี่ยวชาญที่สุดในแผ่นดินชิง ถ้าไม่จ่ายสุดยอดศิลาจิตวิญญาอีกหนึ่งล้าน นางไม่มารักษาให้เจ้าแน่! เมื่อเป็นเช่นนั้น……”
คนชะงักคำพูดนิดหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวออกมาว่า “ถ้าเจ้าไม่อยากจ่ายข้าก็ไม่บังคับ ข้าจะคืนสุดยอดศิลาจิตวิญญาณให้เจ้าหนึ่งล้านครึ่ง!”
เยี่ยฉวนอ้าปากค้าง “ทำไมคืนให้ข้าแค่หนึ่งล้านครึ่ง? ไม่คืนมาสองล้านเล่า?”
หญิงสาวตอบเสียงจริงจัง “ค่าปรับไงล่ะ! เข้าใจหรือยัง?”
ชายหนุ่ม “……”
ขณะหย่อนตัวลงบนม้านั่ง เหลี่ยนว่านลี่เด็ดผลไม้ใส่ปากเคี้ยวระหว่างรอคำตอบของคนบนเตียง “อย่าโมโหไปหน่อยเลย หมอหลวงบอกว่าอาการของเจ้าแย่หน่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงล่าง ถ้าไม่รีบรักษาจะทำให้เสื่อมสมรรถภาพไปตลอดกาล”
“เสื่อมสมรรถภาพ?!”
พลันมีเสียงถามอย่างข้องใจของทั่วปาเซียวเหยาดังขึ้นว่า “แม่นางเหลียน เสื่อมสมรรถภาพเป็นยังไง?”
คนถูกถามหยุดทำท่าคิดนิดหนึ่ง “คงจะหมายถึงไม่สามารถใช้งานได้ยังไงล่ะ”
หากเด็กสาวยังไม่สิ้นความสงสัย “ใช้งานงั้นหรือ?”
เหลียนว่านลี่พยักหน้า “ตามปกติเป็นเช่นนั้น แต่ตอนนี้เจ้าทุบจนมันแหลกไปแล้ว! ดังนั้นมันอาจจะใช้งานไม่ได้!”
“อ๋อ……”
ทั่วปาเซียวเหยาหันไปพิจารณาพื้นที่ส่วนตัวบริเวณท่อนล่างของเยี่ยฉวนด้วยความข้องใจ “มันใช้งานได้ด้วย!”
คนที่นอนแผ่หลาอยู่บนที่นอนพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่ฟังสตรีสองคนพูดจาโต้ตอบอย่างเคร่งเครียดว่าจะใช้งานได้หรือไม่ต่อหน้าต่อตา……
ยุคนี้เป็นอะไรกันไปหมด?
พลันเหลียนว่าลี่โน้มตัวลงมาพูดกับเยี่ยฉวน สีหน้ายิ้มๆ อย่างไม่อนาทร “ผู้เยี่ยมยุทธ์เยี่ย ตกลงว่าเจ้าจะรักษาไหม? ถ้าไม่ ข้าจะได้กลับเสียที!”
“ไม่รักษา!”
คนที่ตอบมิใช่เยี่ยฉวนทว่าเป็นเสียงของทั่วปาเซียวเหยา ขณะที่สายตายังเหล่มองพื้นที่ส่วนตัวบนร่างกายของเยี่ยฉวน พลางทำเสียงฮึดฮัด “ผู้ฝึกกระบี่ สิ่งนั้นน่าขยะแขยงจะตาย เจ้าลืมมันเสียเถิด!”
เยี่ยฉวนหน้าเหย “……”
ต่อมาราวครึ่งก้านธูปให้หลัง ในที่สุดเยี่ยฉวนจำต้องยอมทำการประนีประนอม!
เพื่ออนาคตแห่งวิถีกามารมณ์ ชายหนุ่มต้องประนีประนอม!
ภายหลังจากที่ได้รับสุดยอดศิลาจิตวิญญาณเพิ่มอีกหนึ่งล้านชิ้นเรียบร้อยแล้ว เหลียนว่านลี่ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นมาก “ตามหมอหลวงมา!”
จากนั้นเพียงครู่เดียว สตรีคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นภายในห้อง
คนสวมชุดสีนวลกระจ่างดุจจันทราที่เอวมีผ้าคาดสีม่วง รูปร่างผอมบางราวกับสามารถกางฝ่ามือกำได้รอบเอวกระนั้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอางเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียด ผมยาวมัดด้วยเส้นไหมสองสีซึ่งพลิ้วไหวเมื่อต้องสายลม
แววตาสงบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกทว่าเฉยชา ทำให้ผู้ใดก็ตามที่ได้พานพบอยากหลีกเร้นไปให้ไกลแสนไกล
นางเดินมาหยุดยืนต่อหน้าเหลียนว่านลี่ อีกฝ่ายหันมายิ้มให้ “หมอเหลิ่ง เจ้าช่วยดูแลคนไข้รายนี้ด้วย”
สตรีผู้ถูกเรียกขานว่าหมอเหลิ่งค้อมคำนับเล็กน้อย ก่อนจะเดินมาที่เตียงเยี่ยฉวนและดึงตัวเขาเข้ามาชิดขอบเตียง จากนั้นจึงย่อตัวก้มลงไปที่หว่างขา เยี่ยฉวนหน้าเหวอเมื่อเห็นคนที่เข้ามาเป็นสตรี จึงรีบถามเสียงหลง “เอ๋? หมอผู้หญิง?”
เหลียนว่านลี่ยืนยิ้มเผล่อยู่อีกด้าน “แพทย์ในวังหลวงก็ต้องเป็นสตรีสิ มีคำถามอีกไหม?”
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังอ้าปาก พลันหมอเหลิ่งหยิบเข็มเงินขึ้นมาถือสองเล่มจากนั้นจึงจิ้มพรวดลงไปบนต้นขา เพียงไม่นานขาทั้งสองของเยี่ยฉวนก็ไร้สิ้นความรู้สึก
เมื่อเห็นเช่นนั้นเยี่ยฉวนทำหน้าเลิ่กลั่ก “นั่นอะไร เจ้ากำลังจะทำอะไร……”
หากยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ชายหนุ่มเริ่มรับรู้ว่ามีมือสองข้างช้อนร่างกายท่อนล่างจนลอยขึ้น จากนั้นอะไรบางอย่างอุ่นๆ และคันยุบยิบ
หมอเหลิ่งเหลือบตามองหน้าเยี่ยฉวนแวบหนึ่ง สีหน้ายังคงนิ่งเรียบเช่นเดิม “ข้าแค่จะยกเท้าขึ้นมา อย่าขยับ! อีกอย่างเจ้าก็เคยมีอะไรกับสตรีมาก่อน ไม่ใช่หนุ่มพรหมจรรย์สักหน่อย ทำไมจึงยังทำท่าเขินอายอยู่อีก?”
เยี่ยฉวนหน้าแหย “……”
ทั่วปาเซียวเหยาเดินเข้ามายืนข้างหมอเหลิ่งขณะมองดูด้วยความสงสัยข้องใจ “มีอะไรกับสตรีมาก่อนกับไม่ใช่หนุ่มพรหมจรรย์……หมายถึงอะไรเจ้าคะ?”
เยี่ยฉวนหน้าเหลอ “……”
หมอเหลิ่งเงยหน้ามองคนถาม “เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?”
เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่รู้สิเจ้าคะ! บิดาสอนข้าว่าถ้าชายใดมาแก้ผ้าเปลือยกายต่อหน้า ให้ข้าฆ่าเขาทันที!”
แพทย์สตรีชี้หมับไปยังคนที่นอนอ้าซ่า “ทำไมเจ้าจึงไม่ฆ่าเขา?”
อีกฝ่ายกระพริบตา “เขาไม่สวมแค่กางเกง ไม่ได้ถอดเสื้อผ้า!”
ชายหนุ่มรีบหุบปากที่กำลังอ้าค้าง
เหลียนว่านลี่เบิกตากว้างนิ่งงัน “ข้าได้เปิดหูเปิดตาก็วันนี้!”
หมอเหลิ่งหันมาสบตาทั่วปาเซียวเหยาแวบหนึ่ง ในที่สุดจึงเอ่ยถามสาวน้อยตรงหน้าเสียงขรึม “เจ้ารู้ไหมว่าชายกับหญิงต่างกันอย่างไร?”
อีกฝ่ายตอบรวดเร็วเกือบไม่คิดด้วยซ้ำ “แน่ละ!”
“ไหนลองบอกสิ ว่าต่างอย่างไร?” หมอเหลิ่งถามเรื่อยๆ
“ต่างอย่างไรน่ะหรือ?”
เด็กสาวกระพริบตาถี่ขึ้น เสียงพูดเริ่มตะกุกตะกักติดขัด “คะ……คือ……ข้ารู้ความแตกต่างก็แล้วกัน และในเมื่อท่านก็รู้อยู่แล้ว งั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องตอบจริงไหม?”
คนตรงหว่างขาคว้าหมับช้างน้อยพลางส่ายหน้า “เจ้ารู้ไหม นี่คืออะไร?”
เยี่ยฉวนตาเหลือกแทบถลน “……”
ทั่วปาเซียวเหยาจ้องสิ่งที่หมอเหลิ่งฉวยไว้ในมือ ก่อนจะหันไปทางเหลียงว่านลี่ราวจะขอความเห็น แม่นางเหลียนจึงยืดตัวขึ้นท่วงท่ามั่นอกมั่นใจ “ข้ารู้จักของทุกอย่างบนโลกนี้ ทำไมข้าจะไม่รู้ว่านั่นคืออะไร? จากที่เคยศึกษาตำราโบราณ กล่าวไว้ว่าสิ่งนี้เข้าเรียกว่า ‘เจ้าโลก’ เป็นอวัยวะที่สามารถแข็งตัวและอ่อนตัว ยืดขยายและหดสั้นได้!”
“ทำหน้าที่อะไร?” หมอเหลิ่งถามอีก
ครานี้ดูเหมือนเหลียนว่านลี่จะอ้ำอึ้งพิกล “หน้าที่?”
พูดพลางชำเลืองมองเด็กสาวทั่วปาเซียวเหยา ซึ่งซ่อนสายตาสงสัยใคร่รู้ไว้มิดเม้มและพูดเสียงเป็นงานเป็นการ “หน้าที่ของมันก็คือ……คือ……”
พลันนางตวัดสายตาไปทางแพทย์สตรีเหลิ่ง “เถอะน่า ท่านก็รู้อยู่แล้วนี่นา!”
ทุกคน “……”
เมื่อเห็นท่าทางคนเป็นหมอทำท่าอ้าปากจะพูดต่อความยาวไปอีก เยี่ยฉวนรีบส่งเสียงมาขัดจังหวะ “พี่สาว ขอร้องล่ะ! รีบรักษาให้ข้าก่อนได้ไหม?”
สตรีสามนางนี้ช่างแข็งแกร่งจริง
หมอเหลิ่งเหลือบมองหน้าเยี่ยฉวน “ทำใจให้สบาย หลังจากข้ารักษาให้แล้วมันจะไม่แตกอีกเลย!”
จากนั้นนางหันไปเปิดหีบเครื่องมือข้างกาย ก่อนล้วงเอาวัตถุมีลักษณะเป็นพวงไข่เปล่งแสงสีแดงเจือจางขึ้นมาสองชิ้น วัตถุนั้นมีขนาดไม่ใหญ่นัก ราวครึ่งหนึ่งของไข่ไก่ทั่วไปทว่าที่พื้นผิวเปล่งแสงประกายแดง ทั้งยังมีกระแสความร้อนเล็กน้อย
แพทย์สตรีประคองวัตถุด้วยฝ่ามือทั้งสองชูให้เยี่ยฉวนเห็น “นี่คือพวงไข่มังกรขั้นราชันย์ปีศาจ ภายในประจุด้วยพลังมหาศาล แต่ไม่ต้องกลัวข้าตรวจร่างกายของเจ้าแล้วคิดว่าแข็งแกร่งและทนทานพอใช้”
เยี่ยฉวนรีบพยักหน้า “จัดการเลย!”
บัดนี้เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่ากลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้……เขาไม่อยากเป็นขันทีนี่นา!
แพทย์เหลิ่งผงกศีรษะและหยิบมีดบางๆ ออกมาเล่มหนึ่ง จากนั้นจึงกวัดแกว่งใบมีดไปมา……
รอบข้างมีทั่วปาเซียวเหยาและเหลียนว่านลี่เดินเลียบเคียงมาดูด้วยความสงสัยใคร่รู้ สตรีทั้งสองจ้องมองไปที่จุดเดียวบริเวณพื้นที่ส่วนตัวหว่างขาของเยี่ยฉวน……
ซึ่งขณะนั้นเยี่ยฉวนแทบไม่มีความรู้สึกที่บริเวณนั้นแล้ว ช่วงล่างของร่างกายรู้สึกเพียงเย็นวาบๆ บางครั้งบางคราวมีอาการคันยิบๆ ทำให้รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
ราวครึ่งชั่วยามต่อมาเหลียนว่านลี่จึงเดินออกจากห้องไป ขณะนั้นสตรีสวมเกราะและถือกระบี่เดินตรงเข้ามาแสดงคารวะ “ฝ่าบาท เวลานี้พลังชี่จิตวิญญาณบนแผ่นดินชิงเริ่มทยอยเหือดแห้งแล้วเพคะ โดยเฉพาะที่อาณาจักรต้าอวิ๋นของเรา หลายแห่งได้สูญหายไปจนหมดสิ้น! ซึ่งหากไร้ซึ่งพลังชี่จิตวิญญาณเหล่านี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ก็ไม่ต่างอะไรกับปลาขาดน้ำ พวกเขาจะไม่อยู่กับเราแน่นอน ทุกวันนี้หลายพื้นที่เกิดความระส่ำระสายและสุดยอดศิลจิตวิญญาณทั้งมูลค่าและพลังของมันเริ่มเสื่อมสูญแล้วเพคะ”
คนพูดชะงักงันไปช่วงหนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “บัดนี้พลังชี่จิตวิญญาณได้สูญหายไปในหลายพื้นที่ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปทั่วทั้งแผ่นดินชิงจะต้องเกิดความชุลมุนวุ่นวาย ทรงตัดสินใจทำอะไรสักอย่างโดยเร็วเท่าที่จะทำได้เถิดเพคะ”
เหลียนว่านลี่นิ่งเงียบเป็นครู่ใหญ่ จากนั้นนางเงยหน้ามองไปยังขอบฟ้าแสนไกล “หนทางจะแก้ไขมีเพียงสองวิธีซึ่งต้องปฏิบัติไปพร้อมกัน วิธีแรกแก้ไขอย่างเร่งด่วนด้วยการค้นหาเส้นโลหิตจิตวิญญาณ วิธีที่สองตามหากุญแจสำคัญที่จะช่วยปกป้องแผ่นดินชิง”
หากเมื่อพูดถึงตอนนี้พลันสีหน้าหม่นเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด “พลังปะทะได้ส่งผลให้แก่นแห่งโลกชิงฉางได้รับความเสียหาย ไม่เพียงแผ่นดินชิงของเราเท่านั้น ทว่าโลกชิงฉางจะประสบแต่ความยุ่งเหยิง เมื่อถึงตอนนั้นคนจะไร้ซึ่งมนุษยธรรมและปีศาจจะแสดงตน……ช่างหัวมัน อย่าไปยึดติด! ดาบสั้นชิงหลงของข้าอยากออกรบจนแทบไม่อยากรอแล้ว!”
สตรีสวมเกราะ “……”



