บทที่ 598 ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้! (ต้น)
สำนักผู้ตรวจการเขตแดนประกาศศึกกับสำนักชางเจี้ยน!
เดิมทีทั้งสองฝ่ายอาจเคยปะทะกันมาก่อน หากก็ไม่เคยเปิดตัวทำศึกกันอย่างโจ่งแจ้ง! ทว่าตอนนี้สำนักผู้ตรวจการเขตแดนประกาศศึกออกมาอย่างชัดเจน ย่อมหมายความว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมถอย ทว่ามีแต่จะต้องสู้กันให้ถึงที่สุด
เยี่ยฉวนยอมตามเฉินเป่ยฮั่นและคนอื่นๆ กลับไปยังสำนักชางเจี้ยนแต่โดยดี
ในขณะนั้นสำนักชางเจี้ยนมีการจัดเวรยามแน่นหนา และศิษย์ในสำนักกำลังเฝ้าคอยอย่างใจจดใจจ่อ
ด้วยสำนักผู้ตรวจการเขตแดนอาจบุกเข้ามาเมื่อไรก็ได้!
ณ ยอดเขาอวิ๋นเจี้ยน
ภายในหอโถงชั้นใน เยี่ยฉวนกำลังช่วยอาจารย์เยว่ฉีชำระเพลงกระบี่และบันทึกต่างๆ
ทุกวันที่ผ่านมาเยว่ฉีจะฝึกปรือเพลงกระบี่ จากนั้นจึงจัดทำบันทึกหมายเหตุประกอบ และในบางครั้งจะทำการปรับปรุงเพลงกระบี่
กล่าวตามจริงแล้วการมาอยู่กับสตรีผู้นี้ เยี่ยฉวนจึงได้เรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน!
เขามิได้อยู่แต่ในหอโถงอวิ๋นเจี้ยนตลอดเวลา เมื่อตนเองรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่ต่างๆ ภายในสำนักชางเจี้ยนดีแล้ว ทุกวันจึงแวะเวียนไปที่นั่นที่โน่นด้วยความปลอดโปร่งใจ
นับตั้งแต่กลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สำนักผู้ตรวจการเขตยังไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ ดูเหมือนจะสงบนิ่งผิดปกติเสียด้วยซ้ำ!
ณ หุบเขาผู้ตรวจการเขตแดน
ตอนนั้นผู้ทรงเกียรติลู่มาถึงยังบริเวณที่เป็นพื้นที่ส่วนด้านหลังหอโถง ที่ด้านหลังนี้ปรากฏกระแสลมหมุนมืดทึบ ที่กึ่งกลางกระแสหมุนวนพื้นที่จักรวาลดวงดาวปรากฏ
ผู้ทรงเกียรติลู่หยุดยืนนิ่งเบื้องหน้ากระแสหมุนวน ก่อนค้อมกายต่ำแสดงคารวะ “ถวายบังคมฝ่าบาท!”
ครู่ต่อมา เสียงของใครคนหนึ่งดังออกมาจากกระแสหมุนวน “ล้มเหลวงั้นหรือ?”
คนที่ยืนอยู่ก้มหน้าต่ำลงไปอีก “เรานำมาไม่ได้ก็จริง แต่รู้ว่าอยู่ที่ใครขอรับ”
หลังจากเงียบไปอึดใจ พลันมีเสียงพูดมาอีกครั้ง “ไม่ว่ายังไงก็ตาม เอามันมา เข้าใจไหม?”
ผู้ทรงเกียรติลู่ผงกศีรษะน้อยๆ “ฝ่าบาท ถ้างั้นข้าต้องการให้ท่านช่วยสักเรื่อง สตรีลึกลับที่คอยช่วยเหลือมัน คนที่ข้าเคยเล่าให้ฟังนั่นขอรับ นางไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ถ้าเมื่อใดนางปรากฏตัว……”
“ข้าให้ร่างอวตารแก่เจ้าไปแล้วมิใช่หรือ?” เสียงย้อนถาม
อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มแห้งแล้ง เขาอยากจะบอกเหมือนกันว่าร่างอวตารนั่นเทียบกับนางไม่ได้สักกระผีก ทว่าไม่กล้าเอ่ยออกไปอย่างที่คิด
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ผู้ทรงเกียรติลู่พยักหน้าพร้อมเอ่ยว่า “ข้าน้อยเข้าใจดี ถึงกระนั้นก็ยังกังวลตรงที่สตรีลึกลับไม่ใช่คนธรรมดาอยู่ดี และนางอาจมีอำนาจหนุนอยู่เบื้องหลังด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ฝ่าบาทโปรดประทานร่างอวตารเพิ่มให้ข้าน้อยด้วยเถิด ฝ่าบาท!”
เสียงนั้นตอบกลับมาว่า “ร่างอวตาร ข้าพากเพียรบ่มเพาะพลังเพิ่งได้แค่สองร่าง ร่างหนึ่งเคยให้เจ้าไปแล้วและอีกร่างข้าจำเป็นต้องมีไว้กับตัว ถ้าเจ้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ ข้าจะส่งผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวาไปคอยช่วยเหลือก็แล้วกัน!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น ผู้ทรงเกียรติลู่รีบพยักหน้ารับทันที “เยี่ยมเลยขอรับ อีกอย่างข้าอยากให้ท่านส่งทหารองครักษ์เกราะทองมาสักสิบนายด้วยขอรับ”
คนตอบนิ่งเงียบไป ก่อนจะมีเสียงพูดขึ้นว่า “ได้!”
หลังจากนั้นผู้ทรงเกียรติลู่ค่อยรู้สึกเบาใจไปเปลาะหนึ่ง ถ้าได้อย่างนี้ก็ค่อยมั่นใจว่าจะสามารถทำลายสำนักชางเจี้ยนได้อย่างแน่นอน
ในท้องฟ้าแห่งจักรวาลดวงดาว เรือเหาะจักรวาลดาราลอยหยุดอยู่กับที่ บนท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยมวลหมู่ดาราซึ่งไม่ห่างจากที่เรือเหาะจักรวาลดารานั้นเอง เมืองโบราณเมืองหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้า และมีตัวหนังสือไม่กี่ตัวอยู่ด้านบนอ่านได้ว่าสำนักผู้ตรวจการเขตแดน!
คนสองคนอยู่บนเรือเหาะจักรวาลดารา หนึ่งคนเป็นชายชราส่วนอีกหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน ขณะที่ชายวัยกลางคนหันหน้าไปยังเมืองโบราณซึ่งเห็นอยู่แต่ไกล ก่อนมีเสียงพึมพำว่า “สำนักผู้ตรวจการเขตแดนขยายอิทธิพลมาถึงดินแดนจักรวาลดวงดาวเชียวหรือ?”
ชายชราพยักหน้า “ที่จริงแล้วสำนักผู้ตรวจการเขตแดนไม่ใช่กองกำลังธรรมดา ผู้ก่อตั้งเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งก็จริงทว่ามีความสามารถในการคิดค้นวิธีฝึกฝนการบ่มเพาะพลังด้วยตนเอง ด้วยสิ่งที่เรียกว่าพลังศรัทธา ยิ่งเขาเป็นที่นับถือของคนทั่วไปมากเท่าไร พลังกฎเต๋าแห่งคัมภีร์ยุทธ์ของเขายิ่งแกร่งกล้ามากขึ้นเท่านั้น……”
คนพูดส่ายหน้าน้อยๆ พลางถอนหายใจเฮือก “หลังจากสิ้นคนผู้นั้น ภายในสำนักผู้ตรวจการเขตแดนก็ไม่ปรากฏว่ามียอดฝีมือเช่นเขาอีกเลย ดังนั้นสถานะของสำนักจึงแย่ลงกว่าเมื่อก่อนจนเวลานี้มีสถานะเทียบเท่ากองกำลังชั้นสามเท่านั้นเอง”
ชายวัยกลางคนหัวเราะหึ “ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเรา เป้าหมายของเราคือควานหาตัวคนผู้นั้น ทว่าตามหาคนคนเดียวจากทั้งจักรวาลดาราอันกว้างใหญ่ไพศาลยากเสียยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร คราวนี้พวกเราโชคร้ายจริงๆ”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดมาเช่นนั้น คนชราฝืนยิ้มแห้งแล้ง “ทำยังไงได้พวกเราไม่มีทางเลือก สตรีลึกลับมาจากท้องฟ้าและเจาะจงมาที่เราโดยเฉพาะ ยังไงเสียพวกเราสู้นางไม่ได้อยู่แล้ว”
อีกฝ่ายฟังแล้วก็ได้แต่ฝืนยิ้ม
สู้นางไม่ได้!
สู้ไม่ไหวอย่างสิ้นเชิง!
พวกเขารับรู้ได้ว่าความกล้าแกร่งของสตรีลึกลับมีมากกว่าที่เห็น
ครู่ต่อมาชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงเบา “ไปกันเถอะ!”
หลังจากนั้นเรือเหาะจักรวาลดวงดาวทะยานวาบมาปรากฏอยู่เหนือเมืองผู้ตรวจการเขตแดน ทันใดนั้นที่เบื้องหน้าเรือเหาะจักรวาลดวงดาวปรากฏชายชราสวมชุดดำคนหนึ่ง
ชายชราชุดดำเขม้นมองชายวัยกลางคนและชายชราอีกคนด้วยสายตาระแวดระวัง “พวกเจ้าเป็นใคร?”
ชายวัยกลางคนทำเสียงหัวเราะหึในลำคอ “ข้าชื่อหลินฉงอวิ่นมาจากปราสาทสุญญดารา! ส่วนท่านผู้นี้ชื่อชินเจิ้น เป็นผู้คุมกฎแห่งปราสาทสุญญดารา”
ปราสาทสุญญดารา?
ชายชราสวมชุดดำนิ่วหน้า “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน!”
หลินฉงอวิ่นเหยียดยิ้มมุมปาก “ปราสาทสุญญดาราเป็นสถานที่ที่ไกลจากดินแดนจักรวาลดวงดาวแห่งนี้มากนัก จึงไม่แปลกที่เจ้าจะไม่เคยได้ยิน”
เมื่อพูดจบ คนพูดจัดการปลดปล่อยแรงผลักออกไป
ชายชราชินเจิ้นเห็นดังนั้นจึงปลดปล่อยพลังออกไปด้วยเช่นกัน
ทันทีที่สัมผัสพลังแรงผลักของทั้งสอง ชายชราชุดดำถึงกับหน้าถอดสี “เจ้าสองคน……”
ชินเจิ้นหัวเราะในลำคอ “พวกเรามาวันนี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงมีเรื่องเล็กน้อยจะมาขอความช่วยเหลือจากสำนักผู้ตรวจการเขตแดน”
ช่วยเรื่องเล็กน้อย!
ชายชราชุดดำมีสีหน้าลังเล พลันถามออกไปว่า “ช่วยเรื่องอะไร?”
อีกฝ่ายตอบ “ตามหาคน”
ว่าแล้วเขาจึงยกมือข้างขวาขึ้นโบกเบาๆ ฉับพลันต่อมาภาพวาดเผยออกมาเบื้องหน้าชายชราชุดดำ
ถ้าเยี่ยฉวนอยู่ในที่นั้นด้วยเขาคงต้องประหลาดใจเป็นอันมาก ด้วยภาพวาดคนที่มองดูเหมือนเขาราวกับพิมพ์เดียวกัน!
ชายชราชุดดำเอ่ยถามว่า “พอจะมีรายละเอียดที่อยู่ของคนผู้นี้ได้ไหม?”
หลินฉงอวิ่นส่ายหน้า “ไม่มี”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราชุดดำสั่นศีรษะพลางพูดว่า “ถ้างั้นก็ยากมาก”
อีกฝ่ายเหยียดมุมปาก “พวกเรารู้ว่างานนี้มันยาก ทว่าเราไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้ คนคนนี้มีความหมายต่อปราสาทสุญญดารา จึงต้องมาขอร้องให้ทางสำนักผู้ตรวจการเขตแดนโปรดช่วยเราสักครั้ง”
คนสวมชุดดำมองคนทั้งสองอย่างพิจารณาสีหน้าส่อเค้าไม่แน่ใจ ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าน้อยๆ “ข้าจะส่งคนออกตามหาเขาให้ก็ได้ แต่ไม่อาจรับปากว่าจะหาพบ”
หลิงฉงอวิ่นเปล่งเสียงหัวเราะ “ขอบใจมาก!”
พูดพลางเหลือบตามองลงไปด้านล่าง “พวกเราจะพักอยู่ที่นี่สักระยะ ไม่แน่ใจว่าจะรบกวนเกินไปหรือไม่”
คนชุดดำหัวเราะเบาๆ “เชิญตามสบาย”
คนพูดหยุดชะงักสีหน้าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “พวกเจ้าทั้งสอง เวลานี้สำนักผู้ตรวจการเขตแดนกำลังทำศึกกับกองกำลังอื่น ถ้าสะดวกอยากให้มาช่วยกับทางเราไม่แน่ใจว่าพวกเจ้าจะเห็นด้วยไหม?”



