บทที่ 499 อเวจีมอดไหม้! (ต้น)
……
ซือถูหมิงไม่รู้ว่าเยี่ยฉวนล่อหลอกอีท่าไหนทั้งสำนักอสูรและสำนักมารภูตผีจึงถอยกลับไปอย่างนั้น ทว่าเขารู้เพียงถ้าขืนปล่อยเจ้าหนุ่มตรงหน้าไว้ต่อไป ก็คงสังหารมันไม่ได้สักที……
……
ด้วยเมื่อเทียบสำนักมารอสูรและสำนักมารภูตผีที่ถูกเยี่ยฉวนเป่าหูจนหลงเชื่อกับตระกูลซือถู……พวกเขาก็ไม่ได้เหนือกว่าพวกนั้นเลย!……
..
เจ้าหนุ่มนั่นต้องตายสถานเดียว!
ไม่ว่าจะมีคนหนุนหลังที่แกร่งกล้าสักปานใด มันต้องตาย!
ซือถูหมิงลงความเห็นเช่นนั้น
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยฉวนและอันหลานดูทะแม่งๆ อย่างไรพิกล ถึงกระนั้นอันหลานซิ่วก็เป็นหญิงที่ตระกูลซือถูหมายมั่นปั้นมือว่าต้องได้ ยิ่งถ้าเยี่ยฉวนไปสมคบกับสำนักผู้ตรวจการเขตแดน มันก็เป็นสิ่งที่ตระกูลซือถูไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง
ดังนั้นความวิตกว่าจะเกิดปัญหาที่ไม่คาดฝันใหม่โผล่ขึ้นมา ซือถูหมิงจึงเลือกจะกำจัดเยี่ยฉวนเสียเอง!
ทว่าเยี่ยฉวนเองไม่คาดคิดว่า ซือถูหมิงไม่แม้แต่จะยอมให้โอกาสเขาพ่นวาจาหลอกลวงต่อไป!
สู้ได้อย่างไรกัน?
เขาไม่มีทางสู้คนผู้นั้นได้!
ถึงกระนั้นซือถูหมิงตัดสินใจพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนอย่างดุเดือด ประหนึ่งพายุซัดกระหน่ำกลางทะเล ปานทำลายล้างทุกสิ่ง
ยามนี้เยี่ยฉวนไม่กล้าวอกแวก เขาจึงตั้งสติทำสมาธิและก้าวยาวๆ ออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมตวัดกระบี่ฟันลงไปจังหวะหนึ่ง
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
อำนาจแห่งพลังหนึ่งกระบี่ไม่ได้ด้อยกว่าพลังของซือถูหมิงเลย!
เปรี้ยง!
เมื่อพลังกล้าแกร่งทั้งสองปะทะกันทันใด บริเวณที่เป็นป่าทึบรอบด้านระเบิดแตกทันทีและร่างของเยี่ยฉวนถูกพลังปะทะสลัดจนกระเด็นออกไปไกลนับหลายจั้ง ในที่สุดก็หยุดลงด้วยการใช้กระบี่ปักตรึงลงบนพื้นสองมือยึดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
ในขณะที่ซือถูหมิงเองก็ถอยหลังกรูดไปไกลราวสามจั้งเช่นเดียวกัน!
ชั่วขณะหนึ่งซือถูหมิงนิ่วหน้าครุ่นคิด สายตาจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า “ข้าประมาณฝีมือเจ้าต่ำเกินไปเสียแล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่สำนักผู้ตรวจการเขตแดนจึงอยากจะกำจัดเจ้านัก ถ้าเป็นข้าก็คงไม่ปรารถนาจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่อีกต่อไปเหมือนกัน!”
เมื่อพูดแล้วสายตาคนกวาดจับไปทางด้านขวามือของเยี่ยฉวน “จัดการได้!”
สิ้นเสียงของซือถูหมิง พลันมีชายชราผู้หนึ่งปรากฏออกมาทางฝั่งขวาของชายหนุ่มทันที
คนเพิ่งมาเป็นอีกคนที่มีขั้นพลังควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริง!
ยอดฝีมือควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริงถึงสองคน!
เยี่ยฉวนเห็นเช่นนั้นสีหน้าของเขาดูจะแย่ลงไปอีก ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าตระกูลซือถูถึงกับลงทุนใช้คนควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริงสองคนมาสังหารตนเอง!
ดูท่าพวกมันจะให้เกียรติเขามากจริง!
ยามนั้นซือถูหมิงเหมือนจะเดาใจคนตรงหน้าได้ จึงแสยะปากพ่นคำพูดเยาะเย้ย “สถานศึกษาฉางมู่ไม่อาจสังหารเจ้าเสียแต่แรกเพราะพวกมันไม่กล้าใช้คนระดับสุดยอดฝีมือ มิเช่นนั้นเจ้าคงตายไปนานแล้ว ข้าไม่โง่เขลาอย่างฉางมู่ ในเมื่อต้องการกำจัดเจ้าให้สิ้นซาก ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดกลับไป!”
ว่าแล้วทั้งคนพูดและชายชราคนใหม่ตั้งท่าเหมือนกำลังจะเข้าจู่โจมพร้อมกัน
พลันเยี่ยฉวนรีบส่งเสียงขัดจังหวะ “เดี๋ยว!”
จากนั้นเขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าคิดว่ามิตรภาพระหว่างเราน่าจะยังพอกอบกู้กลับคืนมา เจ้า……”
อีกฝ่ายตอบกลับเย้ยหยัน “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี วันนี้ต่อให้เจ้าใช้สาลิกาลิ้นทองข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!”
เสียงพูดจางหายพร้อมกับร่างคนหายวาบทันที
คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งชายชราคนใหม่ก็หายวับไป โดยแปรเปลี่ยนเห็นเป็นเพียงเส้นสีดำพุ่งตรงมาทางเยี่ยฉวน
แน่ชัดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองยอมให้เยี่ยฉวนตอบโต้!
หากสองยอดฝีมือขั้นพลังควบยุทธ์สะท้านภพทำการจู่โจมพร้อมกันมันจะน่ากลัวสักปานใด?
เยี่ยฉวนก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง พลันตรงกึ่งกลางหว่างคิ้วของเขานั้นเองปรากฏภาพหอคอยขนาดจิ๋วขึ้นทันที
หอคอยแห่งเรือนจำ!
เมื่อหอคอยแห่งเรือนจำเผยโฉมท้องฟ้าเหนือบริเวณมืดครึ้มลงอย่างฉับพลัน ขณะที่ร่างกายของซือถูหมิงและชายชราคนยอดฝีมือควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริงพลันหยุดนิ่งตัวแข็งค้างอยู่กับที่ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย
พลันเบื้องบนอากาศเหนือศีรษะคนทั้งคู่ ปรากฏตัวอักษรสีดำออกมาหนึ่งคำ ‘จองจำ’
แววตาของคนสองคนบ่งชัดความรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างเหลือเชื่อ
ขณะที่หอคอยแห่งเรือนจำปรากฏ เยี่ยฉวนบังเกิดอาการสั่นสะท้านอย่างแรง ใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวเป็นภาพที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย
ฟากที่อยู่ตรงกันข้ามกับเยี่ยฉวนนั้นเล่า ซือถูหมิงเองยามนี้บ่งชัดว่ากำลังอกสั่นขวัญผวา ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสยดสยอง ถึงแม้เขาจะพยายามใช้พลังที่มีอยู่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายได้เลยแม้แต่น้อย!
ซือถูหมิงเงยหน้ามองเยี่ยฉวน ถามออกมาด้วยเสียงสั่นเทา “อะ……อะไรกันนี่……”
คนถูกถามบิดยกมุมปาก แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม “นึก……นึกสิ……เดาก็ได้!”
ในขณะนั้น แม้แต่ตนเองยังเสียงสั่นสะท้าน
ซือถูหมิงทำท่าจะเอ่ยปากวิงวอนสักอย่างพลันเยี่ยฉวนคำรามลั่นเกรี้ยวกราด “ปิดตาย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง หอคอยแห่งเรือนจำพลันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ครู่ต่อมาร่างของซือถูหมิงและชายชราหายวับไปในบัดดล และเมื่อกลับออกมาใหม่ในครานี้ทั้งสองไปปรากฏอยู่ในหอคอยแห่งเรือนจำเสียแล้ว
ในหอคอยนั้น ซือถูหมิงและชายชราต่างเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก บัดนี้ทั้งสองรับรู้ถึงสถานะของตนเองได้เป็นอย่างดี
และทันใดนั้นเอง ตัวหนังสือคำว่า ‘จองจำ’ เหนือศีรษะของคนทั้งสองเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง!
เมื่อเห็นเช่นนั้นซือถูหมิงรีบละล่ำละลักร้องบอกอย่างรวดเร็ว “เยี่ยฉวน ทุกเรื่องย่อมมีทางออกข้าสาบาน ถ้าเจ้าปล่อยข้าออกไปข้าจะไม่ทำอะไรเป็นการตอบโต้เจ้า และตระกูลซือถูด้วย ตระกูลเราจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง……”
“ข้าเคยบอกแล้วว่าอยากเจรจาด้วย แต่เจ้าไม่ฟังเอง……จนตอนนี้ข้าถอดใจแล้ว!”
และนี่คือคำตอบของเยี่ยฉวน
ซึ่งซือถูหมิงได้ยินเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
ทันใดนั้นทั้งเขาและชายชราเสื่อมสลายกลายเป็นอากาศธาตุ เหลือไว้ก็เพียงวงแหวนสัมภาระสองวง
เหตุการณ์ภายนอก เยี่ยฉวนเข้าสู่สภาวะหน้ามืดตาลายร่างที่กำลังโงนเงนทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ขณะเดียวกันท้องฟ้าเริ่มหมุนวนไปมาจนชายหนุ่มรู้สึกง่วงงุนอยากงีบหลับเต็มแก่!
เขาจะหลับไม่ได้!
เยี่ยฉวนขบปลายลิ้น ขณะความเจ็บปวดถั่งโถมเข้าเล่นงานหนักหน่วง
เวลานี้บริเวณกึ่งกลางหว่างคิ้ว ปรากฏตัวหนังสือขนาดจิ๋วคำว่า ‘ปฐพี’
กฎแห่งเต๋า!
ชายหนุ่มนอนแผ่อยู่บนพื้น และพลังกล้าแกร่งแห่งปฐพีหลั่งไหลมารวมที่ร่างกาย ในท้ายที่สุดพลังปฐพีอันแข็งแกร่งค่อยซึมซาบเข้าสู่กายคนและเริ่มเยียวยาอาการบาดเจ็บบนร่างของเยี่ยฉวน
ช่วงนั้นเองที่ทั่วทั้งร่างกายเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย



