บทที่ 896 : ว่าจ้างผู้อื่น!
หอคอยน่ารำคาญ!
เยี่ยฉวนส่งยิ้มแห้งให้ “ศิษย์พี่ ท่านพบหอคอยนี้ตอนไหนหรือ”
ชายบนชั้นหกเอ่ย “มันสัมผัสได้ถึงปราณของยอดฝีมือ มุ่งโจมตีผู้ที่สามารถเข้าไปในโลกห้ามิติหรือมีศักยภาพมากพอจะเข้า แล้วกักขังเอาไว้น่ะสิ!”
เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงเข้ม “ศิษย์พี่ เหตุใดถึงห้ามไม่ให้คนเข้าไปในโลกห้ามิติหรือ”
ชายบนชั้นหกเอ่ย “แล้วข้าจะรู้ไหม”
เขาเงียบไปแล้วพูดต่อ “แต่ควรรู้ว่าหอคอยนี้ถือเป็นตั๋วผ่านสำหรับคนที่อยากเข้าไปยังโลกห้ามิติ หากไม่มีมัน ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใด……ก็เข้าไปที่นั่นไม่ได้อยู่ดี”
เยี่ยฉวนสับสนยิ่ง “เพราะเหตุใดหรือ?”
ชายบนชั้นหกอธิบาย “เพราะมีเพียงเจ้าหอคอยที่น่ารำคาญนี่รู้วิธีเข้าโลกห้ามิติน่ะสิ… ไม่มีมัน ต่อให้ยิ่งใหญ่มาจากไหนก็เข้าไม่ได้หรอก เพราะไม่รู้ทางเข้าไปที่นั่นน่ะสิ”
เยี่ยฉวนถามต่อ “แล้วท่านรู้จักโลกห้ามิติได้อย่างไรกัน เพราะหอคอยนี้หรือ”
ชายในชั้นหกตอบ “ย่อมใช่!”
เยี่ยฉวนงงไป “ทำไมหรือ”
ชายในชั้นหกอธิบาย “หากเห็นสภาพมันในยุคทอง เจ้าจะเข้าใจเอง ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครรู้ทางไปสู่โลกห้ามิติแล้วบ้าง”
เยี่ยฉวนถามเสียงเข้ม “แสดงว่าข้ามีตั๋วผ่านทางไปยังโลกห้ามิติหรือ?”
ชายในชั้นหกกล่าวยิ้มๆ “มีสติหน่อยดีไหม? อย่างแรก……เจ้าหอคอยน่ารำคาญนี่เลือกเจ้าเป็นนายง่ายดายปานนี้ อย่างที่สอง……คนอยากแย่งหอคอยน่ารำคาญนี่มีมากมายถมเถ”
เยี่ยฉวนถาม “แล้วท่านไม่อยากได้หรือ”
ชายชั้นหกตอบ “ข้าไม่ได้อยากไปเยือนโลกห้ามิติอะไรขนาดนั้น หอคอยนี่ไม่เห็นมีอะไรน่าดึงดูด!”
เยี่ยฉวนยิ้มโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
ปกติชายหนุ่มคงไม่เชื่อสิ่งที่ชายชั้นหกพล่ามจนหมดใจ แต่หากเขาจะตื่นตัวก่อนย่อมไม่ผิดอะไร
อีกอย่าง รู้สึกว่าชายคนนี้ไม่ได้ง่ายเลย!
เขาอัธยาศัยดีเกินไปแล้ว!
ช่างแปลกยิ่ง!
ไม่มีใครใจเย็นได้หลังโดนคุมขังมาหลายปีหรอก เป็นเขานี่คงเป็นบ้าไปแล้ว! อีกอย่าง……ดูท่าทางชายผู้นี้คงเป็นมารร้ายแบบหนึ่ง…
เอาเป็นว่า ในความเห็น……ต่อให้ชายผู้นี้จะทำเป็นใจเย็นหรือใจเย็นจริง เขาต้องตื่นตัวอยู่เสมอ!
ผ่านไปสักพัก เยี่ยฉวนออกมาจากสำนักกระบี่
เขามายังหอวาณิชในนครอานุภาพ
หอวาณิชถงเป่า!
ในนครอานุภาพ นี่เป็นหอวาณิชนี้เพียงหนึ่งเดียว เป็นสถานที่มากปริศนาไร้ซึ่งผู้รู้ที่มา ในเมื่อผู้อาวุโสของที่นี่เปิดทำการหอวาณิชเช่นนี้ในนครอานุภาพได้……แปลว่าผู้อาวุโสผู้นี้ย่อมไม่ธรรมดา!
เมื่อชายหนุ่มเข้ามายังหอวาณิชนี้ มีหญิงสาวเดินมาหา
นางตัวสูงและงดงามยิ่ง ใบหน้าแย้มยิ้ม
นางสาวเท้าไปยังเยี่ยฉวนพร้อมโค้งให้เล็กน้อย “นายท่าน ไม่ทราบว่าต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ”
เยี่ยฉวนเอ่ย “ข้ามาขายของ!”
ชายหนุ่มเอาของบางอย่างออกมา ซึ่งทุกอย่างเป็นอาวุธระดับเซียน
เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้น ท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเวลาถัดมา นางโค้งคำนับอีกครั้ง “ได้โปรดตามข้ามาเจ้าค่ะ!”
นางพาเยี่ยฉวนไปยังห้องรับรองขนาดเล็ก ทันทีที่เยี่ยฉวนนั่งลง หญิงสาวผู้งดงามก็เข้ามา!
ดูจากภายนอก หญิงคนนี้อายุประมาณสามสิบ รูปร่างอวบอั๋น มีส่วนเว้าส่วนโค้งตราตรึงใจยิ่ง!
สาวงามเดินไปยังเยี่ยฉวนแล้วยิ้มให้ “ไม่ทราบว่าท่านจะลงประมูลอาวุธเซียนเหล่านี้ หรือจะขายให้แก่หอวาณิชถงเป่าดีเจ้าคะ?”
เยี่ยฉวนถาม “ต่างกันอย่างไรหรือ”
สาวงามเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากท่านลงประมูล จะได้เงินเยอะกว่าแต่ต้องรอหน่อยเจ้าค่ะ ทว่าหากเลือกขายให้ทางเรา……ท่านรับเงินไปได้เลย!”
เยี่ยฉวนถามเสียงเข้ม “หากข้าขายให้ เจ้าจะให้ราคาต่อชิ้นเท่าไรหรือ?”
นางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ “เราเสนอราคาเพชรน้ำค้างม่วงจำนวนสามสิบล้าน หรือสามแสนเพชรน้ำค้างเซียนต่ออาวุธเซียนหนึ่งชิ้นเจ้าค่ะ!”
“เพชรน้ำค้างเซียน?”
เยี่ยฉวนมองไปยังสาวงาม “คืออะไรหรือ?”
สาวงามยิ้มแล้วอธิบาย “เพชรน้ำค้างเซียนมีค่าสูงกว่าเพชรน้ำค้างม่วงเจ้าค่ะ เป็นการตกผลึกจากเพชรน้ำค้างม่วง หากเพชรน้ำค้างม่วงไม่ถูกแตะต้องและดูดซับพลังชี่ไปหลายหมื่นปี……จะเกิดโอกาสตกผลึกกลายเป็นเพชรน้ำค้างเซียนเจ้าค่ะ! เพชรน้ำค้างเซียนมากด้วยคุณประโยชน์ โดยเฉพาะสำหรับยอดฝีมือในขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตชั้นเนรมิต”
เพชรน้ำค้างเซียนสามแสนชิ้น!
เยี่ยฉวนคิดสักพักก่อนจะตอบ “เช่นนั้นข้าจะขอเพชรน้ำค้างเซียน!”
ชายหนุ่มเอ่ยจบดีดนิ้วดังเป๊าะ แหวนวงหนึ่งวางลงต่อหน้าสาวงาม
มีของจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้ในแหวนสัมภาระ เนื่องจากตลอดการเดินทางมา สังหารคนในขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตชั้นเนรมิตจำนวนมาก และได้ยึดของพวกเขามา
นอกจากอาวุธในขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตแล้ว เขาจะขายมันทุกสิ่ง!
……ทว่าไม่ได้ขายเกราะเทพแห่งความมืด มันยังมีประโยชน์อยู่!
หญิงงามตรวจสอบแหวนสัมภาระของเยี่ยฉวน สีหน้าของนางเปลี่ยนไป
ข้างในมีสินค้ามากมายนัก ซึ่งมากกว่าที่คาดไปสักหน่อยด้วยซ้ำ!
สาวงามเหลือบมองเยี่ยฉวน “นายท่านโปรดรอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะตามคนมาตีมูลค่าสินค้าเหล่านี้!”
นางเอ่ยจบมอบแหวนสัมภาระนั่นให้ชายแก่ที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลนัก
ชายเฒ่ารับแหวนสัมภาระแล้วหมุนตัวจากไป
สาวงามเดินกลับมาหาเยี่ยฉวน นั่งลงส่งยิ้มให้ “ต้องการสิ่งอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?”
เยี่ยฉวนคิดสักพักแล้วถาม “มีมือสังหารไหม”
นางชะงักค้าง
เยี่ยฉวนเอ่ยต่อ “ข้าต้องการคนคุ้มกัน!”
สาวงามเผยสีหน้าแปลกๆ ออกมา “คนคุ้มกันหรือเจ้าคะ”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “จะดีมากหากอยู่ในขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตชั้นเนรมิต และยิ่งอยู่ในขั้นไขว่คว้าเต๋านั่นยิ่งดีใหญ่!”
สาวงามมองเยี่ยฉวน “ท่านมาจากสำนักกระบี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เยี่ยฉวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าได้ข้อมูลมาดีนี่ ข้ามาจากสำนักกระบี่นั่นย่อมใช่ แต่ยังต้องการคนคุ้มกันอยู่ดี”
สาวงามนิ่งเงียบ
เยี่ยฉวนยิ้มอีกครั้ง “ไม่มีหรือ”
นางพยักหน้า “มีเจ้าค่ะ แต่ค่าตัวแพงนัก!”
เยี่ยฉวนเอ่ย “เงินไม่ใช่ปัญหา”
ยามอีกฝ่ายกำลังจะเอ่ย ชายเฒ่าที่จากไปเมื่อครู่ได้กลับมาแล้ว เดินมาหยุดด้านหลังสาวงาม หลังจากนั้นนางหันไปมองเยี่ยฉวน “ท่านเจ้าคะ พวกเราตีมูลค่าในแหวนสัมภาระแล้ว ทั้งหมดราคาอยู่ที่ห้าร้อยสามสิบล้านเพชรน้ำค้างม่วง หากต้องการเป็นเพชรน้ำค้างเซียน ราคาจะอยู่ที่ห้าล้านเพชรน้ำค้างเซียนเจ้าค่ะ”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “เอาตามนั้นแหละ!”
นางยิ้มให้ แล้วมอบแหวนสัมภาระคืนเยี่ยฉวนไป
เยี่ยฉวนตรวจสอบแหวนสัมภาระ ข้างในมีเพชรน้ำค้างเซียนถึงห้าล้านชิ้น!
และพลังงานของเพชรน้ำค้างเซียนบริสุทธิ์กว่าเพชรน้ำค้างม่วงมากมายนัก!
ตอนนั้นเอง หญิงสาวเอ่ยขึ้นมา “ท่านต้องการคนคุ้มกันใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เยี่ยฉวนเก็บแหวนสัมภาระกลับไป มองสาวงามแล้วเอ่ย “ใช่ ขอคนพึ่งพาได้เท่านั้น”
นางเอ่ยยิ้มๆ “หอวาณิชถงเป่ายินดีร่วมธุรกิจกับท่านเจ้าค่ะ”
เยี่ยฉวนทวน “หอวาณิชเจ้าน่ะหรือ”
สาวงามเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน “พวกเรามียอดฝีมือในขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตหรือขั้นไขว่คว้าเต๋าให้เลือกสรร ตราบใดที่มีเงินจ้างเจ้าค่ะ!”
เยี่ยฉวนถาม “จ้างคนขั้นไขว่คว้าเต๋าคนหนึ่งราคาเท่าไรหรือ”
นางนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ “หนึ่งล้านเพชรน้ำค้างเซียนเจ้าค่ะ!”
หนึ่งล้านเพชรน้ำค้างเซียน!
มุมปากเยี่ยฉวนกระตุกเล็กน้อย ราคาช่างสูงยิ่ง!
เยี่ยฉวนถามเสียงสุขุม “ข้าเชื่อใจหอวาณิชถงเป่าของเจ้าได้หรือไม่”
สาวงามตอบ “หอวาณิชเรามีชื่อเสียงเรียงนามอันดียิ่ง ไม่เช่นนั้นแล้ว คิดหรือว่าสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธจะยอมให้เปิดทำการที่นี่?”
ชายหนุ่มเงียบไปเล็กน้อยแล้วตอบ “ข้าขอจ้างคนขั้นไขว่คว้าเต๋าสามคน!”
นางส่ายหัว “ไม่ได้เจ้าค่ะ”
เยี่ยฉวนมองหญิงสาวซึ่งมอบรอยยิ้มแหยส่งมา “พวกเรามอบคนพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าให้ท่านได้เพียงหนึ่งคนเจ้าค่ะ”
เยี่ยฉวนถาม “ทำไมหรือ”
นางเอ่ยยิ้มๆ “ขั้นพลังของพวกเขานั้นหายากนักเจ้าค่ะ!”
หายาก!
เยี่ยฉวนเข้าใจขึ้นมา
ดูท่าทางแม้แต่ในดินแดนจักรวาลดาวอานุภาพนี้ ขั้นไขว่คว้าเต๋ายังถือว่าหายากยิ่งอยู่เช่นเดิม
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าจ้างหนึ่งคน! แล้วมีขั้นพลังก่อเกิดชั้นเนรมิตกี่คน แล้วหนึ่งคนใช้ค่าจ้างเท่าไร”
สาวงามตอบ “สามแสนหยาดน้ำค้างเซียนเจ้าค่ะ!”
เยี่ยฉวนกล่าว “ข้าจ้างสิบคน! และพวกเขาต้องแข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้น!”
นางมองเยี่ยฉวนแล้วเอ่ยขึ้นมา “รับทราบเจ้าค่ะ แต่ควรทราบไว้ว่าเราไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องในของสำนักกระบี่ท่าน!”
เยี่ยฉวนยิ้มออกมา “ไม่ต้องห่วงไป ที่จ้างพวกเขาไม่ได้เกี่ยวกับสำนักกระบี่เลย น้องสาวข้าอยู่ในสถาบันฝึกยุทธ เลยอยากได้คนไปแอบปกป้องนางน่ะ!”
ชายหนุ่มเอ่ยจบจึงขบคิดบางอย่าง แล้วพลันเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “อืม เจ้าควรสืบเรื่องข้าก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจด้วยดีหรือไม่”
สาวงามมองเยี่ยฉวนตรงๆ แล้วหันไปมองชายแก่ข้างกาย
ชายแก่ออกไปแล้ว ไม่นานนักก็กลับมาหาสาวงามอีกครั้ง
ทันใดนั้น สาวงามลุกขึ้นยืน มองเยี่ยฉวนด้วยสีหน้าตระหนก “ท่าน…”
เยี่ยฉวนยิ้ม “อยากทำธุรกิจกับข้าต่อไหม?”
สาวงามนิ่งเงียบ
“เอาสิ!”
เสียงหนึ่งพลันดังมาจากประตู
เยี่ยฉวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเนื่องจากไม่รู้สึกถึงคนที่เข้ามาเลย ชายหนุ่มหันไปมองประตูแล้วพบสาวอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น
นางดูอายุราวๆ ยี่สิบ สวมชุดสีขาวยาว รอบดวงตาถูกพันด้วยผ้าสีดำ
เมื่อเห็นนาง สาวงามกับชายเฒ่ารีบโค้งให้ “นายหญิง”
หญิงสาวผงกหัวเล็กน้อย “นายน้อยเยี่ย พวกเรายินดีที่ค้าขายกับท่าน ไม่เพียงเท่านั้น จะส่งคนขั้นไขว่คว้าเต๋าสองคนไปปกป้องน้องสาวเจ้าโดยไม่คิดเงินแม้แต่แดงเดียว!
เยี่ยฉวนถามทันที “เงื่อนไขเจ้าล่ะ”
นางเอ่ย “ไร้ซึ่งเงื่อนไขใด!”
เยี่ยฉวนยิ้มแห้ง “ดูท่าข้าจะติดหนี้เจ้าเสียแล้ว”
ชายหนุ่มซึ่งมองหญิงสาวอยู่ “นายหญิง เจ้าคิดว่าการทำเพื่อข้านำมาซึ่งเม็ดเงินมากมายเช่นนั้นหรือ”
นางถามกลับ “จะบอกว่าไม่มั่นใจในตัวเองเช่นนั้นรึ นายน้อยเยี่ย?”
เยี่ยฉวนเอ่ยยิ้มๆ “ข้าอุตส่าห์ห่วงเจ้านะนี่”
หญิงสวมผ้าพันตากระซิบ “หากท่านยอมรับข้อตกลงนี้ คนของเราจะเดินทางไปยังสถาบันฝึกยุทธเพื่อปกป้องน้องสาวท่านอย่างลับๆ ในทันที”
เยี่ยฉวนนิ่งไปสักพักแล้วจึงเอ่ย “ขอบคุณเจ้ามาก”
นางพยักหน้าเล็กน้อย “หากต้องการความช่วยเหลือสิ่งใดในภายภาคหน้า สามารถมาหอวาณิชถงเป่าได้ทุกเวลา”
เยี่ยฉวนคำนับโดยใช้หมัดประสานฝ่ามือ “ขอบคุณเจ้ามาก ข้ามีธุระอื่นอีก เกรงว่าต้องจากกันเสียแล้ว”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มหมุนตัวจากไป
หลังเยี่ยฉวนจากไป สาวงามรีบปรี่ไปหาสาวผู้นั้น “นายหญิงเจ้าคะ?”
หญิงสาวกระซิบ “ข้ารู้ดีว่ามีหลายคนหมายปองชีวิตเขา รวมไปถึงคนที่แม้แต่หอวาณิชถงเป่าเราไม่ควรไปแตะต้องง่ายๆ!”
สาวงามเอ่ยถาม “แล้วเหตุใดจึงยื่นมือเข้าช่วยเล่าเจ้าคะ”
นางเอ่ย “ทุกคนอยากให้เขาตายๆ ไปเสีย แต่ยังคงอยู่รอดมาถึงตอนนี้… เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกบ้างรึ”
สาวงามเงียบ
หญิงสาวสวมผ้าพันตาอธิบายต่อ “สมบัติที่ชายหนุ่มผู้นั้นครอบครองไม่ใช่สิ่งที่เราจะครอบครองได้ แม้ว่าจะได้มันมา……ก็มีแต่จะพาหายนะมาให้ ตอนนี้เขากำลังลำบาก หากเราแอบช่วยแล้ว บางทีอาจจะได้ลาภโดยไม่คาดคิดในภายภาคหน้าก็เป็นได้”
สาวงามถามเสียงระแวง “แล้วถ้าเขาตายเล่า?”
หญิงสาวถามกลับ “แล้วหากเขารอดมาได้เล่า?”
สาวงามนิ่งเงียบอีกครา
หญิงสาวเอ่ย “มาพนันกันเถิด หากพวกเราชนะพนันย่อมแปลว่าจะมีพันธมิตรแข็งแกร่งในภายภาคหน้า หากแพ้… ก็ไม่เห็นจะเสียสิ่งใด”
สาวงามเอ่ยเสียงนิ่ง “นายหญิงเจ้าคะ ท่านมั่นใจว่าจะชนะพนันหรือ”
หญิงสาวเอ่ย “ไม่มั่นใจเลยสักนิด!”
สาวงามอับจนคำพูดยิ่ง “……”
หญิงสาวกระซิบต่อ “หากยิ่งมั่นใจน้อยว่าจะชนะ เขาจะยิ่งมีโอกาสรอดน้อยลงเท่านั้น และหากข้ารู้สึกว่าเราควรเดิมพันสักนิดล่ะก็…”



