บทที่ 701 สู้สุดชีวิต!
พลังปณิธานกระบี่!
เยี่ยฉวนเกิดความข้องใจขึ้นมาอย่างทะลักทะล้นจึงรีบสาวเท้าตรงเข้าหาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาได้พบว่ามาถึงยังอารามหลังหนึ่ง ดูจากสภาพภายนอกต้องเคยเป็นอารามที่ใหญ่โตโอ่อ่าอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้มีเพียงความเวิ้งว้างว่างเปล่า
และที่เบื้องหน้าอารามแห่งนั้น ปรากฏร่างของบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมผ้าคลุมหรูหราผืนใหญ่ เส้นผมยาวประบ่าทิ้งตัวไปด้านหลัง ขณะนั้นทีท่าเอียงศีรษะแหงนเงยเล็กน้อย ใบหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าบ่งบอกความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูด
เทพจักรพรรดิ!
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขานี้คือเทพจักรพรรดิ!
บริเวณกึ่งกลางแสกหน้าของเทพจักรพรรดิเปล่งรัศมีแห่งลำแสงกระบี่สาดส่องออกมา ซึ่งลำแสงนั้นมิเคยจางหายมาเนิ่นนานหลายปีดีดัก
เยี่ยฉวนเดินเข้าไปหยุดยืนต่อหน้าเทพจักรพรรดิ ซึ่งเป็นร่างกายที่ปราศจากลมหายใจด้วยอีกฝ่ายนั้นตายแล้ว
มีเพียงกายเนื้อที่ยังคงอยู่ในสภาพดีแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไป
เยี่ยฉวนรำพึงเสียงแผ่วเบา “แม่นางเจียน เขาตายมานานเท่าใด?”
เจียนจื่อไจ้ตอบให้ว่า “นานมากแล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นว่า “เขาถูกผู้ฝึกกระบี่สังหารสินะ?”
ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย
เห็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงไม่ถามอะไรอีก
เงียบงันไปชั่วครู่ จากนั้นมีเสียงของสตรีบอกกับอีกฝ่ายทันทีว่า “แผ่นยันต์ผนึกพิภพอยู่ในตัวเขา ต้องทำลายร่างนั้นเสีย ถึงจะนำแผ่นยันต์ออกมาได้!”
“ทำลายกายเนื้องั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนหน้าตื่น ก่อนจะทักท้วงไปว่า “แม่นางเจียน ทำอย่างนั้นเห็นท่าไม่ดีแน่”
สตรีย้อนตอบกลับ “เขาตายแล้วจะทิ้งไว้อย่างนี้ทำไมกัน? อีกอย่างถ้าเจ้าไม่ทำลาย แล้วจะนำแผ่นยันต์ผนึกพิภพออกมาได้อย่างไร ไหนจะสมบัติมรดกของเขาอีกล่ะ?”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะปฏิเสธ “ต้องมีวิธีอื่นสิน่า”
เสียงเจียนจื่อไจ้สวนออกมาว่า “อย่างนั้นเจ้าก็หาทางเอาเอง”
ชายหนุ่มชำเลืองมองร่างเทพจักรพรรดิที่ยืนอยู่ตรงหน้า ขณะนิ่งไปด้วยกำลังครุ่นคิดพลันทำท่าว่าจะเอ่ยพูดบางสิ่ง ปรากฏลำแสงสว่างเจิดจ้าลอยออกจากร่างของเทพจักรพรรดิ
ทันใดนั้นลำแสงสีขาวกลับแปรเปลี่ยนรูปร่างจนละม้ายคล้ายเทพจักรพรรดิ
รังสีของร่างวิญญาณ!
เยี่ยฉวนตกใจจนรู้สึกหัวใจกระตุกวูบ ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็รู้สึกดีใจเช่นกันที่ไม่พยายามทำลายร่างนั้นเสีย มิเช่นนั้นตนเองอาจตายไปแล้วก็ได้!
เทพจักรพรรดิชำเลืองมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นจึงส่ายหน้า “เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ ไม่คู่ควรสืบต่อมรดกของข้า กลับไปเสีย!”
ได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มบิดยกมุมปากเล็กน้อย นี่ถูกปฏิเสธกันซึ่งหน้าเลยทีเดียว!
เยี่ยฉวนไม่ใช่คนประเภทที่จะถอดใจล้มเลิกไปง่ายๆ เขารีบพูดออกไปว่า “ผู้อาวุโส ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้นนะขอรับ!”
เทพจักรพรรดิมองชายหนุ่มแปลกหน้าและมีทีท่ากำลังรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
ชายหนุ่มตั้งคำถามสีหน้าเคร่งขรึม “ผู้อาวุโส ข้าขอถามว่าในรอบหลายปีมานี้ มีกี่คนมาถึงที่นี่ขอรับ?”
ผู้ถูกถามตอบเสียงห้วน “สอง!”
เยี่ยฉวนถามไปอีก “เหตุใดเขาจึงไม่ได้สมบัติของท่านไป?”
เทพจักรพรรดิตอบว่า “นางไม่ต้องการ”
ชายหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะโพล่งออกไปดื้อๆ ว่า “แต่ข้าต้องการ!”
คนตรงหน้า “……”
เสียงเยี่ยฉวนพูดอีกว่า “ผู้อาวุโสข้ามาถึงที่นี่ได้เท่ากับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าและท่านอาจมีชะตาที่ต้องกัน ถ้าจะให้ข้ากลับไปเสียอย่างนี้ บอกตรงๆ ว่าข้าไม่เต็มใจ ยิ่งกว่านั้นแม้ว่าข้าจะเป็นผู้ฝึกกระบี่ ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้ข้าไม่ได้สืบมรดกของท่านเลยขอรับ”
ว่าแล้วจึงบอกอีกฝ่ายสุ้มเสียงจริงจังว่า “ผู้อาวุโส ขอให้ข้าลองสักตั้งเถิดขอรับ!”
เทพจักรพรรดิชำเลืองมองคนพูดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพลางหัวเราะหึ “เจ้าหนุ่ม ที่เจ้าพูดมาฟังเข้าที”
เขาหยุดไปนิดหนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “อย่างที่เจ้าบอกในเมื่อดั้นด้นมาจนถึงที่นี่แล้ว หมายความว่าเราสองคนมีชะตาต้องกัน ฉะนั้นก็น่าจะต้องลองดูสักตั้ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเยี่ยฉวนมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที!
พลันต่อมามีเสียงเทพจักรพรรดิถามขึ้นว่า “เต๋าแห่งวิทยายุทธ์คืออะไร?”
เต๋าแห่งวิทยายุทธ์คืออะไร?
เยี่ยฉวนนิ่งงัน
ถ้าถามว่าเต๋าแห่งกระบี่คืออะไร เขาอาจตอบอะไรออกมาได้บ้าง ทว่ามาถามว่าอะไรคือเต๋าแห่งวิทยายุทธ์ เยี่ยฉวนได้แต่อึ้ง
เทพจักรพรรดิจึงกล่าวว่า “ข้าคิดว่าก่อนหน้าเจ้าได้ฝึกฝนเต๋าแห่งวิทยายุทธ์ ด้วยเพราะข้าสัมผัสความรู้สึกของเคล็ดวิชาต่อสู้ที่ออกมาจากตัวเจ้า! อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับพลังปณิธานกระบี่ที่เจ้ามีอยู่ พลังชนิดนั้นอ่อนด้อยอยู่มาก นั่นย่อมหมายความว่าในระหว่างทั้งสองสิ่ง เจ้าเลือกที่จะฝึกเต๋าแห่งกระบี่ การฝึกทั้งสองอย่างพร้อมกันใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ทว่ายากลำบากมาก ถ้าเจ้าต้องการฝึกทั้งสองอย่างให้ประสบผลสำเร็จ แม้ว่าจะยุ่งยากสักหน่อย ในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เจ้าสูญเสียอาจมากกว่าสิ่งที่เจ้ายอมสละและทั้งสองอย่างก็เพียงระดับธรรมดา”
ชายหนุ่มนิ่งฟัง จากนั้นจึงค่อยหัวเราะออกมา “เข้าใจแล้ว ขอบคุณขอรับ”
พร้อมกับค้อมกายแสดงคารวะต่อเทพจักรพรรดิ “ผู้อาวุโส ข้าขอลา”
จากนั้นชายหนุ่มหันกลับเพื่อออกจากสถานที่
นิ่งมาก
ทันใดนั้นมีเสียงเรียกจากคนด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน”
เยี่ยฉวนชะงักและหันกลับไปมองเทพจักรพรรดิ ฝ่ายหลังยิ้มและพูดว่า “ดูท่าเจ้าไม่ได้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีอะไรที่ข้าต้องรู้สึกผิดหวังขอรับ”
เทพจักรพรรดิถามพลางยิ้ม “ทำไม?”
เยี่ยฉวนบอกว่า “อันที่จริงข้าก็อยากได้ทรัพย์มรดกของท่านอยู่หรอกทว่าถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พูดสั้นๆ ข้าทำดีที่สุดแล้ว ถ้าได้มาก็ถือว่าโชคดี หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้าทำดีที่สุดแล้วและไม่เสียใจเลยสักนิด”
ได้ฟังวาจาของอีกฝ่าย แววตาของเทพจักรพรรดิฉายความประหลาดใจวูบหนึ่ง “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าประสบความสำเร็จในเต๋าแห่งกระบี่ได้มากถึงเพียงนี้”
ผู้พูดกวาดตามองเยี่ยฉวนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าซ้ำอีกครั้ง ก่อนพูดขึ้นว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คนที่คู่ควรสืบทอดสมบัติของข้าก็ตาม ถ้าข้าเอาแต่คอยอยู่ที่นี่ต่อไป บางทีข้าจะไม่รอให้คนที่เหมาะสมที่สุดมาถึงนี่แล้ว งั้นก็ได้……”
ชายหนุ่มได้ยินคำพูดประโยคนั้น ในใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที
ในที่สุด!
ทันใดนั้นเทพจักรพรรดิถามคนตรงหน้าว่า “เจ้าเห็นมังกรสองตนที่เฝ้าตรงปากทางก่อนเข้าเมืองหรือไม่?”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ขอรับ!”
เทพจักรพรรดิยิ้มน้อยๆ ขณะบอกต่อไปว่า “เอาชนะพวกมันให้ได้ และเจ้าจะได้ครอบครองสมบัติทั้งหมดของข้า!”
ชายหนุ่มหน้าตื่นด้วยความตกตะลึง
เอาชนะพวกมังกรงั้นหรือ?
ความคิดแวบแรกของเยี่ยฉวนก็บอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ และสามัญสำนึกของคนย้ำมาอีกว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน ด้วยพลังแรงแกร่งกล้าของมังกรทั้งสองนั้นเหนือกว่ามนุษย์อย่างเขามากมายนัก!
ฝ่ายตรงข้ามมองพลาง มุมปากยกยิ้มและเอ่ยอีกว่า “เจ้าไม่มั่นใจล่ะสิว่าจะเอาชนะได้?”
เยี่ยฉวนยิ้มขื่นพยักหน้าอย่างยอมรับ “ขอรับ!”
เทพจักรพรรดิถามกลับ “ทำไมไม่ลอง?”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง
คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่มอบสมบัติให้กับคนสามัญทั่วไป ถ้าเอาชนะพวกมันได้เจ้าจะได้รับสมบัติของข้าทั้งหมด แต่ถ้าคิดว่ายากเจ้าก็กลับไปเสีย”
เยี่ยฉวนเงียบไปขณะครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “ตกลง ข้าจะลองดู!”
ว่าแล้วเขาหันหลังกลับและเดินหน้าออกไปนอกเมือง
อย่างที่เทพจักรพรรดิพูด ถ้าไม่ลองดูก่อนเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าได้หรือไม่ได้?
ถึงกระนั้นเมื่อเยี่ยฉวนเดินมาถึงจุดที่มังกรสองตัวนอนหลับ เขาเกิดความลังเลอีกครั้ง!
มังกรสองตัวนี้เหนือกว่าเจ้าสัตว์อสูรทั้งปวง!
ยิ่งกว่านั้นเมื่อดูจากขนาดรูปร่าง เขาไม่แน่ใจว่ากระบี่ของตนจะระคายผิวของมันได้!
ทว่าถ้าไม่ลองดูสักครั้ง เขาคงจะไม่เต็มอิ่มในอารมณ์อยู่นั่นเอง!
ต้องสู้!
เยี่ยฉวนยกเท้าขวากระทืบลงบนพื้นเบาๆ ความแรงส่งให้พื้นดินในบริเวณไหววูบ ทันใดนั้นมังกรตัวที่อยู่ตรงหน้าพลันลืมตาตื่นอย่างฉับพลัน ขณะต่อมานั้นเองพลังอำนาจแห่งมังกรพุ่งเข้าหาหมุนตรงมาที่คนอย่างเร็ว……
สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนวูบพร้อมกันนั้นจึงออกพลังผลักแห่งกระบี่เพื่อหวังต้านทานไว้ อย่างไรก็ตามพลังผลักแห่งกระบี่ไม่อาจหยุดยั้งพลังแรงที่พุ่งถาโถมเข้าใส่!
ร่างของเยี่ยฉวนจึงถูกพลังอำนาจแห่งมังกรกระแทกจนไถลไปไกลครั้งแล้วครั้งเล่า รวมแล้วเขาน่าจะไถลออกไปร่วมลี้ จนพื้นดินที่เคลื่อนที่ผ่านเกิดร่องลึกลากเป็นแนวยาว
มังกรหาได้ขยับลุกขึ้นไม่ มันเพียงมองดูเยี่ยฉวนที่ห่างไปไม่ไกลนักด้วยสายตาเฉยเมย ประหนึ่งมองเห็นมดตัวกระจ้อยร่อยอย่างไรอย่างนั้น
ชายหนุ่มบิดมุมปากยกยิ้มกับตนเอง “เอาวะมาสู้ประลองฝีมือกันดูสักตั้ง! ไม่จริงจัง อย่าให้มันเกินกว่าเหตุก็แล้วกัน!”
มังกรขยับลุกขึ้นทันที ขณะต่อมานั้นเองหางยาวเฟื้อยราวร้อยจั้งเห็นจะได้ตวัดผ่านช่องอากาศพุ่งเข้าใส่ร่างของเยี่ยฉวน ด้วยพลังกวาดรุนแรงทำให้อากาศเกิดบิดเบือนไปทันที ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
สถานการณ์ที่บังเกิดทำให้เยี่ยฉวนไม่กล้าลงมือโดยประมาท ในตอนนั้นชายหนุ่มฉวยจังหวะกระโจนขึ้นไปในอากาศพร้อมดึงกระบี่กับฟาดลงไปทันที
ออกกระบี่ชี้ชะตา!
นอกจากนั้นยังเสริมด้วยพลังปณิธานกระบี่ทั้งสอง!
อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นพลังที่รุนแรงที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้!
หลังจากการออกพลังปะทะ ส่งให้ช่องอากาศระเบิดกระจายไป!
ตูม!
ทันทีที่คมกระบี่สัมผัสลงบนส่วนหางมังกร ร่างของเขากลับกระเด็นไปอย่างฉับพลันและตกลงพื้นในที่ไกลกว่าสองร้อยจั้ง ยังผลให้พื้นที่ในละแวกสั่นสะเทือนรุนแรงและบังเกิดเป็นหล่มขนาดย่อมซึ่งมีร่างของเยี่ยฉวนนอนแอ้งแม้งอยู่ก้นหลุม!
และด้วยคมกระบี่ของเขานั่นเองทำให้เกิดรอยถากที่หางมังกร เป็นรอยถลอกเพียงผิวเผินจนเกือบมองไม่เห็น
ที่หน้าประตูเมือง สายตาของมังกรจ้องมองมายังเยี่ยฉวนที่ก้นหล่มด้วยแววตาสบประมาทฉายชัด
ส่วนคนที่อยู่ในหลุม ชายหนุ่มค่อยผุดลุกขึ้นยืน ขณะนั้นร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มด้วยความรุนแรง โดยเฉพาะแขนข้างขวาบัดนี้แทบจะสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว
ไม่อาจเอาชนะมันได้!
ขณะที่ฝ่ายมนุษย์จ้องเขม็งไปยังมังกร เจ้ามังกรมิได้จู่โจมต่อเนื่องแต่อย่างใดทว่ามองดูฝ่ายตรงข้ามอยู่เงียบๆ
ท่าทางบ่งบอกว่ารำคาญ!
มันชักรำคาญมนุษย์ที่เข้ามาก่อกวน!
เทพจักรพรรดิสังเกตการณ์ลงมาจากบนกำแพงเมือง ขณะทอดสายตามองเยี่ยฉวนราวกับกำลังคอยให้อีกฝ่ายโต้ตอบกลับ
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่เมื่อทำท่าจะอ้าปากพูด พลันมีเสียงของเจียนจื่อไจ้ถามขึ้นว่า “คิดว่าจะเอาชนะมันได้ไหม?”
เยี่ยฉวนสั่นหน้า “ไม่ได้!”
เสียงพูดของสตรีดังก้องขึ้นอีก “รู้ไหมว่าเหตุใดเพลงกระบี่ของนางจึงไร้พิษสงเมื่ออยู่ในมือของเจ้า?”
ก่อนที่เยี่ยฉวนจะเอ่ยตอบโต้ นางชิงพูดขึ้นว่า “เพราะว่าเจ้าขาดพลังสู้จนสุดชีวิต อ้อไม่สิ เจ้าน่ะมีพลังที่ว่านั่นเพียงแต่จะเกิดกับสถานการณ์ที่มีคนจะมาทำร้ายน้องสาวของเจ้าเท่านั้น! ตอนนี้เจ้าต้องละทิ้งความรู้สึกทุกอย่าง มิไยคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาและอะไรก็ตาม เวลานี้เจ้าต้องคิดอย่างเดียวว่าฆ่ามัน!”
เสียงพูดหยุดไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “เวลานี้เจ้าต้องไม่ว่อกแว่กทว่าคิดเรื่องการสังหารอย่างเดียว ปกติแล้วเจ้าเป็นคนที่คิดหลายเรื่อง อย่างเช่นในตอนนี้พอรู้สึกว่าไม่สามารถเอาชนะได้เจ้าจึงเลือกที่จะไม่สู้ต่อ ขณะที่ในใจนึกปฏิเสธนั่นคือเจ้าแพ้แล้ว ใช้จินตนาการสิว่ามังกรกำลังจะกัดกินน้องสาวของตัวเอง เจ้าจะทำอย่างไร?”
กัดกินน้องข้างั้นหรือ?
อีกฝ่ายฟังคนพูดพลางคิดไปด้วย สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนเป็นถมึงทึงน่ากลัว พลันต่อมาเขาแหงนหน้ามองไปที่มังกรซึ่งทอดตัวห่างออกไปพร้อมหลับตาลง “ใครมันกล้าทำร้ายน้องของข้า!”
ทันใดนั้นชายหนุ่มทะยานพรวดออกไป ในอุ้งมือกระชับกระบี่ขณะพุ่งเข้าหามังกรยักษ์
ขณะนั้นมีเพียงความคิดประการเดียวอยู่ในใจ!
สู้!
สู้สุดชีวิต!
เมื่อคนเราสามารถสละทิ้งทุกอย่างไม่อาทรต่อทุกสิ่ง เมื่อนั้นศักยภาพของคนผู้นั้นจะเพิ่มอย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอานุภาพเพลงกระบี่ของเยี่ยฉวน!
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
สิ่งที่เพลงกระบี่นี้ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งคือพลังผลักอันรุนแรงถึงขนาดเข่นฆ่าได้อย่างแน่นอน!
พลันมังกรดูท่าจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงไปของมนุษย์น้อยตรงหน้า มันจึงลืมตาทันที ขณะต่อมาก็อ้าปากคำรามใส่เยี่ยฉวนตรงหน้า และด้วยพลังมังกรที่พ่นลมหายใจดุจเพลิงร้อนจากหินหลอมละลายพุ่งออกจากปล่องภูเขาไฟ
ไม่ห่างไกลกันนั้นเองเยี่ยฉวนตวัดกระบี่ฟาดออกไป
ฉัวะ!
เสียงกระบี่กรีดก้องสะท้านทั่วแผ่นฟ้า ในตอนนั้นกระบี่ของเยี่ยฉวนสะบัดฟึ่บลงไปตรงๆ!
ตูม!
พลังฟาดได้สะบั้นลมหายใจแห่งมังกรขาดลงฉับพลันทันที อีกทั้งขณะนั้นพลังปะทะดังกล่าวพุ่งกระแทกร่างมังกรทรงพลังจนร่นถอยรวดเดียวไปเป็นหลายสิบจั้ง!
เมื่อเยี่ยฉวนทะยานลงไปยืนบนพื้นดิน พลันพื้นพสุธาที่มีจุดศูนย์กลางที่ตัวคนห่างออกไปในรัศมีราวร้อยจั้งปรากฏฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ!



