บทที่ 496 ตายโดยยืนอยู่บนสองขาของตนเองดีกว่าอยู่อย่างคุกเข่า! (ปลาย)
……
ถัดจากจ้าวหอชั้นห้า กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาพบเยี่ยฉวน และเป็นกลุ่มคนที่เหลืออยู่เพียงกลุ่มเดียวบนหุบเขาแห่งนี้……
……
ลู่ป้านจวง หลิงฮั่นและพวก!……
..
นางเดินนำหน้าคนทั้งกลุ่มตรงมาหาเยี่ยฉวน เมื่อเห็นว่าเป็นใครชายหนุ่มยิ้มกว้างรับ “พวกเราต้องแยกจากกันอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งจะหวนกลับมาพบกัน……”
หลิงฮั่นพูดเสียงแหบห้าว “พี่เยี่ย เจ้าคิดจะต่อต้านสำนักผู้ตรวจการเขตแดนจริงจังงั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนยักไหล่ “พูดอย่างนั้นก็ได้!”
คนถามถึงกับถอนใจเฮือกใหญ่กับคำตอบที่ได้รับ “จัดการสำนักผู้ตรวจการเขตแดนไม่ใช่เรื่องง่าย!”
เยี่ยฉวนจึงขยายความพลางยิ้มๆ “ข้าไม่มีทางเลือกนี่นา ถ้ายอมรับว่าเป็นความผิดของเราเสียกับยอมเป็นทาสของพวกมัน บางทีเรื่องคงไม่ยุ่งขนาดนี้ แต่เคราะห์ร้ายที่ข้าเป็นคนยอมตายโดยยืนอยู่บนสองขาของตนเองดีกว่าอยู่อย่างคุกเข่าเสียด้วย”
หลิงฮั่นสั่นหน้า “สำนักผู้ตรวจการเขตแดนมันก็มีชื่อเสียงในทางไม่ค่อยจะดีมาตลอดอยู่แล้ว ใครๆ ต่างไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูดออกมาเพราะอำนาจที่มีอย่างล้นเหลือของพวกมัน อีกอย่างสำนักชางเจี้ยนเคยเหนือกว่าสำนักนี้ ในรอบพันปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ยากนักจะหากองกำลังทั่วโลกชิงฉางที่กล้าต่อกรด้วย ต้องบอกว่าทั้งโลกชิงฉางยังต้องตกอยู่ในกำมือของพวกมัน”
คนหยุดพูดหันไปมองคนของอีกฝ่าย “พี่เยี่ย เจ้าเจองานหินเสียแล้วละ!”
อีกฝ่ายยิ้มออกมานิดเดียว “อย่างห่วงเลย พวกมันยังไม่กล้าจู่โจมซึ่งหน้า ส่วนพวกเจ้ารีบกลับไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะอีกไม่นานข้าจะตามไปเมื่อถึงเวลานั้นเราคงได้เจอกันอีก ตอนนี้ถึงพวกเจ้าอยู่นี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก สู้กลับไปเร่งฝึกฝนจะดีกว่า แล้วข้าจะตามไป!”
ว่าแล้วเยี่ยฉวนดีดนิ้วมือออกครั้งหนึ่ง พลันวงแหวนสัมภาระกระจายให้กับหลิงฮั่นและทุกคน
ภายในวงแหวนแต่ละวงบรรจุสุดยอดศิลาจิตวิญญาณร้อยล้านชิ้น!
เมื่อเห็นดังนั้นหลิงฮั่นและคนอื่นต่างหันไปสบตากัน ในที่สุดฝ่ายแรกก็ส่ายหน้าน้อยๆ “พี่เยี่ย พวกเรารับของเหล่านี้ไว้ไม่ได้หรอก! เจ้าเก็บไว้เถิด ข้า……”
“รับไปเถอะน่า!”
ชายหนุ่มกล่าวกับทุกคนว่า “ข้ามีอีกเยอะ พวกเจ้าต้องเร่งฝึกฝนให้บรรลุขั้นผนึกยุทธ์โดยเร็ว จะว่าไปควรถึงขั้นควบยุทธ์สะท้านภพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยซ้ำ……มิเช่นนั้น คราวหน้าถ้าข้าจะไม่พาพวกเจ้าออกไปต่อสู้ด้วยกันอีก”
หลิงฮั่นทำท่าขยับจะพูดอะไรอีก ทว่าลู่ป้านจวงซึ่งรับแหวนสัมภาระมาและจัดการเก็บเข้าที่แล้ว นางขยับก้าวขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวน “เจ้าต้องรอด เพราะข้าไม่ตามเก็บชิ้นส่วนให้เจ้าแน่!”
จากนั้นจึงหมุนตัวกลับออกไปทันที
เยี่ยฉวน “……”
และจากนั้นไม่นานหลิงฮั่นและคนอื่นจึงตามออกไป
เวลานี้ทั่วบริเวณหุบเขาฉางหลานจึงมีเพียงเยี่ยฉวนลำพังคนเดียว
ถึงตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลอีก!
ด้วยเขาไม่อยากต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลังใครต่อใคร มีอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นห่วงคือตัวเอง
รู้สึกเบาใจ!
เมื่อไม่ต้องวางตัวในฐานะอาจารย์ใหญ่และพี่ใหญ่ เยี่ยฉวนรู้สึกว่าตัวเองปลอดโปร่งโล่งใจเหลือเกิน
ต่อมาชายหนุ่มไปปรากฏกาย ณ ศาลเจ้าอิงหลิง ศาลบรรพชนเวลานี้มีแต่ความว่างเปล่าด้วยป้ายวิญญาณของอาจารย์ใหญ่จี้และบรรพบุรุษคนอื่นๆ ถูกย้ายออกไปจนหมดสิ้น
เยี่ยฉวนทรุดนั่งลงบนพื้นที่ว่างบริเวณหน้าศาลบรรพชนนั้นเอง จากนั้นจึงงัดน้ำเต้าใส่สุราขึ้นมาก่อนเทลงคอดื่มอั้กๆ ขณะนั้นฉากเหตุการณ์ในวันเก่าเริ่มผุดขึ้นมาในห้วงคำนึง……
เยี่ยหลิง อันหลานซิ่ว เจียงจิ่ว จี้อันซื่อ โม่อวิ๋นฉี ลู่ป้านจวง หลิงฮั่น……อาจารย์จี้……
หลังจากดื่มสุราไปเพียงไม่นาน เยี่ยฉวนเริ่มมีอาการมึนเมาเล็กน้อย
บนแผ่นดินชิง
ข่าวการประกาศยุบสถานศึกษาฉางหลานของเยี่ยฉวน ได้สร้างความดีอกดีใจแก่คนบนแผ่นดินชิงกันยกใหญ่!
ต้องบอกว่าผู้คนถึงกับเฉลิมฉลองกันเลยก็ว่าได้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคว้นเจียง ซึ่งขณะนี้เต็มไปด้วยเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความปิติยินดี
ด้วยทุกคนเข้าใจว่าการที่เยี่ยฉวนประกาศยุบฉางหลาน ย่อมหมายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินชิงจะหมดไป
ณ วังหลวงแคว้นเจียง ขณะที่สถานศึกษาฉางหลานประกาศยุบโดยเยี่ยฉวน สมาชิกในราชสำนักแคว้นเจียงตัดสินใจที่จะอพยพไปด้วยเช่นเดียวกัน ทหารในกองทัพต่างแยกย้ายกระจัดกระจาย ด้วยเป็นกองทหารธรรมดาไม่อาจสู้รบปรบมือกับโลกทั้งโลกที่กำลังเกิดปัญหา
ฮ่องเต้เจียงเยว่เทียนเองรู้แก่ใจดีว่าหากไม่อพยพหลบหนี หนทางเดียวคือตายกับตายรออยู่ข้างหน้าด้วยสถานการณ์ที่ไม่มีเยี่ยฉวนและสถานศึกษาฉางหลานเสียแล้ว!
ดังนั้นเมืองหลวงแคว้นเจียงจึงกลายสภาพเป็นดินแดนอิสระเสรี ด้วยไร้ผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย
เนื่องจากเดิมมีทั้งราชสำนักแคว้นเจียงและสถานศึกษาฉางหลาน ทว่าบัดนี้ปราศจากทั้งสองอำนาจแล้วอย่างสิ้นเชิง!
สับสนวุ่นวาย!
เมื่อสิ้นสุดการเฉลิมฉลองและความสนุกสนานรื่นเริง ในแคว้นเจียงจึงเริ่มสับสนวุ่นวาย
ฆ่าคน ปล้นทรัพย์……
สันดานเดิมของมนุษย์!
ไร้ซึ่งกฎหมาย คนจึงเปิดเผยด้านมืดอีกด้านในส่วนลึกแห่งในจิตใจของตน โดยเฉพาะในโลกที่กำลังประสบปัญหา คนจึงมีอิสระและทำอะไรได้อย่างเต็มที่โดยเสรี
และที่สำคัญบรรดาผู้ฝึกยุทธ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกเยี่ยฉวนไล่ตะเพิดไปแล้วหวนกลับมาอีกครั้ง
คนพวกนี้มีราวสองหมื่นเห็นจะได้ ส่วนใหญ่สำเร็จขั้นพลังสันโดษและผสานเทพแล้ว!
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นคนบุกมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจียง บรรดาผู้ฝึกยุทธ์ในแคว้นเจียงต่างรีบออกมาภายนอกเขตแคว้นเจียง ทว่าเมื่อเห็นคนสองหมื่นคน พวกผู้ฝึกยุทธ์เจ้าถิ่นถึงกับหน้าถอดสีซีด!
พวกมันย้อนกลับมางั้นหรือ?
หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์แคว้นเจียงเดินออกไปด้านหน้าพร้อมชูกำปั้นหรา “เฮ้ยพวกเจ้า เยี่ยฉวนยุบฉางหลานไปแล้ว และพวกเราช่วยกันขับไล่มันไปแล้ว ถ้าพวกเจ้าจะมาตามหามันละก็ไปหาที่อื่น พวกเรา……”
ทันใดนั้นเองหมัดลุ่นปริศนาลอยมาอัดเข้าที่ศีรษะเจ้าคนซึ่งกำลังขยับปากพูดเมื่อครู่ทันที
เปรี้ยง!
พลันศีรษะนั้นระเบิดเปรี้ยง
เหตุการณ์นั้นส่งผลให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์เจ้าถิ่นแผ่นดินชิงถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง คนที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ลงมือ
ผู้ที่ลงมือแสยะมุมปากเย้ยหยัน “ตามหาเยี่ยฉวน? จะต้องตามหามันทำไม? อยากตายนักใช่ไหม? เพราะมันไปแล้วน่ะสิพวกเราจึงกลับมา เฮ้ยพวกเรา ฆ่ามัน……”
จากนั้นคนทั้งสองหมื่นคนบุกตะลุยเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว
ยามนี้กลุ่มที่ยืนดูที่หน้าประตูเมืองเห็นเข้า ผู้ฝึกยุทธ์เจ้าถิ่นของแผ่นดินชิงถึงกับหน้าซีดปราศจากสีเลือด



