Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 872

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 872 : ดวงวิญญาณแห่งมังกร!

C

อาหลิงพึมพำอยู่เช่นนั้นถึงสองถ้วยชา

ในขณะที่สุนัขอสูรยังคงงุนงง…

ผู้มีอำนาจแห่งสำนักเซียนไม่หาญกล้าจะขยับตัวเลยแม้แต่คนเดียว

ยิ่งยามเห็นสังขารของผู้อาวุโสโม่แตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยกระบี่ของอาหลิง ทุกคนย่อมหวาดกลัวเด็กน้อยคนนั้น

หวั่นเกรง!

พวกเขาหวาดผวาอาหลิง!

อาหลิงพลันเก็บกล่องแล้วหันไปยังบัลลังก์เทพราชัน ตัวบัลลังก์กระเถิบไปด้านหลังด้วยความกลัว

ตัวเด็กสาวนั้นดีใจยิ่ง ใบหน้าแย้มยิ้มสดใส นางไม่ได้ชักกระบี่ออกมา แต่กลับหลังหันจากไปโดยโอบกอดมันเอาไว้แทน

ในยามนี้ นางลืมเรื่องเยี่ยฉวนไปจนสิ้นแล้ว

เมื่อต่างคนต่างเห็นอาหลิงจากไป ทุกคนพลันถอนหายใจโล่งอกอย่างพร้อมเพรียง

สุนัขอสูรโล่งใจเช่นกัน มันปวดหัวยิ่งหากต้องเผชิญหน้ากับอาหลิงที่ถือกระบี่นั่น

ตอนนั้นเอง เจ้าสุนัขหันไปทางบัลลังก์เทพราชันราวกับกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง

เหลียนว่านเอ๋อร์มองไปยังบัลลังก์นั่นเช่นกัน

บัดนี้ ห้องลับถูกกระบี่ของอาหลิงฟันจนขาดสะบั้น นั่นย่อมแปลว่าผนึกถูกคลายออกเรียบร้อย ทว่าบัลลังก์เทพราชันยังคงอยู่กับที่!

มันไม่หนีไปหรือ?

สุนัขอสูรกับเหลียนว่านเอ๋อร์มองกันและกัน……ต่างสับสนว่าเหตุใดจึงไม่หนีไป!

ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสโม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมาปรากฏเบื้องหน้าเหลียนว่านเอ๋อร์ อีกฝ่ายถามขึ้นมาเสียงเบา “นางคือผู้ใด?”

กายหยาบของผู้อาวุโสโม่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทว่ายามนี้เขาสงบจิตสงบใจลงแล้ว

เขาถูกเด็กน้อยถือกระบี่สับเสียเป็นชิ้นๆ!

นั่นเป็นเรื่องสามัญธรรมดาหรือ?

ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว!

เขาไม่ใช่คนโง่ เจอขนาดนี้ย่อมรู้ดีว่าเจ้ามนุษย์กับเด็กน้อยนั่นไม่ใช่คนธรรมดา

ถือเป็นการกระทำโง่ที่เขลานัก หากกัดฟันสู้กับนางในสภาพนี้

สถานะของสำนักเซียนไม่เหมือนยามก่อนอีกต่อไป เขาจำเป็นต้องสำรวมเข้าไว้!

เหลียนว่านเอ๋อร์มองผู้อาวุโสโม่แล้วไม่เอ่ยสิ่งใด

ความจริง นางหวังให้สำนักเซียนปรับปรุงตัวพัฒนาให้ดีขึ้นบ้าง!

และเพื่อบูรณะสำนัก มาตรการเด็ดขาดย่อมเป็นสิ่งจำเป็น!

ไม่เช่นนั้นแล้ว สำนักนี้คงอยู่อย่างอ่อนด้อยไปจนตายเป็นแน่แท้!

ตรงหน้ารูปสลัก พลังปราณสีแดงเลือดปรากฏอยู่ทั่วกายเยี่ยฉวน ปราณที่แผ่กระจายออกมาจากร่างส่งกลิ่นอายโหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าพลังแมวดำเสียอีก!

ทักษะเทพโลหิต แท้จริงแล้วเป็นทักษะมาร!

ผ่านไปนานเท่าไรไม่มีผู้ใดทราบ เยี่ยฉวนปรือตาขึ้น แก้วตาแห่งแมวดำแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเสียแล้ว

เยี่ยฉวนลุกขึ้น ปราณรอบตัวไหลเวียนราวหยาดโลหิต

บัดนั้น เทพราชันเอ่ยเสียงเบา “เจ้าได้รับทักษะเทพโลหิตเรียบร้อย และมีความสามารถเด็ดขาดในการควบคุมเลือดแล้วเช่นกัน……จะใช้หรือดูดซึมก็ย่อมได้ แต่จงจำไว้……อย่าเข้าสู่สภาวะกระหายเลือดง่ายๆ เด็ดขาดเพราะกายหยาบยังไม่แข็งแกร่งพอ เมื่อเข้าสู่สภาวะนั้น ร่างกายจะทนฤทธิ์แห่งโลหิตได้ยากนัก”

เยี่ยฉวนโค้งคำนับเทพราชันเล็กน้อย “ขอบพระคุณ ศิษย์พี่!”

เทพราชันกล่าว “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ข้าก็ทำเพื่อตัวเอง ในเมื่อมีสายเลือดสำนักเซียนอยู่ในตัวแล้ว……หวังให้เจ้าเป็นผู้นำสำนักเซียนเพื่อความก้าวหน้าของสำนัก…”

เขานิ่งไปเล็กน้อย “หากเป็นไปได้ ชักชวนให้นางกลับสำนักเซียนในสักวัน”

เยี่ยฉวนพยักหน้า “ข้าจะพยายาม”

เทพราชันผงกหัวก่อนจะผายแขนขวาออกกว้าง ทันใดนั้นเอง แสงสีทองพลันส่องลงมาจากฟากฟ้า กระบี่ในฝักกระบี่สีทองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ

กระบี่เทพราชัน!

เทพราชันมองไปยังเยี่ยฉวน “เจ้าอาจทราบปริศนาแห่งกระบี่เจิ้นหุนแล้ว……แต่ปริศนาแห่งกระบี่เทพราชันเล่า?”

เยี่ยฉวนเอ่ยทันควัน “ได้โปรดอธิบายให้ข้าฟังด้วยเถอะ!”

เทพราชันหันไปทางกระบี่เทพราชันในมือ “มันถูกตีขึ้นโดยปฐมเทพราชันแห่งสำนักเซียน คมกระบี่ทำจากแร่เหล็กดารานภาไกลกับกระดูกแห่งเทพมังกรทอง ด้ามกระบี่มาจากแสงดารา สุริยาและจันทรา นำมาบีบอัดแน่น……ฝักกระบี่ทำจากหยาดโลหิตแห่งเทพมังกรทอง วิญญาณของมันนั้น…”

เขาเอ่ยพลางสะบัดกระบี่เทพราชันในมือ

เปรี๊ยะ!

เสียงกระบี่พลันดังกึกก้องทั่วท้องฟ้า ครู่ถัดมาเยี่ยฉวนเห็นกระบี่กลายเป็นลำแสงบินขึ้นไปในอากาศ ในพริบตาเดียว มังกรทองตัวยาวหลายสอบจั้งปรากฏขึ้นกลางอากาศ!

มังกรทองก้มมองลงต่ำ สายตาหยิ่งยโสคล้ายดูถูกทุกสิ่ง

เยี่ยฉวน “……”

ในตอนนั้น เขามองไปยังเยี่ยฉวน “บัดนี้ เจ้าเป็นนายมันแล้ว!”

เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงเบา “ศิษย์พี่ มันจะขัดคำสั่งข้าไหม”

เทพราชันส่ายหัว “ไม่มีวัน หน้าที่ของมันคือการปกปักสำนักเซียน บัดนี้เจ้าเป็นผู้ฟื้นฟูสำนักแล้วซึ่งมีแต่จะเชื่อฟัง หากปะทะกับสัตว์อสูรในยามข้างหน้า มันจะช่วยข่มพวกเดียวกันด้วยสายเลือดโดยตรง หรือปะทะกับสมาชิกสำนักมังกร ทว่าหากคู่ต่อสู้ยังไม่ถึงขั้นระดับเทพมังกรทองแล้ว สายเลือดพวกมันจะโดนเทพมังกรทองเข้าข่มขู่เช่นกัน มันเกิดมาเพื่อตรึงสำนักมังกรที่มีสายเลือดต่ำกว่าตัวเองอย่างแท้จริง”

ถึงยามนี้ เขาเหมือนจะนึกถึงสิ่งอื่นได้จึงเอ่ยจริงจัง “ทั้งสวรรค์และโลกช่างกว้างขวางไร้จุดจบ แม้แต่สำนักเทพมังกรทองยังไม่ได้ยืนอยู่จุดสูงสุด แน่นอน……ในความคิดนี้ มีเพียงสัตว์อสูรน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถข่มเทพมังกรทองผ่านสายเลือดได้ มันก็เป็นตำนานมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แม้แต่ข้ายังไม่เคยเห็นมาก่อน ในยุคสมัยนี้……ไม่อาจเอ่ยปากได้ว่าจะไม่มีอะไรมาข่มเทพมังกรทองผ่านสายเลือดได้ แต่บอกได้ว่ามีน้อย……น้อยมากๆ”

เยี่ยฉวนพยักหน้า “เข้าใจแล้วขอรับ”

เขาเอ่ยพลางขยับมือขวา มังกรทองพุ่งลงมาจากฟากฟ้า……ฤทธิ์เดชแห่งมังกรดูราวกับจะถล่มพสุธา!

แข็งแกร่งนัก!

นี่คือความรู้สึกแรกของเยี่ยฉวน อิทธิฤทธิ์แห่งเทพมังกรทองมีพลานุภาพมากกว่าแรงตวัดกระบี่ของเขายิ่ง!

เยี่ยฉวนเงยหน้ามองเทพมังกรทองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตกใจหรือหลบเลี่ยง

ในส่วนของอิทธิฤทธิ์มังกร แม้จะรู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้ ทว่าชายหนุ่มต้านได้สำเร็จ

บัดนั้นเอง เทพมังกรทองพุ่งไปยังเหนือหัวของเยี่ยฉวน และเมื่อไปถึง มันกลับกลายเป็นกระบี่แล้วลอยนิ่งๆ อยู่เบื้องหน้า

กระบี่เทพราชัน!

เยี่ยฉวนเอื้อมมือไปจับกระบี่ พลันเทพมังกรทองเปล่งแสงออกมาจากฝัก ตามมาด้วยลำแสงแห่งกระบี่และเสียงคำรามแห่งมังกรซึ่งถึงขั้นทำให้ท้องนภาสั่นสะเทือน!

แกร่งสุดยอด!

นี่คือความรู้สึกของเยี่ยฉวนยามถือกระบี่เล่มนี้……รู้สึกราวกับได้เป็นผู้ครองแห่งโลก!

ใครก็ตามที่ก้มหัวให้ย่อมรอด……ทว่าใครที่ขวางทางย่อมตาย!

เขารู้สึกเช่นนี้เลย!

ช่างเป็นกระบี่ที่ดีนัก!

ใบหน้าของชายหนุ่มยิ้มกว้างจนไม่อาจหุบได้!

เทพราชันถามขึ้นมา “เจ้าสัมผัสถึงพลังที่แท้จริงของกระบี่นี้หรือไม่?”

เยี่ยฉวนมองไปยังเทพราชันซึ่งตอบให้เสร็จสรรพ “ดวงวิญญาณแห่งเทพมังกรทอง! อำนาจแห่งเทพมังกรทองอย่างไรเล่า!”

เยี่ยฉวนงุนงงไปเล็กน้อย

เทพราชันยิ้ม “สถิตวิญญาณ!”

ยามเทพราชันเอ่ยจบ เทพมังกรทองพลันเข้าไปในหว่างคิ้วเยี่ยฉวน ร่างทั้งร่างพลันระเบิดออกมาด้วยพลังปราณทรงอำนาจ

ร่างกายชายหนุ่มกำลังรองรับดวงวิญญาณแห่งมังกร!

เยี่ยฉวนคำรามเสียงดัง มังกรทองโผล่ขึ้นมาด้านหลังอย่างเงียบเชียบ……

เทพราชันที่อยู่ตรงหน้ากล่าวออกมา “บัดนี้วิญญาณเจ้าได้รวมกับวิญญาณแห่งมังกรแล้ว ทำให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งอย่างน้อยถึงสิบเท่า หากให้เปรียบคือ ครอบครองความคงทนต่อทักษะเกี่ยวกับดวงวิญญาณกับจิตวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีดวงวิญญาณแห่งมังกร เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าเมื่อใช้ทักษะ……ลองดูสิ”

เยี่ยฉวนหลุบตาลง ชั่วพริบตา สัมผัสได้ว่าพลังจิตตรวจตราสามารถสัมผัสได้ทุกซึ่งในระยะหลายหมื่นลี้ รู้แม้กระทั่งที่อยู่ตามพื้น!

ราวกับขบคิดอะไรบางอย่าง จิตใจเยี่ยฉวนสั่นไหว ทันใดนั้นเอง ลำแสงแห่งกระบี่ตัดผ่าต้นไม้ใหญ่ในระยะห่างไกลหลายหมื่นลี้!

แสงระยิบระยับต่างกระจายไปทั่ว!

เยี่ยฉวนถึงกับตกตะลึง!

ด้วยดวงวิญญาณแห่งมังกร บัดนี้ชายหนุ่มสามารถเด็ดหัวศัตรูได้ในระยะหมื่นลี้ในชั่วพริบตา!

เพิ่มดวงวิญญาณนี้เข้าไปเพียงอย่างเดียว……ทำไมน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้!

หากใช้กระบี่เจิ้นหุนในเวลาเดียวกัน……มั่นใจได้เลยว่าจะสังหารผู้ทรงอิทธฤทธิ์แห่งขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตได้ในทันที!

แน่นอนว่ายังไม่สามารถมั่นใจได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งอย่างจิตรกรสาวหรือเว่ยหยางเทียน แต่ในยามนี้ ชายหนุ่มมั่นใจว่าสามารถปะทะฝีมือกับพวกเขาได้!

ทันใดนั้นเอง ใบหน้าเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปเพราะดวงวิญญาณแห่งมังกรกลับไปในกระบี่!

ทันทีที่ดวงวิญญาณแห่งมังกรหายไป ร่างกายชายหนุ่มพลันหนักอึ้งจนเกือบล้มลงไป

เยี่ยฉวนมองเทพราชันผู้เอ่ยอธิบาย “ดวงวิญญาณแห่งมังกรแข็งแกร่งกว่ามาก วิญญาณและสังขารเจ้าไม่สามารถทนได้นานนัก อย่างมากหนึ่งถ้วยชา ช่วงเวลานี้ สามารถใช้วิญญาณกับอำนาจแห่งมังกรแล้วสังหารทุกสิ่ง……แน่นอนว่านอกจากศัตรูผู้แข็งแกร่ง”

“พลังแห่งมังกร?”

เยี่ยฉวนถามทันควัน “นี่คือพลังแห่งมังกรหรือ?”

เทพราชันพยักหน้า “ในกระบี่นี้มีพลังแห่งเทพมังกรทองสถิตอยู่เช่นกัน ซึ่งถูกใช้ให้คงเสถียรภาพตัวกระบี่และด้ามจับ เจ้าครอบครองพลังนี้ได้ มันไม่ได้อ่อนไปกว่าพลังแห่งอสูรเลย ทว่าความสามารถทางกายภาพเจ้ายังทนไม่ได้ถึงขั้นนั้นน่ะสิ”

สังขารอีกแล้ว!

เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงเบา “ข้าจะยกระดับสังขารอย่างไรดี”

เทพราชันเงียบไป ก่อนจะตอบว่า “หากต้องการยกระดับสังขาร เจ้าต้องไปสถานที่แห่งหนึ่ง”

เขาถามทันควัน “ที่ใดหรือ”

เทพราชันเอ่ยเสียงนุ่ม “สำนักภูตบรรพกาล”

เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว “สำนักภูตบรรพกาลหรือ?”

เทพราชันพยักหน้า “ในยุคก่อน สำนักภูตบรรพกาลเป็นรองเพียงสำนักเซียนและสำนักเจ้านรกเท่านั้น จุดเด่นคือความสามารถทางกายภาพ พวกเขามีวิธีวิเศษในการฝึกสังขาร”

เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงเบา “ข้าจะไปที่สำนักภูตบรรพกาลได้อย่างไร?”

เทพราชันผงกหัว “มันน่าจะเสื่อมโทรมลงมาก ไม่แน่ใจว่าโดนกวาดล้างไปแล้วหรือยัง… หากยังละก็ เจ้าจะลองเสี่ยงดวงเอานั้นย่อมได้ ส่วนวิธีการฝึกฝนสังขาร……ปล่อยให้ชะตานำพาเถิด”

เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยเสียงเบา “เอาเป็นว่า ข้าจะลองสักตั้งแล้วกัน!”

เทพราชันเอ่ย “เจ้าไปได้แล้ว อย่าลืมสัญญาล่ะ”

เยี่ยฉวนตอบจริงจัง “ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”

เขาทำในสิ่งที่ถูกฝากฝังมาให้ดีที่สุดอยู่เสมอ!

เนื่องจากเยี่ยฉวนได้รับสวัสดิการมากมายจากเทพราชัน ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำตามสัญญาให้ลุล่วง!

เทพราชันพยักหน้าพอใจ “ไปได้!”

เยี่ยฉวนใช้สองหมัดประกบคำนับ “ศิษย์พี่ ข้าขอลา!”

เอ่ยเช่นนั้น ชายหนุ่มหันหลังจากไป แต่ยังไม่ทันไรก็เดินกลับมาหาเทพราชัน “เอ่อ… ศิษย์พี่ ข้าจะออกไปได้อย่างไร?”

เทพราชันโบกมือขวา จู่ๆ เยี่ยฉวนหายลับจากไป

เมื่อเยี่ยฉวนหายไปแล้ว เทพราชันขบคิดอะไรบางอย่างพลันสีหน้าเรียบตึงไป “บัลลังก์เทพราชัน…”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!