Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 406

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 406 หลีกไป! (ต้น)

C

……

ฉับพลันนั้นศีรษะของมันก็กระเด็นหลุดจากบ่าทั้งที่ดวงตายังเบิกโพลง คนตายไม่ได้ไปสู่สุขคติอย่างแน่ชัด……

……

บนเรือเหาะที่ลอยอยู่กลางอากาศ เด็กสาวทั่วปาเซียวเหยาสะบัดข้อมือพลันวงแหวนสัมภาระของชายเคราะห์ร้ายได้ลอยมาตกกลางฝ่ามือ แทนที่จะสำรวจสิ่งที่บรรจุไว้ภายใน นางกลับหันไปมองเยี่ยฉวนซึ่งขณะนั้นถือกระบี่ที่มีโลหิตไหลหยดลงจากปลายกระบี่ เคล็ดวิชานั้นเป็นวิชาเพชฌฆาตอย่างแท้จริง!……

..

ทั่วปาเซียวเหยาเดินตรงไปทางเยี่ยฉวน และเอ่ยเสียงแผ่ว “จอมยุทธ์เยี่ย เกิดอะไรขึ้น?”

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะแต่พูดว่า “พวกเราจะยังไม่กลับแคว้นเจียงตอนนี้ แต่ไปแวะแคว้นหนิงก่อน!”

จากนั้นเขาจึงสั่งหันเรือเหาะ ในตอนนั้นกลุ่มคนขั้นผสานเทพราวสิบคนทะยานออกมาจากเรือเหาะทั้งสามซึ่งกำลังลอยลำอยู่ไม่ไกล!

เพียงไม่กี่วินาทีคนเหล่านั้นได้มาถึงและกระจายล้อมเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยาไว้โดยเร็ว

ท่ามกลางกลุ่มคนมีหนุ่มน้อยถือทวนยาวเดินออกมาจากวงล้อม สายตาจ้องมองไปที่เด็กสาวและเหลือบมาทางเยี่ยฉวนอย่างฉับพลัน “พวกเจ้าสินะที่สังหารคนของข้า?”

เยี่ยฉวนเบนหน้าไปทางชายหนุ่มผู้มาใหม่ “มีปัญหาไหม?”

ขณะนั้นคนฟังหรี่ตาเล็กน้อย “ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าคงมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ข้า……อู๋จวิน และทุกคนที่อยู่ในนี้ แม้แต่พวกที่ขึ้นอันดับทำเนียบแห่งยอดคน ล้วนเป็นคนที่ข้ารู้จักทั้งสิ้น!”

เยี่ยฉวนชี้ปลายกระบี่ขึ้นบนฟ้า “หลีกไป!”

หนุ่มน้อยชำเลืองสายตา แววตาวาววับเป็นประกายเย็นเฉียบ “เจ้ายังไม่รู้สำนึกอีกหรือ? เมื่อเป็นอย่างนี้……”

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนกระโจนพรวดออกไปพร้อมตวัดกระบี่เต็มแรง

จอประสาทตาของชายหนุ่มตรงกันข้ามหรี่แคบลง ขณะเดียวกันเขาเร่งผลักทวนแทงขึ้นสูงอย่างแรง เกิดสายฟ้าผ่าผ่านท้องฟ้าโดยฉับพลัน

กระบี่ฟาดลงมาในเวลาไล่เลี่ยกัน!

เปรี้ยง!

เมื่อทวนและกระบี่ต่างปะทะซึ่งกันและกัน เสียงฟ้าผ่าคำรามสนั่นไปทั่วท้องฟ้า ในขณะเดียวกันร่างของใครคนหนึ่งบนท้องฟ้ากำลังผงะถอยครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกที่ที่ร่างของใครคนนั้นลอยผ่านบังเกิดเสียงฉีกและชนแหวกอากาศดังครืนครั่น!

ใครคนนั้นก็คือหนุ่มน้อยถือทวนนั่นเอง

คนกระเด็นไปไกลกว่าสามสิบจั้ง เมื่อร่างนั้นหยุดชะงักนิ่งจึงสังเกตเห็นว่ารอยร้าวแตกไปทั้งลำทวน และยังปรากฏโลหิตไหลซึมออกมาทางมุมปากของเขาด้วย

เด็กหนุ่มจ้องหน้าเยี่ยฉวนเขม็งประกายตาเคร่งเครียด

เยี่ยฉวนทำท่าจะออกปะทะซ้ำ พลันเด็กหนุ่มตรงหน้ารีบพูดเชิงยับยั้งรวดเร็ว “ได้โปรดหยุดก่อน พวกข้าจะหลีกทางให้เดี๋ยวนี้!” จากนั้นเขาจึงหันหลังโกยแนบออกจากสถานที่ไปอย่างรวดเร็ว และไปไกลสุดเส้นขอบฟ้าจนลับไปจากสายตาในเวลาไม่นาน บรรดาคนอื่นที่กำลังล้อมกรอบเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยาเองก็รีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน

เยี่ยฉวนมิได้คิดไล่ตามพวกมัน ด้วยไม่ต้องการให้เกิดความล่าช้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ ภาระกิจสำคัญของเขาคือรีบไปให้ถึงแคว้นหนิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!

ถึงแม้ว่าแคว้นหนิงจะเป็นที่ที่มีอำนาจมากแห่งหนึ่งในแผ่นดินชิง หากเปรียบเทียบกับชุมนุมสำนักและตระกูลของชนชั้นปกครองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว นับว่ายังห่างไกลกันมากนัก!

เวลานี้เขาต้องไปให้ถึงแคว้นหนิงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!

ต่อมาเยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยาจึงย้อนกลับไปขึ้นเรือเหาะเพื่อมุ่งหน้าสู่แคว้นหนิง

ภายหลังจากที่คนทั้งคู่ลับกายไปแล้ว หนุ่มน้อยอู๋จวินและคนอื่นจึงได้ยุติการหนีไว้เพียงนั้น ต่างคนต่างมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก

โดยเฉพาะเจ้าหนุ่มน้อยอู๋จวิน ถ้าเขาไม่ใส่พลังการต่อสู้กับเยี่ยฉวนอย่างสุดชีวิตอย่างในครั้งที่ผ่านมา พลังปะทะคนผู้นั้นสามารถสังหารเขาได้แน่!

ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยถามลอยๆ “ผู้ฝึกกระบี่คนนั้นเป็นใครกันแน่? พลังช่างน่ากลัวนัก!”

อู๋จวินส่ายหน้าช้าๆ อย่างจนปัญญา “ข้าไม่รู้! ท่าทางจะสำเร็จจนถึงขั้นจ้าวกระบี่แล้ว แม้แต่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกกระบี่อายุน้อยมักมีชื่อเสียงโด่งดัง ทว่าข้ากลับไม่เคยรู้จักเขามาก่อน หรือว่าเป็นคนจากแผ่นดินชิง?”

ชายที่ยืนข้างอู๋จวินสั่นศีรษะ “ในพื้นที่เล็กๆ อย่างแผ่นดินชิงมีคนเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?”

หากหนุ่มน้อยอู๋จวินถามอย่างเย็นชา “เป็นไปไม่ได้ ได้อย่างไร? ดูอย่างอันหลานซิ่ว นางไม่ได้มาจากแผ่นดินชิงหรือไง?”

อันหลานซิ่ว!

เพียงแค่ได้ยินชื่อนี้ ทำให้ทุกคนสงบปากสีหน้าเคร่งยิ่งขึ้น

ชื่อเสียงซึ่งต่างก็รู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีในดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

ภายหลังจากเงียบกันไปครู่ใหญ่ อู๋จวินส่ายหน้าน้อยๆ พลางว่า “อย่างไรก็ตามพวกเราต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น ต่อไปเจ้าลองไปสืบจากรายชื่อทำเนียบยอดคนในแผ่นดินชิง หาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ พวกเราต้องรู้ก่อนว่าใครที่พวกเราจะสังหารได้หรือไม่ได้!”

คนอื่นๆ พยักหน้าก่อนจะแยกย้ายกันไป

บนเรือเหาะ

เยี่ยฉวนและทั่วปาเซียวเหยากำลังยืนอยู่บริเวณหัวเรือ เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดจึงนิ่งไป สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

เด็กสาวหันมากระตุกแขนเสื้อก่อนจะพูดเสียงเบา “นี่จอมยุทธ์เยี่ย เจ้าอย่าเพิ่งวิตกทุกข์ร้อน พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปที่นั่นแล้ว ยังไงจะต้องทันเวลาแน่!”

อีกฝ่ายผงกศีรษะเนิบ “ข้าก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น!”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เยี่ยฉวนทำท่าฉุกคิดอะไรบางอย่างจึงหันมาถามคนที่ด้านข้าง “เซียวเหยา พวกชุมนุมสำนักและตระกูลใหญ่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนที่ชอบทำอะไรบ้าระห่ำทุกคนเลยหรือ?”

ทั่วปาเซียวเหยาสั่นหน้าจนผมกระจาย “คนพวกนี้ตอนอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่กล้าทำอย่างนี้สักหน่อย เพราะคนที่อยู่ที่นั่นต่างมิใช่คนธรรมดา ถ้าขืนทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้ มีหวังไม่ช้าก็เร็วคงถูกคนอื่นฆ่าตาย อีกอย่างเหนือคนพวกนี้ยังมีผู้ตรวจการเขตแดนที่โลภไม่รู้จักพอ ซึ่งจะคอยดูแลห้ามปรามคนเหล่านี้!”

เด็กสาวนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า “เหตุผลที่สำคัญทำไมคนพวกนี้จึงกล้าทำตัวบ้าระห่ำในแผ่นดินชิง ก็เพราะในส่วนลึกของจิตใจคนพวกนี้มีแต่ความรู้สึกหยามเหยียดคนอื่น พวกเขาเห็นแผ่นดินชิงและทวีปฉางหลานเป็นดินแดนบ้านป่าเมืองเถื่อน อีกทั้งคัมภีร์เต๋าทักษะยุทธ์ของทั้งสองทวีปก็เทียบอะไรไม่ได้กับที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งเวลานี้ผู้ตรวจการเขตแดนในแผ่นดินชิงต่างกลับคืนดินแดนศักดิ์สิทธิ์หมดแล้ว ฉะนั้นคนพวกนี้จึงกล้าทำตัวเกะกะระรานที่นี่”

เยี่ยฉวนบิดมุมปากพลางพยักหน้า “อย่างนี้เอง!”

ทั่วปาเซียวเหยาพูดอีกว่า “อย่างพวกสำนักเหอฮ่วนและชุมนุมฮวนเสี่ยว ข้าเคยได้ยินชื่อพวกนี้มาก่อน พวกมันเป็นสองกลุ่มที่กุมอำนาจอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่คนสองกลุ่มนี้มีชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีเพราะมักตระเวนจับสตรีจากที่ต่างๆ เพื่อใช้กระตุ้นการฝึกพลังงูไฟของเพศชาย ซึ่งเป็นวิชาฝึกพลังปราณชนิดหนึ่งคล้ายคลึงกับวิชาเต๋าอัศจรรย์ จะว่าไปแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของวิชาเต๋าอัศจรรย์นั่นเอง อย่างไรก็ตามในสำนักผู้ตรวจการเขตแดนมีปราจารย์เต๋าอัศจรรย์อยู่หลายคน ดังนั้นถึงแม้ทั้งสองกลุ่มจะสิ้นชื่อ แต่ปรมาจารย์เหล่านี้จะยังคงอยู่!”

เต๋าอัศจรรย์!

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!