Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 699

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 699 พี่ชายเจ้าชื่ออะไรนะ? ข้าชักอยากตามไปฆ่ามันแล้วสิ!

C

อยู่ในหอคอย!

เยี่ยฉวนนิ่งงันอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง!

ด้วยหอคอยแห่งนั้นคือหอคอยแห่งเรือนจำภายในตัวเขาเอง!

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือที่ยอดหอคอยกลับไม่ปรากฏกระบี่สามเล่ม!

นอกจากนี้ ทุกอย่างเหมือนกับหอคอยแห่งเรือนจำไม่ผิดเพี้ยนด้วยสิ!

อะไรจะบังเอิญเช่นนี้!

ที่สำคัญใครเป็นคนวาดภาพนี้ขึ้นมา

คนผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่ามีหอคอยแห่งเรือนจำ?

ยิ่งกว่านั้นการที่ในภาพวาดไม่ปรากฏกระบี่สามเล่ม เป็นไปได้ว่าภาพนี้ถูกวาดขึ้นก่อนที่หอคอยจะประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหอคอยมีสภาพเช่นที่เป็นอยู่ด้วยถูกทำลายอย่างรุนแรง!

พอจะนึกออกเลยว่าคนที่สามารถวาดภาพนี้ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดาทั่วไป!

เยี่ยฉวนดึงความคิดของตนกลับสู่ปัจจุบัน และเกิดความข้องใจขึ้นมาเสียแล้วว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นที่สามอยู่ที่ชั้นไหนของหอคอยกันแน่

ภาพวาดไม่ได้บอกตำแหน่งชั้น บอกเพียงว่าอยู่ในหอคอยนี้เท่านั้น!

ชั้นที่ห้างั้นหรือ?

จากนั้นจิตสัมผัสของเยี่ยฉวนก็ดิ่งลงสู่ภวังค์ภายในหอคอยแห่งเรือนจำ เมื่อสำรวจขึ้นไปยังชั้นที่ห้าชายหนุ่มจึงใช้พลังจิตตรวจตรา ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างขวางกั้นไว้ทำให้พลังจิตตรวจตราไม่อาจทะลุทะลวงเข้าไปถึงภายใน!

พลันเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้และเข้าไปหาอาหลิงน้อยทันที ขณะนั้นเด็กหญิงกำลังประคองผลไม้วิเศษก่อนจะก้มลงกัดคำใหญ่ พร้อมกับสะบัดหน้าไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าดูไปก็น่ารักดี

เยี่ยฉวนร้องทักพลางส่งยิ้ม “อาหลิง เจ้าเคยขึ้นไปที่ชั้นห้าหรือยัง?”

เด็กน้อยเงยหน้ามอง “ยังไม่เคย!”

ชายหนุ่มรีบถามเสียงเร็ว “เจ้าเข้าไปได้หรือเปล่า?”

คนถูกถามทำหน้าคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะส่ายหน้าพลางตอบให้ว่า “ไม่รู้เหมือนกัน!”

คำตอบที่ได้ทำให้เยี่ยฉวนถึงกับสะอึกขณะคิดในใจว่า “ถ้าไม่รู้ทำไมต้องคิดนานด้วย?”

พลันต่อมาอาหลิงน้อยเงยหน้าขึ้นพร้อมหันมาพูดกับเขาว่า “ข้าจะต้องไปดูงั้นหรือ?”

อีกฝ่ายพยักหน้ารวดเร็ว “ไปดูเลย! เออแต่เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะ ถ้ารู้สึกว่ามีอันตรายก็อย่าเพิ่งเข้าไปล่ะ!”

เด็กหญิงพยักหน้ารับคำจากนั้นจึงหายวับไปต่อหน้าต่อตาเยี่ยฉวน

ครู่ต่อมานางจึงกลับมาปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง

ด้วยสภาพที่ใบหน้าซีดเผือดและมีอาการสั่นไปทั้งร่าง……

เยี่ยฉวนรีบเข้าไปถามไถ่ “เกิดอะไรขึ้น?”

อาหลิงเงยหน้ามองและสั่นเทาเหมือนเดิม “ตัวดำ……ดำปี๋เลย……ตาของมัน……แดงแจ๋……”

ทันใดนั้นเด็กน้อยโผเข้าสู่อ้อมแขนของอีกฝ่ายและร้องไห้เสียงดังสนั่น “น่ากลัวจังเลย……”

ในตอนนั้นปรากฏเสียงของเจียนจื่อไจ้ลอยมาในอากาศว่า “เจ้าเป็นถึงแหล่งวัตถุพื้นฐานแห่งโลก จะว่าไปก็เป็นสิ่งพิเศษอย่างหนึ่งเหมือนกัน เหตุใดจึงขี้ขลาดตาขาวกับแค่คนแข็งแกร่งเช่นนี้?”

เยี่ยฉวน “……”

เขาเฝ้าปลอบโยนลูบหน้าลูบหลังให้อาหลิง นางไปเห็นอะไรมา?

จากนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจชั้นที่ห้าไปก่อน ด้วยแม้แต่ชั้นที่สี่เขายังไม่สามารถควบคุมได้เลย!”

สิ่งสำคัญเร่งด่วนของเขาที่ต้องรีบจัดการคือเตรียมรับมือกับการจองเวรของตระกูลตู๋กูและตระกูลอวิ๋น!

ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจปกปิดเรื่องนี้ไปได้ตลอด และพวกนั้นต้องตามจองเวรเขาอย่างแน่นอน

เสร็จจากการปลอบโยนเด็กอาหลิงแล้ว เยี่ยฉวนจึงออกจากหอคอยแห่งเรือนจำ

ทันใดนั้นมีเสียงของเจียนจื่อไจ้พูดขึ้นมาลอยๆ อีกว่า “อาวุธสมบัติล้ำค่าชิ้นที่หนึ่งที่ปรากฏอยู่บนรูปวาดนั้นน่ะ ข้ารู้ว่ายันต์ผนึกพิภพอยู่ที่ไหน!”

เยี่ยฉวนกระซิบแผ่วตอบให้ในใจ “ท่านอยากให้ข้าออกตามหา ใช่ไหม?”

เสียงพูดของสตรีบอกให้รู้ว่ากำลังยิ้ม “หรือว่าเจ้าไม่อยากได้?”

ชายหนุ่มตอบทันควันหางเสียงเย็นเยียบ “ท่านก็คงจะไม่ใจดี คงอยากขอให้ข้าตามหาสมบัติล้ำค่านั่นและถ้าให้เดาข้าว่าท่านพยายามกำจัดข้าสินะ!”

เจียนจื่อไจ้พูดต่อไปว่า “คนที่สร้างยันต์ผนึกพิภพเป็นเทพจักรพรรดิ แห่งดินแดนจักรวาลดาวเถียนชี่ โดยรวมเอาพลังชี่แห่งขุนเขา สายน้ำ ดวงดาว อีกทั้งสุริยันและจันทราแห่งดินแดนจักรวาลดาวเถียนชี่เข้าด้วยกัน ถ้าเจ้ามีผนึกยันต์ชิ้นนี้จะสามารถสยบปีศาจและอสูรทั้งหลายทั้งปวง นอกจากนั้นยังสามารถรวบรวมพลังชี่จากภูเขาและสายน้ำ เช่นกันกับพลังสุริยันอีกทั้งจันทราและดวงดาวด้วย สำคัญที่สุดผนึกยันต์เป็นสิ่งสืบทอดของเทพจักรพรรดิผู้ไม่เคยแพ้พ่าย บุคคลนี้เป็นผู้สร้างพลังหมัดชั้นสูงและกายาทองคำไร้เทียมทานซึ่งบอกได้เลยว่าไม่เคยมีใครเอาชนะได้”

เยี่ยฉวนถามเสียงแผ่ว “เขาแข็งแกร่งกว่าอาจารย์เซียนกระบี่สตรีงั้นหรือ?”

เจียนจื่อไจ้นิ่งเงียบ

ชายหนุ่มพ่นลมทางจมูก “ไม่ใช่สินะ?”

สตรีพูดเสียงเรียบ “ยังมีหน้ามาภูมิใจอีกหรือ? พลังนั่นใช่ของเจ้าหรือก็เปล่า! อีกอย่างเหตุใดเจ้าจึงชอบพึ่งพาคนอื่นนัก? ถ้านางกลับมาไม่ได้เจ้าก็จะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ งั้นหรือ?”

เยี่ยฉวนพูดไม่ออกได้แต่นิ่งเงียบ

อย่างที่เจียนจื่อไจ้พูดนั่นล่ะ เขาไม่สามารถหวังพึ่งแต่อาจารย์เซียนกระบี่สตรีจริงๆ!

เขาไม่อาจคิดตัดสินใจได้อย่างมีอิสระ!

เสียงของฝ่ายสตรีดังขึ้นมาอีกว่า “ถ้าเจ้านำผนึกยันต์มาได้ จะเป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเองอย่างยิ่ง เท่าที่รู้มีสิ่งหนึ่งที่ชื่อว่าเทพแห่งความมืด ซึ่งครั้งหนึ่งเทพจักรพรรดิเคยสวมใส่ติดกาย ถ้าเจ้าได้มา ด้วยพลังความสามารถเท่าที่เป็นอยู่อาจสังหารคนพลังขั้นยอดอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย”

คนฟังสั่นหน้าพลางพูดว่า “ดูท่าข้าคงถูกหลอกแล้วสิ ทว่าเจียนจื่อไจ้ ขอบอกตามตรงนะ ข้าไม่เชื่อ!”

สตรีอีกฝ่ายพูดเรียบเรื่อย “ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่เชื่อ ถึงเจ้าจะไม่ทำเพื่อตัวเอง แต่ไม่คิดถึงน้องสาวของเจ้าบ้างหรือ?”

เยี่ยฉวนขมวดคิ้วนิ่วหน้า “หมายความว่าอะไร?”

เจียนจื่อไจ้ตอบกลับด้วยสำเนียงเย้ยหยัน “เจ้าจะหนีก็ได้ทว่าคิดหรือว่าตระกูลตู๋กูและตระกูลอวิ๋นจะวางมือปล่อยเจ้ากับน้องให้หนีรอด? และอีกอย่าง ถ้าพวกเขาหันไปกดดันสถานศึกษาเต๋าอี้ เจ้าคิดหรือว่าเต๋าอี้จะสู้กับพวกนั้นเพื่อน้องของเจ้า? เจ้าคิดว่าพวกเขาจะทำได้งั้นหรือ?”

เยี่ยฉวนนิ่งเงียบ สีหน้าบ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้สึกอับอายไม่น้อย

เสียงพูดของอีกฝ่ายดังขึ้นอีกครั้ง “พวกนั้นปกป้องเจ้ายังไม่ได้ แล้วจะปกป้องน้องของเจ้าได้งั้นหรือ? อีกอย่างเจ้าเก็บสมบัติล้ำค่าไว้และนับจากนี้ไปคนที่กล้าแกร่งพลังเหนือกว่าเจ้าจะติดตามมาอย่างไม่ลดละ เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะทำอย่างไร? เจ้าต้องการจะให้อาจารย์สตรีคนนั้นคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาหรือยังไง?”

ชายหนุ่มเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดกลับไปว่า “เจ้าก็คอยแต่จะให้ข้าไปตามหายันต์ผนึกพิภพอยู่นั่นแหละ เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

เจียนจื่อไจ้ตอบว่า “มั่นใจเถอะครั้งนี้ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าตาย ตรงกันข้ามข้าหวังว่าเจ้าจะออกไปตามหายันต์ผนึกพิภพ เพราะข้าจำเป็นต้องได้ยันต์แผ่นนั้นมา และนี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ”

คนตรงข้ามย้อนถาม “แค่นั้นหรือ?”

ฝ่ายสตรีจึงเอ่ยตอบว่า “ถ้าไม่อยากไปเจ้าก็ไม่ต้องไป อย่างไรก็ตามข้าคอยได้อยู่แล้ว แต่เจ้าต่างหากที่คอยไม่ได้”

ชายหนุ่มหยุดคิดนิ่งเงียบอยู่เป็นเนิ่นนาน และเอ่ยออกมาว่า “แม่นางเจียน ช่วยพาข้าไปที่นั่นที!”

ในที่สุดแล้วเขาจึงตัดสินใจได้

อย่างที่เจียนจื่อไจ้บอก เขาไม่อาจนำอนาคตของตนและน้องไปแขวนไว้กับคนอื่น อีกทั้งไม่ต้องการให้สถานศึกษาเต๋าอี้ต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้

และถ้าเขาต้องการปกป้องตนเองและอยู่ให้รอดบนโลกใบนี้ เขาต้องแข็งแกร่งกว่านี้!

ขณะที่คำพูดของเจียนจื่อไจ้ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ทั้งหมด กับสตรีคนนี้เขาต้องระมัดระวังตัวให้มาก!

เมื่อเปรียบเทียบกับเจียนจื่อไจ้แล้ว เยี่ยฉวนรู้สึกได้ทันทีว่ายอดยุทธ์ที่ชั้นสองออกจะเป็นคนดีทีเดียว แม้ว่านางจะขี้หงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายสักหน่อย ก็ไม่เคยใช้วิธีเจ้าเล่ห์เพทุบายกับเขา! ขณะที่เจียนจื่อไจ้นั้นตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

ต่อมาเยี่ยฉวนย้อนกลับไปที่เมืองเต๋าอี้ จากนั้นเขาจัดการซื้อเรือเหาะจักรวาลดาราได้ลำหนึ่งไม่นานนักก็เดินทางออกไปในมหาจักรวาลดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล

ณ ตระกูลตู๋กู ดินแดนสวรรค์

ภายในหอโถง ชายวัยกลางคนกำลังนั่งมองม้วนกระดาษโบราณซึ่งกางอยู่ต่อหน้าด้วยความสนใจ

เขาผู้นี้คือตู๋กูเหลียน ประมุขแห่งตระกูลตู๋กู!

ครู่ใหญ่ตู๋กูเหลียนเหยียดมุมปากยกยิ้ม “สังหารยอดฝีมือพลังจุดกำเนิดขั้นสูงสุด ได้ในพริบตาเดียว…ดูเอาเถอะ หลานชายข้าคนนี้มันช่างมหัศจรรย์นัก!”

คนที่ยืนอยู่ระดับต่ำลงไปเป็นชายชราเอ่ยขึ้นว่า “คนผู้นี้เติบใหญ่จนมีที่ยืนอยู่ในโลกชิงฉาง จะต้องเป็นเพราะสมบัติล้ำค่าชั้นยอดของตระกูลตู๋กูเราแน่ เราต้องหาทางนำกลับคืนมายังตระกูลตู๋กูให้ได้”

ตู๋กูเหลียนถามเสียงเบาราวกระซิบ “ผู้อาวุโสอวี้ ท่านไม่อยากรู้หรือว่าเขาเป็นยอดฝีมือขนาดไหน?”

ชายชราตู๋กูออวี้พูดตอบโดยมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าเคยเห็นแล้ว! อันที่จริงเขามีฝีมือไม่น้อยก็แล้วยังไง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เราจะพาเขากลับมาและฝึกฝนให้น่ะ จริงไหม?”

ประมุขตู๋กูเหลียนหัวเราะเบาๆ ขณะย้อนถาม “ทำไมจะไม่ได้?”

ตู๋กูอวี้ส่ายหน้า “ท่านเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่ปรารถนาจะส่งสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นคืนให้เรา ถึงแม้จะยอมคืนให้ เขาต้องรู้สึกไม่พอใจ ยิ่งไปกว่านั้นมารดาของเขายังถูกจองจำอยู่ที่แดนแห่งไฟชำระ ถ้าเขารู้ ท่านคิดว่าเขาจะยอมเพิกเฉยไม่ทำอะไรงั้นหรือ?”

เมื่อพูดถึงตอนนี้พลันหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อไปว่า “ไหนจะตระกูลกู้ ถ้าพาตัวเขากลับมาคนของตระกูลกู้จะต้องโกรธเคืองเป็นแน่…”

เมื่อได้ฟังดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของตู๋กูเหลียนค่อยๆ จางลงทีละน้อย

หลังจากนั้นครู่หนึ่งตู๋กูเหลียนจึงหัวเราะออกอีกครั้ง “ถ้างั้นข้าถามความเห็นของท่านได้ไหมว่า เราควรทำอย่างไร?”

ชายชราเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “ส่งคนที่มีพลังแกร่งกล้าไปสังหารเขาเสียเพื่อเป็นการตัดปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ คนผู้นี้มีพลังขั้นสุดยอดและสถานศึกษาเต๋าอี้ก็อยากที่จะออกโรงปกป้อง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราต้องส่งไป…”

คนตรงข้ามถามทันที “ท่านจะไปที่นั่นได้อย่างไร?”

ตู๋กูอวี้นิ่งไปอึดใจ จากนั้นจึงตอบว่า “แน่นอน ข้าพอมีวิธี”

ฝ่ายตู๋กูเหลียนผงกศีรษะ “ข้ายังได้ยินมาด้วยว่าน้องของเขา นางก็เป็นยอดฝีมือเช่นเดียวกัน อาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาเต๋าอี้ถึงขนาดยอมรับเป็นศิษย์ของเขาทีเดียว…”

ขณะนั้นผู้พูดเหลือบตามองไปยังตู๋กูอวี้ “สังหารนางเสียด้วย! ตัดปัญหายุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า!”

ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อีกอย่างข้าลองสืบมาบ้างแล้ว ดูเหมือนว่ามียอดฝีมือลึกลับคอยหนุนอยู่เบื้องหลัง ทว่ามีข้อมูลที่ชัดเจนว่าคนลึกลับคนนั้นไม่ปรากฏชื่อแซ่”

เสียงผู้เป็นประมุขหัวเราะในลำคอ “โลกชิงฉาง…ดูเหมือนว่าที่นั่นจะเคยมีเซียนกระบี่แห่งโลกชิงฉางอยู่เสียด้วย เขาเป็นคนที่เก่งกาจสามารถมากสำหรับช่วงเวลานั้น และอีกคนเป็นผู้ก่อตั้งสำนักผู้ตรวจการเขตแดน…ผ่านมานานหลายปีเต็มที มีเพียงสองคนนั้นเท่านั้นที่นับได้ว่ากล้าแกร่ง ถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับคนทั้งสอง ตระกูลตู๋กูก็ไม่เคยหวั่นเกรง”

ตู๋กูอวี้พยักหน้าสนับสนุน “จริงที่สุด…”

ตู๋กูเหลียนหันไปบอกคนตรงหน้าว่า “ปิดบังเรื่องนี้ไว้ก่อนอย่าให้รู้ถึงหูของตระกูลกู้! มิเช่นนั้นอาจเกิดปัญหาใหญ่ตามมา”

ชายชราตอบทันที “รับทราบ”

ขณะเดียวกันคนพูดชะงักนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อไปว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ข้าต้องใช้งานสี่ ยมทูต”

ประมุขครุ่นคิดชั่วครู่และบอกกับอีกฝ่ายว่า “ตกลง จำไว้ว่าจะต้องกลับมาพร้อมหัวของเจ้าสองคนนั่น ข้าคิดว่าถ้าพี่กู้ ได้เห็นหัวของคนสองคนนั้นเมื่อไร เป็นต้องชอบใจแน่”

พูดพลางหัวเราะหึกับตนเอง “ข้าไม่คิดว่าตระกูลตู๋กูจะยอมผ่อนปรนให้กับเรื่องพวกนี้…”

ตู๋กูอวี้นิ่งเงียบ ด้วยเพราะคิดว่าตอนนี้ชะตากรรมของตระกูลตู๋กูนั้นกำลังตกอยู่ในมือของผู้อื่น

ณ ทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ชายชราผู้หนึ่งกำลังเดินมาช้าๆ พร้อมกับเด็กหญิง

ระหว่างทางที่เดินกันมานั้น พลันชายชราถามอีกฝ่ายว่า “อาหลิง เหตุใดเจ้าจึงไม่ทำการขัดเกลาสมบัติล้ำค่าขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่ข้ามอบให้เจ้าเสียที?”

เสียงคนที่เดินตามหลังชายชราตอบมาว่า “ข้าอยากเก็บไว้ให้พี่ชายเจ้าค่ะ!”

“เจ้าเก็บผลไม้วิเศษขั้นศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้เขาด้วยนี่นา?”

“เจ้าค่ะ! พี่ชายข้าไม่เคยได้กินของดีๆ เลยสักครั้ง ข้าจะกินก่อนได้อย่างไร?”

“อัญมณีเพลิงอินทนิลที่ข้าให้ไป…”

“พี่ชายต้องอดทนโดดเดี่ยวอยู่เพียงคนเดียว ข้าก็เลยอยากเก็บไว้ให้…”

“พี่ชายเจ้าชื่ออะไรนะ? ข้าชักอยากตามไปฆ่ามันแล้วสิ!”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!