บทที่ 915 : ผู้ก่อตั้งแห่งสำนักกระบี่! (ต้น)
ณ นครอานุภาพ บริเวณสระน้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ด้านนอกเขตเมือง
ชายชราผู้ใช้ทวนเป็นอาวุธประจำกาย ผู้อาวุโสเยว่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ทวนยาวที่ถืออยู่ในมือดูแล้วเหมือนอาวุธทวนธรรมดาเป็นที่สุด เป็นเพียงอาวุธทวนที่ทำจากเหล็กทั่วๆ ไป
ถัดออกไปไม่ไกลจากอาวุโสเยว่เป็นเหยี่ยหลาน
เวลานี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากคมกระบี่!
เสียงของเขาเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราประมาทสำนักกระบี่เกินไป!”
ถ้าพวกเขาใช้กำลังเข้าจู่โจมสำนักกระบี่เสียในตอนนี้ และคิดว่าหากมีผู้อาวุโสเยว่มาช่วยอีกคน อาจเป็นโอกาสดีที่จะทำให้สามารถเอาชนะสำนักกระบี่ได้!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดมาก่อนการเอาชนะสำนักกระบี่ครั้งนี้จะล้มเหลวไม่เป็นท่า อีกทั้งยังเกือบหลงกลฝ่ายนั้นจนติดกับอีกต่างหาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยฉวน พวกของตนอย่างน้อยครึ่งหนึ่งคงติดกับอยู่ที่นั่นเสียแล้วเป็นแน่
เยี่ยฉวน!
นึกขึ้นมาได้ เหยี่ยหลานหันหน้ามองไปรอบตัว “เยี่ย……เยี่ยฉวน อยู่แถวนี้หรือเปล่า?”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มค่อยๆ ปรากฏตัวถัดจากคนพูดไปยังที่ว่างทางฝั่งขวามือ
สีหน้าของชายหนุ่มดูซูบซีดอิดโรยเล็กน้อย
เขาเหลือบมองไปยังชายชราที่ถืออาวุธทวนยาวที่ชื่อผู้อาวุโสเยว่ ด้วยอาการระมัดระวังอยู่ในที!
สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่พร้อมจะต่อสู้กับชายชราคนที่ยืนอยู่แน่!
พลันผู้อาวุโสเยว่หันมามองเยี่ยฉวน สายตาแลกวาดพิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เสียงถามออกไปเบาๆ “เจ้าคือเยี่ยฉวน……งั้นหรือ?”
คนถูกถามพยักหน้า
ผู้อาวุโสเยว่ผงกศีรษะพลางเอ่ยตอบ “ฝีมือยอดเยี่ยมทีเดียว!”
ว่าจบ มองชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะอีกคำรบ “สงสัยอยู่อย่างเดียว บางทีเจ้าอาจช่วยไขข้อข้องใจให้ข้าก็เป็นได้!”
เยี่ยฉวนตอบว่า “ผู้อาวุโส เชิญถามมาได้เลย!”
ผู้อาวุโสเยว่กล่าวว่า “แม้ว่าของล้ำค่าทุกชิ้นในทำเนียบขุมทรัพย์จักรดาราจะมิใช่ของธรรมดาทั่วไป เท่าที่รู้สมบัติล้ำค่าที่เจ้ามีไว้ครอบครองเป็นของที่ล้ำเลิศกว่าชิ้นไหนๆ ในทำเนียบขุมทรัพย์ เพียงแต่สงสัยว่าเหตุใดถึงมาตกอยู่กับเจ้า?”
ชายหนุ่มตอบให้ว่า “ข้าก็ไม่ทราบ!”
คนถามขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงเยี่ยฉวนพูดต่อมา “มันอยู่กับข้ามาตั้งแต่เกิด”
ผู้อาวุโสเยว่ถามทันที “พ่อแม่ของเจ้าทิ้งไว้ให้……งั้นหรือ?”
ชายหนุ่มพยักหน้าขณะตอบว่า “ที่จริงท่านแม่ต่างหากที่ทิ้งไว้ให้ ทว่านางได้รับจากท่านพ่อของข้าอีกที ส่วนท่านพ่อนั้น… ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร”
หลังจากนิ่งไปด้วยกำลังครุ่นคิด ผู้อาวุโสชำเลืองมองเหยี่ยหลานและเสียงฝ่ายหลังเอ่ยเสียงขรึม “ก่อนนั้นทางเราสืบเรื่องบิดาของเขาไม่ได้ ไม่พบข้อมูลอะไรเลย ขอรับ!”
ผู้อาวุโสเยว่มองกลับไปที่เยี่ยฉวน ชายหนุ่มจึงกล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโส หอคอยมาอยู่กับข้าได้อย่างไรนั้นไม่สำคัญ ก่อนอื่นเราต้องทวงหอคอยคืนมาจากสำนักกระบี่ดีกว่า!”
ฝ่ายตรงข้ามจึงเอ่ยพลางยิ้มในหน้า “ของล้ำค่านั่นอยู่ที่เจ้าแล้ว!”
เยี่ยฉวนส่ายหน้า “โปรดอย่าล้อเล่น! ของสิ่งนั้นนำแต่เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ ถ้าขืนอาจเอื้อมเก็บไว้ต่อไป……ข้าคงไม่รอดแน่”
จากนั้น คนพูดเผยยิ้มเจื่อน “แม้จะไม่ได้อยากทิ้งไปแบบนี้ ทว่าข้าไม่มีทางเลือก ชีวิตของเราสำคัญกว่าสมบัติเป็นไหนๆ ท่านว่าจริงไหม?”
ผู้อาวุโสกล่าวพลางยิ้มในหน้า “พ่อหนุ่ม เข้าใจอะไรง่ายๆ เช่นนี้ก็ดีแล้ว!”
ชายหนุ่มพูดสุ้มเสียงจริงจัง “บอกตามตรง……อยากไปแก้แค้นเสียวันนี้พรุ่งนี้ สำนักกระบี่ไม่เพียงใส่ร้ายข้าเท่านั้น พวกเขายังมุ่งร้ายจู่โจมน้องสาวและสหายอีกด้วย เรื่องนี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด!”
คนฟังนิ่งด้วยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกกับอีกฝ่ายว่า “หมู่เฟิงเฉินบอกข้าว่าสมบัติล้ำค่าไม่ได้อยู่ที่สำนักกระบี่!”
เยี่ยฉวนย้อนถาม “ท่านเชื่อเช่นนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสเยว่จ้องมองคนพูดขณะเหยียดยิ้มมุมปาก “เจ้าจะว่าอย่างไร?”
คนที่ถูกถามส่ายหน้าพลางแค่นยิ้ม “ถ้าเดาไม่ผิดพวกมันคงบอกกับพวกท่านสินะว่าสมบัตินั่นอยู่กับข้า……ใช่ไหม?”
ฝ่ายที่อาวุโสกว่าพยักหน้า “ใช่!”
ชายหนุ่มขยับก้าวเข้าไปยืนต่อหน้าผู้อาวุโสเยว่ “ท่านเองพลังแกร่งกล้าเหนือกว่าขั้นไขว่คว้าเต๋าด้วยซ้ำไป ตอนนี้ข้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว อยากจะสำรวจอย่างไรก็เชิญดูเอาเอง ถ้ามีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่จริง ข้าพร้อมจะตายตกไปเดี๋ยวนี้!”
ผู้อาวุโสเยว่หันขวับมาจ้องหน้าอีกฝ่าย พลันนั้นเอง พลังจิตตรวจตราของคนผู้นั้นพุ่งเข้าครอบงำเยี่ยฉวนไว้ทันที
ครู่ต่อมาร่างกายของชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแทบจะกลายเป็นร่างโปร่งแสงไปในฉับพลัน!
บัดนี้ภายในมโนจิตของคนผู้อาวุโสเยว่ สรรพสิ่งประดาที่อยู่ในวงแหวนสัมภาระของเยี่ยฉวนได้เผยออกมาให้ประจักษ์ชัด!
ผ่านไปสักพักใหญ่ผู้อาวุโสจึงถอนอำนาจเทวจิตแห่งพลังตรวจตรา แววตาแน่วนิ่งจ้องมองเยี่ยฉวนขณะที่หัวคิ้วขมวดแน่น!
ขณะนั้นน้ำเสียงชิงชังของเหยี่ยหลานดังขึ้น “ผู้อาวุโสเยว่ พวกสำนักกระบี่นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก คำพูดของเจ้าพวกนั้นเชื่อถือไม่ได้เอาเสียเลย!”
ผู้อาวุโสเหลือบมองเหลี่ยหลานและฝ่ายหลังพูดต่อมา “เมื่อเยี่ยฉวนส่งสมบัติล้ำค่าให้ไป หลี่เสวียนเฟิงยังมีหน้ามาพูดอย่างไร้ยางอายว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นเป็นสมบัติของสำนักกระบี่ และกล่าวหาว่าเยี่ยฉวนขโมยไป! คนสำนักกระบี่หาความสุจริตใจไม่ได้เลยสักคน!”
คนฟังเงียบนิ่ง
เสียงเหยี่ยหลานกล่าวมาอีก “ผู้อาวุโสเยว่ท่านลองนึกดูสิ พวกมันได้สมบัติไปแล้ว เยี่ยฉวนจะไปขโมยมาจากเจ้ายอดฝีมือของสำนักกระบี่ได้อย่างไร? หลี่เสวียนเฟิงและเทพกระบี่จะโง่ถึงเพียงนั้นหรือขอรับ?”
เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้สีหน้าของคนพูดหมองคล้ำไปทันที “ถ้าให้เดานี่เป็นแผนการขัดขวาง พวกมันพยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจเราให้มุ่งไปที่เยี่ยฉวน จากนั้นฉวยโอกาสพิชิตสมบัติล้ำค่าเสีย!”
ผู้อาวุโสเยว่พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าจะกลับไปอีกที พวกเจ้าอยู่ที่นี่รอฟังข่าว ไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้นจนกว่าข้าจะกลับ”
ว่าแล้วสายตาแลเลยไปยังเยี่ยฉวน ก่อนจะหันหลังแล้วหายลับไปที่เส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ผู้อาวุโสเยว่ลับกายไปแล้ว เยี่ยฉวนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “พวกเจ้า สำนักกระบี่นั้นแข็งแกร่งนัก……”
เหยี่ยหลานพูดน้ำเสียงหยัน “อย่าห่วงเลย สำนักกระบี่แข็งแกร่งก็จริงทว่าพวกเราหาได้ด้อยกว่าไม่”
จากนั้น หันไปพูดกับเยี่ยฉวน “หลี่เสวียนเฟิงและคนของสำนักกระบี่พยายามตามล่าเจ้าถึงที่สุด อย่างไรเสียต้องระวังตัวให้มาก”
ตอนนี้ผู้พูดถือว่าชายหนุ่มอยู่ในฐานะแนวร่วมคนหนึ่ง
คนตรงหน้าผงกศีรษะ “เข้าใจแล้ว!”
ชายหนุ่มแสดงอาการลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดไปว่า “ข้าอยากใช้เวลานี้บรรลุขั้นพลัง พวกเจ้าช่วยคุ้มกันให้ที……จะได้ไหม?”
บรรลุขั้นพลัง!
เหยี่ยหลานถามว่า “เจ้าอยากสำเร็จถึงขั้นผนึกยุทธ์ งั้นหรือ?”
เยี่ยฉวนผงกศีรษะแทนคำตอบ
อีกฝ่ายนิ่งคิดนิดหนึ่งและตอบให้ว่า “พวกเราจะคุ้มกันให้!”
ถ้าพลังของเยี่ยฉวนพัฒนาจนพลังแข็งแกร่งขึ้น ย่อมส่งผลดีสำหรับพวกตนเช่นเดียวกัน!
ชายหนุ่มพยักหน้าและบอกทุกคนว่า “ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัย เราไปหาที่อื่นกันเถอะ”
สิ้นเสียง คนพูดหันกลับก่อนจะออกนำหน้าไป
เหยี่ยหลานและคนของเขาทยอยตามหลังเยี่ยฉวนไปติดๆ



