Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 596

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 596 ประกาศศึก! (ต้น)

C

ทุกอย่างเงียบเสียงลงฉับพลัน!

ชายชราอีกคนหันรีหันขวางกวาดสายตามองด้วยความหวาดกลัว ขณะเดียวกันความหวาดกลัวสุดขีดพุ่งเข้าจับขั้วหัวใจ

ด้วยคนที่สิ้นลมหายใจอยู่ข้างๆ กันนี่เอง ทว่ากลับมองไม่เห็นตัวผู้กระทำที่เป็นต้นเหตุ!

สตรีที่อยู่อีกด้าน เยว่ฉีสีหน้าแสดงความประหลาดใจอยู่บ้าง

ใครเป็นคนลงมือ?

เท่าที่รู้สำนักชางเจี้ยนไม่ได้มีนักฆ่าสักหน่อยนี่!

ชั่วขณะต่อมา อีกด้านหนึ่งในที่ที่ไกลออกไปหลายร้อยชุ่น เกิดปรากฏการณ์ที่จู่ๆ ศีรษะคนยอดฝีมือขั้นควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริงฝ่ายของสำนักผู้ตรวจการเขตแดนปลิดปลิวออกจากร่างอย่างรวดเร็ว!

โลหิตแดงฉานสาดกระจายเปื้อนเปรอะไปทั่ว!

จากนั้นอีกเพียงไม่กี่เค่อ ไกลออกไปทางด้านขวามือราวหกร้อยชุ่น กระบี่ปริศนาปักพรวดเข้ากลางอกตรงหัวใจของคนยอดฝีมือคนหนึ่งของสำนักผู้ตรวจการเขตแดน ซึ่งมีพลังขั้นควบยุทธ์สะท้านภพระดับแท้จริงพอดี!

สถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้กระทั่งชั่วไม่กี่อึดใจ สำนักผู้ตรวจการเขตแดนได้สูญเสียยอดฝีมือแล้วถึงห้าคน!

ในเวลานั้นคนที่เป็นเสมือนขุมพลังแห่งสำนักผู้ตรวจการเขตแดนต่างตกอยู่ในอาการหวาดผวา

พวกเขาไม่กลัวการปะทะซึ่งหน้า ทว่าหวาดเกรงการลอบจู่โจมเช่นนี้

ด้วยยากแก่การจะป้องกันตัว!

นอกจากนั้นสภาพการณ์ทั้งคลุมเครือและน่าพิศวงอย่างยิ่ง ไม่มีแม้ร่องรอยให้เห็นสักนิด!

พลันต่อมากลุ่มคนที่เป็นขุมพลังแห่งสำนักผู้ตรวจการเขตแดนพากันถอยร่นเข้ามาประชิดกัน โดยที่ขณะนั้นไม่เพียงแต่ต้านทานยอดฝีมือของสำนักชางเจี้ยนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ทว่าต้องต้านทานบุคคลลึกลับที่แฝงตัวในความมืดด้วย ความว้าวุ่นใจยังได้ส่งผลพลังความแกร่งกล้าลดทอนลงไปเป็นอันมาก

ด้วยเหตุที่ว่านี้ทำให้สถานการณ์ของสำนักผู้ตรวจการเขตแดนอาจกล่าวไว้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเห็นท่าไม่ดีหมั่วซิ่วรีบแจ้งไปยังผู้ทรงเกียรติลู่ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหาคำตอบได้จากอีกฝ่าย

ในขณะเดียวกันผู้ทรงเกียรติลู่กำลังต่อสู้ติดพันอยู่กับเฉินเป่ยฮั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดจังหวะการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสอง!

พลาดเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงทุกอย่างจะต้องจบสิ้น!

คนของสำนักชางเจี้ยนยังมีทีท่าประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าฝ่ายตรงข้าม ด้วยไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นฝ่ายไหนที่แอบให้ความช่วยเหลือ!

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ มันส่งผลดีต่อพวกเขา!

ในบริเวณหุบเขากันดารมหาศึกยังดำเนินอยู่ต่อไป เป็นที่ชัดเจนว่าสำนักผู้ตรวจการเขตแดนเป็นฝ่ายที่ถูกขัดขวางอย่างสิ้นเชิง และพวกเขาทำได้เพียงยืนหยัดสู้อย่างอดทน

บนอากาศการต่อสู้ของผู้ทรงเกียรติลู่และเจ้าสำนักเฉินเป่ยฮั่นดำเนินอยู่ต่อไป ยังไม่มีฝ่ายใดแพ้ฝ่ายใดชนะ!

ส่วนคนที่อยู่ในบริเวณที่ซ่อน เยี่ยฉวนมิได้เคลื่อนไหวอีกด้วยเวลานี้ยอดฝีมือขุมพลังของสำนักผู้ตรวจการเขตแดนขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น หากเขาทำอะไรลงไปตอนนี้คนเหล่านั้นก็จะหันมาร่วมมือกันเพื่อรับมือกับตนเอง ฉะนั้นสิ่งที่เขาทำได้ในเวลานี้คือรอโอกาส คนที่ต้องเป็นฝ่ายที่น่าหวั่นวิตกควรจะเป็นทางสำนักผู้ตรวจการเขตแดน!

โดยเหตุนี้จึงปรากฏยอดฝีมือของสำนักผู้ตรวจการเขตแดนล้มตายไปทีละคน ในขณะที่ฝั่งของสำนักชางเจี้ยนแม้ว่าจะมีคนตายเหมือนกัน ก็ยังถือว่าน้อยกว่าคนของสำนักผู้ตรวจการเขตแดน

ราวครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ในกลุ่มเมฆบนท้องฟ้าบังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ทันใดนั้นร่างคนสองร่างร่วงลงมาจากเบื้องบน และตกกระแทกกับพื้นดิน……

ตูม!!!

ผืนพสุธาสั่นไหวรุนแรง อีกทั้งบริเวณตำแหน่งที่ทั้งสองตกกระทบพลันพังทลายลงทันที

เหตุการณ์นั้นพาให้ทุกคนหันไปมองทางผู้ทรงเกียรติลู่และเฉินเป่ยฮั่น

ถ้าพบว่าการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองเกิดมีผู้ชนะ นั้นหมายความว่าศึกครั้งนี้เป็นอันยุติ

บนพื้นราบเฉินเป่ยฮั่นยืนสะบัดแขนเสื้อกว้าง ขณะที่เขม้นมองไปยังผู้ทรงเกียรติลู่ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามไม่ไกลนักก่อนจะส่งเสียงหัวเราะ “ผู้ทรงเกียรติลู่ ถ้าพวกเราต่อสู้จนกว่าจะรู้แพ้ชนะก็ต้องสังหารอีกฝ่ายให้ได้ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาหลายวันหลายคืน”

อีกฝ่ายจ้องเขม็งมายังเฉินเป่ยฮั่นแววตาแข็งกร้าวดุดัน “ถ้าเจ้าไม่ส่งเยี่ยฉวนมาให้เรา ข้าแน่ใจว่ายังไงเสียสำนักชางเจี้ยนจะต้องล่มสลาย!”

ครานี้เฉินเป่ยฮั่นเปล่งเสียงหัวเราะก้อง “ไม่เพียงแต่สองสามวันมานี้ สำนักผู้ตรวจการเขตแดนพยายามที่จะทำลายสำนักชางเจี้ยน! ทว่าสำนักชางเจี้ยนก็ยังอยู่รอดปลอดภัย มิใช่หรือ?”

ผู้ทรงเกียรติลู่แสยะปากขณะพูดเย้ยหยัน “เฉินเป่ยฮั่น พวกเจ้าจะต้องชดใช้ต่อสิ่งที่ทำลงไปครั้งนี้อย่างเจ็บปวด!”

พลันคนพูดเหลือบสายตามองไปรอบบริเวณ “เยี่ยฉวนข้ารู้ว่าเป็นเจ้าที่ลอบจู่โจมแต่ข้าจะบอกอะไรให้ ถ้าไม่ส่งหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานมาเสียดีๆ สำนักผู้ตรวจการเขตแดนจะไล่ล่าเจ้าจนชั่วชีวิตและอย่าได้หวังว่าจะรอดไปได้!”

จากนั้นเขาหันไปทางเฉินเป่ยฮั่น “พวกเจ้าคอยดูให้ดี!”

ขาดคำของเขา คนทั้งกลุ่มหันหลังกลับออกไปจากสถานที่

ไม่นานนักยอดฝีมือของสำนักผู้ตรวจการเขตแดนทั้งหมดก็เลือนหายไปในท้องฟ้า

ที่พื้นล่างเฉินเป่ยฮั่นเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้าเบื้องบน ทั้งไม่มีใครล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในจิตใจของเขา

ต่อจากนั้นคนเอ่ยถามลอยๆ ว่า “เยี่ยฉวนอยู่ที่ไหน?”

“ข้าอยู่นี่ขอรับ!”

ฉับพลันนั้นเองมีเสียงของเยี่ยฉวนตอบมาจากที่ไกล เมื่อทุกคนที่ในบริเวณหันไปมองทางที่มาของเสียงจึงพบว่าเป็นเยี่ยฉวนจริง ขณะนั้นกำลังยิ้มเผล่กับมีเสียงหัวเราะซึ่งไม่มีใครเข้าใจว่าเขานึกขำอะไรหนักหนา

เมื่อทุกคนมองเห็นชายหนุ่ม พากันส่ายหน้าแต่ก็มีรอยยิ้ม

ชายผู้นี้บางทีก็ดูเป็นคนเจ้าเล่ห์จริงๆ

เยี่ยฉวนเดินไปหยุดเบื้องหน้าเฉินเป่ยฮั่น จากนั้นจึงค้อมกายคารวะ “คารวะเจ้าสำนัก!”

เฉินเป่ยฮั่นพยักหน้าและบอกกับอีกฝ่ายว่า “ตามมา!”

หลังจากนั้นผู้พูดก็เดินจ้ำออกไป

ชายหนุ่มจึงรีบตามออกไปทันทีและอีกด้านหนึ่งเยว่ฉีท่าทีลังเลในตอนแรก ทว่าครู่ต่อมาจึงรีบเดินไปอีกคน

ณ ตำแหน่งบนเนินเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง เฉินเป่ยฮั่นหันกลับมาจ้องมองเยี่ยฉวน “หัวใจแห่งแหล่งวัตถุพื้นฐานยู่กับเจ้าจริงหรือ?”

คนถูกตั้งคำถามพยักหน้าหงึก

ทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย เยว่ฉีหันหน้าขวับไปมองเยี่ยฉวนพลันขยับปากราวกับต้องการจะพูดสักอย่าง ทว่าในที่สุดนางกลับหุบปากนิ่ง

เฉิยเป่ยฮั่นมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แววตาสาดประกายลึกล้ำ “เจ้านี่มัน……สำนักผู้ตรวจการเขตแดนพยายามดิ้นรนแทบเป็นแทบตายเพื่อจะได้ครอบครองหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐาน ทว่าคาดไม่ถึงกลายเป็นเจ้าที่ฉวยเอาไป”

เยี่ยฉวนยิ้มน้อยๆ “มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิตขอรับ!”

คนเจ้าสำนักมีสีหน้าเหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่จะกล่าวออกไป จากนั้นก็พูดว่า “ข้าต้องการทำลายหัวใจแหล่งวัตถุพื้นฐานเสีย เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น!”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!