Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 899

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 899 : สำนักกระบี่ไม่มีทางประนีประนอม?

C

สำนักกระบี่จะยอมผ่อนปรนให้!

เยี่ยฉวนหน้าตึงไปเล็กน้อย “นายหญิงไป๋ เหตุใดจึงมั่นใจเช่นนั้น”

ไป๋จื่อถอนหายใจเบาๆ “นายน้อยเยี่ย ท่านได้พบท่านผู้นำสำนักกระบี่มาบ้างหรือไม่ ตั้งแต่เข้ามา”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า

ตั้งแต่ที่เข้ามา ชายหนุ่มไม่เคยเจอศิษย์พี่คนใดเลยนอกจากเยว่อู่เฉิน

คิดได้เช่นนั้น เยี่ยฉวนหน้าหม่นลง

ตอนนี้เอง ถึงเห็นว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป

ไป๋จื่อเอ่ยต่อ “สำนักกระบี่ทอดทิ้งท่านแน่! เหตุผลคือเจ้าสำนักที่นี่ทะเยอทะยานนัก เขาจะไม่ต่อสู้กับกองกำลังระดับสูงข้างนอก อีกอย่าง สถาบันฝึกยุทธ์จะตั้งตนเป็นศัตรู! หากกองกำลังอื่นหมายโจมตีสำนักกระบี่……สถาบันฝึกยุทธ์จะร่วมด้วย ทีนี้สำนักจะตกที่นั่งลำบาก ดังนั้น สำนักกระบี่จะเลือกทิ้งท่าน”

เยี่ยฉวนนิ่งไป

ไป๋จื่ออธิบายอีก “ขั้นไขว่คว้าเต๋าหกคนนั้นยังไม่ได้แสดงความสามารถที่แท้จริงเลย! หากอยากปกป้องตัวเองกับพวกพ้อง และไม่อยากถูกสำนักกระบี่ทรยศ ท่านต้องหนีไปตอนนี้! หากไปตอนนี้ สำนักกระบี่จะปรานี ทว่าหากไม่จากไป แต่เมื่อใดที่พวกเขาขอให้ไปหรือหวังบงการชีวิต ท่านจะลำบากยิ่งกว่านี้!”

เยี่ยฉวนถามเสียงเข้ม “หากจากไป พวกเขาจะเลิกทำอะไรเพื่อนข้าไหม”

ไป๋จื่อตอบเสียงต่ำ “ขึ้นอยู่กับท่าทีของสถาบันฝึกยุทธ์เท่านั้น! หากสถาบันฝึกยุทธ์มุ่งมั่นจะปกป้องสหายท่าน พวกเขาจะไม่แตะต้องง่ายๆ หรอก! แต่หากท่านจ้าวทะเยอทะยานด้วยนั้น…”

ยามเอ่ยเรื่องนี้ นางเลือกจะไม่พูดต่อ

เยี่ยฉวนกระซิบ “สถานการณ์ข้าแย่ขนาดนั้นเลยหรือ”

ทันใดนั้นเอง ไป๋จื่อพลันมองไปทางขวา ชายแก่ปรากฏตัวขึ้น

เป็นเยว่อู่เฉิน!

เยว่อู่เฉินมองมาที่ชายหนุ่ม “เจ้าไปจากที่นี่เสีย!”

สีหน้าเยี่ยฉวนหม่นลง “ศิษย์พี่!”

เยว่อู่เฉินกระซิบ “หากมาอยู่ก่อนหน้านี้สักปีและเป็นหัวกะทิของสำนักล่ะก็……พวกเขาอาจปกป้องเจ้า แต่ตอนนี้เขาไม่ทำหรอก!”

เยี่ยฉวนนิ่งเงียบ……

เยว่อู่เฉินถอนหายใจบางเบา “มิใช่ว่าไม่เห็นค่าเจ้า แต่เห็นค่าอย่างอื่นมากกว่าเฉยๆ อีกอย่างตอนนี้เจ้ากำลังมีปัญหากับสิ่งที่สำนักเราเห็นค่ามันเสียด้วย! ตอนนี้จงตามหญิงคนนี้แล้วออกจากสำนักกระบี่เดี๋ยวนี้เลย”

เมื่อเยี่ยฉวนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ชายวัยกลางคนพลันเข้ามาในบริเวณเสียพอดี

เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักกระบี่ หลี่เสวียนเฟิง!

หลี่เสวียนเฟิงมองชายหนุ่ม “เกรงว่าเจ้าจะออกไปตอนนี้ไม่ได้!”

เยี่ยฉวนยิ้ม “จะส่งตัวข้าให้พวกมันหรือ”

หลี่เสวียนเฟิงกำลังจะเอ่ยบางอย่าง เยว่อู่เฉินพลันแทรก “สำนักกระบี่เราไม่เคยก้มหัวให้ใครใช่หรือไม่”

หลี่เสวียนเฟิงส่ายหน้า “ศิษย์พี่เยว่ พวกเราไม่ได้ก้มหัวให้ใคร!”

เยว่อู่เฉินเย้ยหยัน “แน่ใจหรือ? เจ้าจะส่งตัวศิษย์สำนักเราให้คนอื่น แล้วบอกหน้าด้านๆ ว่าไม่ได้ก้มหัวให้ใครเนี่ยนะ?”

หลี่เสวียนเฟิงแย้ง “เขาไม่ใช่ศิษย์ในสำนักด้วยซ้ำ! ชื่อยังไม่เคยบันทึกไว้ในฐานะศิษย์ของสำนักกระบี่เลยสักนิด!”

เยว่อู่เฉินยิ้ม “เจ้าจะไม่ฟังข้าเช่นนั้นสินะ!”

หลี่เสวียนเฟิงกระซิบ “ศิษย์พี่เยว่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากก้าวพลาดไปก้าวเดียว กองกำลังอื่นจะหันคมกระบี่ใส่เรา!”

เยว่อู่เฉินหันไปมองเยี่ยฉวน “ออกไปจากที่นี่ซะ!”

หลี่เสวียนเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย

ทันใดนั้นเอง เยว่อู่เฉินมองยังหลี่เสวียนเฟิง “เจ้าคิดว่ามันต่างอะไรไหมระหว่างเราส่งตัวให้กับเขาถูกจับได้เอง?”

หลี่เสวียนเฟิงเงียบไป

เยว่อู่เฉินเอ่ยต่อ “หรือเจ้าก็หมายปองสมบัตินั่น? หากใช่ล่ะก็ ลองคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาหากครอบครองมันตอนนี้แล้วหรือยัง?”

หลี่เสวียนเฟิงยังคงเงียบ

เยว่อู่เฉินยังคงพูดต่อ “เจ้าหนุ่มนั่นเดินมาถึงนี่ คิดว่าไม่มีอะไรหนุนหลังเลยรึไง หากสำนักกระบี่ส่งตัวให้เขาตอนนี้ พวกเราเหมือนทำคุณให้คนอื่นโดยไม่ได้อะไรกลับมาสักอย่าง!”

หลี่เสวียนเฟิงเงียบไปสักพัก จากนั้นหันไปมองชายหนุ่ม “ออกไปจากสำนักเราซะ หลังจากนี้จะเป็นมิตรหรือศัตรู ก็ปล่อยให้ชะตาชักพาไป”

อีกฝ่ายว่าจบ หันหลังแล้วหายวับไป

ขณะเดียวกัน เสียงของหลี่เสวียนเฟิงเอ่ยออกมาอีก “ออกไปได้แล้ว!”

เยว่อู่เฉินมองเยี่ยฉวน “รีบไปจากที่นี่เถอะ!”

เยี่ยฉวนโค้งคำนับให้เยว่อู่เฉินด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง “ข้าจะจดจำน้ำใจท่านไว้!”

ชายหนุ่มหันไปมองไป๋จื่อผู้พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบีบตราเวทในมือ แล้วหายไปทันที

ณ ที่นั้น เยว่อู่เฉินถอนใจบางเบา เดินไปยังรูปปั้นตรงหน้าโถงสำนักกระบี่ ด้านล่างรูปปั้นมีคำสลักเอาไว้ ‘สำนักกระบี่เราจะไร้ซึ่งความประนีประนอม!’

ไร้ซึ่งความประนีประนอม!

เยว่อู่เฉินมองรูปปั้นเบื้องหน้า ก่อนจะค่อยๆ ตกอยู่ในภวังค์

ไม่มีใครเคยพบผู้ก่อตั้งคนนี้!

ไม่มีใครเคยพบผู้ก่อตั้งสถาบันฝึกยุทธ์เช่นกัน!

มีข้อมูลเพียงว่าเมื่อพวกเขาผ่านทางมาที่นี่……ซึ่งได้รับศิษย์สองคนเอาไว้ แล้วสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์จึงถูกก่อตั้งขึ้น ณ ที่แห่งนี้!

ผ่านไปสักพัก เยว่อู่เฉินหมุนตัวจากไป

หน้าโถงสำนักกระบี่ หลี่เสวียนเฟิงมองไปยังรูปปั้นที่อยู่ห่างออกไป ชายแก่ยืนอยู่ข้างกายเขา

ชายแก่ถามเสียงเข้ม “ท่านเจ้าสำนัก เหตุใดถึงปล่อยตัวเยี่ยฉวนไปรึ”

หลี่เสวียนเฟิงเอ่ยเสียงเนิบ “ใครบอกว่าข้าปล่อยไป?”

ชายแก่ชะงักไป ทว่าเข้าใจในที่สุด

สำนักกระบี่โจมตีเยี่ยฉวนโดยตรงไม่ได้ เพราะหากทำแล้วจะส่งผลต่อชื่อเสียงของสำนัก และต่อให้ได้สมบัติเยี่ยฉวนมาครอง ที่นี่คงจะโดนโจมตีรอบด้านแน่นอน!

ดังนั้น เขาจะกระทำการนี้อย่างลับๆ!

ชายแก่เอ่ยเตือน “ท่านเจ้าสำนัก ชายคนนั้นแข็งแกร่งนัก…”

หลี่เสวียนเฟิงพยักหน้า “ข้ารู้ดี”

หลังจากนั้น เขาหันหลังจากไป

ชายแก่กลับหลังหันไปด้วยเช่นกัน!

อีกด้านหนึ่ง ณ สถาบันฝึกยุทธ์

ในห้องโถง เหอเหลียนเทียนซึ่งเป็นท่านจ้าวแห่งสถาบันฝึกยุทธ์พลันกระซิบขึ้นมา “เขาจะเข้าโจมตีเจ้าหนุ่มนั่นจริงด้วย!”

ชินซางเอ่ยเสียงเข้ม “เยี่ยฉวนน่ะหรือขอรับ”

เหอเหลียนเทียนพยักหน้า

หน้าของชินซางมืดมนลง “แล้วแผนเล่า?”

เหอเหลียนเทียนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “จะเป็นอะไรไปได้อีก เขาอยากปกครองนครอานุภาพไม่สิ……บางทีอาจอยากได้มากกว่านั้นอีก!”

ชินซางเอ่ยเสียงจริงจัง “ชายคนนั้นทะเยอทะยานนัก ส่วนผู้ฝึกกระบี่ต่างแข็งแกร่งยิ่ง พวกเราต้องป้องกันตัวเองให้ดี! อีกอย่าง น้องสาวเจ้านั่นอยู่ในสถาบันเรา และอาจทำร้ายนาง… ยิ่งไปกว่านั้น เกรงว่าสำนักกระบี่อาจฉวยโอกาสนี้โจมตีสถาบันฝึกยุทธ์ก็ได้ขอรับ!”

เหอเหลียนเทียนกระซิบ “เขาทำแน่!”

ชินซางมองเหอเหลียนเทียน “แล้วเราควรทำเช่นไรขอรับ”

เหอเหลียนเทียนเอ่ยเสียงเข้ม “เรามอบตัวเยี่ยหลิงให้ไม่ได้”

ชินซางสับสนไป “ทำไมหรือขอรับ”

เหอเหลียนเทียนกระซิบ “นางเก่งกาจน่ะสิ! ไม่เพียงแค่นั้น หากมอบตัวให้ไป พวกเราจะเสียอันหลานซิ่วกับคนอื่นๆ ไป หลายคนจะคิดว่าสถาบันฝึกยุทธ์นั้นอ่อนแอและหากมอบตัวเยี่ยหลิงไปจริงล่ะก็……พวกเราได้อ่อนแอของแท้!”

ชินซางค้านเสียงเข้ม “แต่หากไม่มอบตัวนาง สถานการณ์เรา…”

เหอเหลียนเทียนยิ้มออกมา “สาเหตุที่สำนักกระบี่ยอมประนีประนอมไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่ทะเยอทะยานต่อสิ่งอื่นมากกว่า พวกเขาน่ะละโมภนัก! ส่วนสถาบันเรา… อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้ทะเยอทะยานขนาดนั้น แค่หวังให้สถาบันฝึกยุทธ์มีตัวตนเช่นนี้อยู่ตลอดกาลเท่านั้น”

เขาเอ่ยจบเงยหน้ามองฟ้าไกลแล้วพึมพำ “ความทะเยอทะยานมักจะชี้ถึงความย่อยยับ ในตอนนี้เจ้า ‘หวัง’ และคนอื่นควรตื่นตัวให้มากกว่านี้ ห้ามให้ใครคนใดเข้ามาทำร้ายศิษย์เรา หากพวกเขาทำล่ะก็……ฆ่ามันได้”

ชินซางพยักหน้าเล็กน้อย เขาเอ่ยต่อราวกับกำลังขบคิดบางอย่าง “เยี่ยฉวน…”

เหอเหลียนเทียนเอ่ยเสียงเบา “เขาจะรอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับโชคแล้ว”

ชินซางพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้วขอรับ”

หลังจากนั้น เขาหันหลังจากไป

ในนครอานุภาพ

เยี่ยฉวนกับไป๋จื่อปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูหอวาณิชถงเป่า ชายหนุ่มมองไปที่นาง “นายหญิงไป๋ ขอบคุณมาก!”

ไป๋จื่อส่ายหน้า “เรื่องแค่นี้เอง”

เยี่ยฉวนลา “ไว้เจอกันนะ!”

หลังจากนั้น ชายหนุ่มหมุนตัวเตรียมจากไป

ไป๋จื่อพลันเอ่ยขึ้นมา “ท่านกลัวจะดึงข้าไปพัวพันด้วยหรือ”

เยี่ยฉวนพยักหน้า “หากข้ายังอยู่ที่นี่ คงลากเจ้ามาเอี่ยวด้วยเป็นแน่ แค่นี้นับว่าช่วยมามากแล้ว! ลาก่อน!”

เอ่ยจบ ชายหนุ่มกลายเป็นลำแสงกระบี่แล้วพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า!

เขาจงใจจากไปอย่างเปิดเผย!

……จงใจประกาศก้องว่าออกมาจากหอวาณิชถงเป่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

หลังเยี่ยฉวนจากไป สาวงามเดินมาจากด้านหลังไป๋จื่อ นางมองไปยังลำแสงของกระบี่บนท้องฟ้าแล้วพึมพำ “เขาแน่จริงนัก!!”

หญิงสาวกระซิบ “บอกคนของเราให้เบิกตาเฝ้ามองกองกำลังที่ซุ่มอยู่พวกนั้น เช่นเดียวกับสำนักกระบี่และสถาบันฝึกยุทธ์!”

สาวงามถามเสียงจริงจัง “นายหญิงเจ้าคะ ท่านจะเข้าไปพัวพันเรื่องนี้จริงหรือ”

ไป๋จื่อพยักหน้า “ลองเสี่ยงสักตั้งย่อมมีหวัง ไม่เช่นนั้นแล้ว ทันทีที่ท่านสิ้นชีพลง หอวาณิชถงเป่าเราจะตกเป็นเหยื่อทันที”

หลังสิ้นเสียงนางหันหลังจากไป

ในลานโล่งของสถาบันฝึกยุทธ์

อันหลานซิ่วยืนอยู่บนผืนหญ้า เงยหน้ามองท้องฟ้าราวกับขบคิดบางสิ่ง

เวลานั้นเอง เหลียนว่านลี่ปรากฏตัวขึ้นตรงประตูเข้าลานโล่ง นางเอนตัวพิงกำแพงข้างกายแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าหมอนั่นโดนเตะออกจากสำนักกระบี่แล้วนะ!”

อันหลานซิ่วพยักหน้า “ข้ารู้”

เหลียนว่านลี่ถามด้วยรอยยิ้ม “พวกเราทำอย่างไรต่อดี”

อันหลานซิ่วกระซิบ “นั่งรอสิ!”

เหลียนว่านลี่ประหลาดใจยิ่ง “ทำไมเป็นเช่นนั้น”

อันหลานซิ่วตอบ “ในยามนี้ สิ่งที่เขาทำได้คนเดียวนั้นน่ากลัวกว่ากันเยอะ”

เหลียนว่านลี่นึกสักพักแล้วก็เข้าใจ

เยี่ยฉวนเป็นผู้ฝึกกระบี่จริง แต่เป็นนักฆ่าด้วย……นักฆ่าตัวฉกาจ!

หากเยี่ยฉวนอยู่คนเดียว เขาสามารถหลบซ่อนได้ แต่หากพวกนางเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือ……ชายหนุ่มย่อมต้องแสดงตัว ในตอนนั้นสถานการณ์คงย่ำแย่ลงได้!

ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ เหลียนว่านลี่เอ่ยขึ้นมา “เขาอาจลำบากอยู่ก็ได้นะ!”

อันหลานซิ่วเหม่อมองฟ้า “บอกเจียงจิ่วด้วยว่าอย่าบุ่มบ่าม”

เหลียนว่านลี่พยักหน้า “เข้าใจแล้ว!”

ว่าจบนางหันหลังจากไป

อันหลานซิ่วยังคงมองฟ้าราวกับขบคิดอะไรบางอย่าง

ด้านนอกนครอานุภาพ

ยามเยี่ยฉวนออกมาจากนคร ชายหนุ่มก่อจลาจลเสียงดังมาก กล่าวคือออกเดินทางนอกนครอย่างเปิดเผย!

และนั่นเป็นสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้!

ชายหนุ่มต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามิได้พำนักอยู่ในหอวาณิชถงเป่าแต่อย่างใด!

จากนครอานุภาพมาได้ไม่นานนัก พลังปราณอันแข็งแกร่งต่างล้อมรอบตัวชายหนุ่ม!

ขณะเดียวกัน ทุกอย่างพลันมืดลงไปหมด และกำแพงเหล็กอนธการล้อมรอบขังไว้!

เป็นค่ายกล!

เยี่ยฉวนหันไปมอง ชายแก่ถือกระบี่นั่นยืนอยู่ห่างจากเขาไม่ไกลนัก

เยี่ยฉวนส่ายหัวยิ้มๆ “ไม่นึกเลยว่าสำนักกระบี่จะโจมตีข้าเป็นคนแรก!”

ชายแก่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าอยากตายแบบไหนเล่า”

เยี่ยฉวนนิ่งคิดไปเล็กน้อยแล้วตอบ “ข้าไม่อยากตายนี่สิ!”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!