บทที่ 946 : คิดว่าตัวเองเป็นใคร?
บรรยากาศในที่นั้นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที!
แต่เสียงหลิ่วสือไป้ก็พูดทำนองทีเล่นทีจริงว่า “พี่เยี่ย ดูท่าการที่เจ้าจะไปเป็นเขยเผ่าถังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว”
เยี่ยฉวนพูดตอบพลางยิ้ม “ก็ดี ข้าอยากลองดูเหมือนกัน!”
หลิ่วสือไป้ส่ายหน้าช้าๆ “มาพูดธุระกันดีกว่า!”
ชายหนุ่มหันไปยังหลิ่วสือไป้ ก่อนจะเอ่ยถามตรงๆ “เจ้าเมืองหลิ่ว ตอนนี้ท่านกำลังเล่นบทอะไร?”
คนถูกถามยิ้มกว้าง “พี่เยี่ยอย่าได้กังวล ข้าไม่ได้อยากได้สมบัติล้ำค่า วันนี้ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ ขอให้เชิญเจ้ามาคุยธุระเท่านั้น!”
ธุระ!
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นก็พูดมา! ข้าเป็นคนมีเหตุผลมากพอ”
หลิ่วสือไป้บอกกับพวกเขาพลางยิ้ม “เชิญพวกเจ้าสองคนตามสบาย ข้าจะเฝ้าระวังอยู่ข้างนอก!”
ว่าแล้วเขาหันกลับเดินออกไปทันที
เมื่อคล้อยหลังหลิ่วสือไป้ คุณหนูใหญ่หันมาเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนทันที “ทำอย่างไรเจ้าถึงจะมอบสมบัติล้ำค่ามา?”
สาเหตุที่นางไม่ใช้กำลังแย่งชิงสมบัติล้ำค่ามาจากเยี่ยฉวนโดยตรงนั้น เป็นเพราะตนไม่อาจเรียกกองกำลังมาช่วยเหลือในนครผู้คุมกฎแห่งนี้นั่นเอง!
ที่นี่มิใช่เผ่าถังหรือนครอานุภาพ ถ้านางเรียกกำลังเสริมมาช่วยเมื่อใด นครผู้คุมกฎจะเข้าแทรกแซงเมื่อนั้น!
หากถึงตอนนั้น กลายเป็นเผ่าถังจะต้องสู้รบตบมือกับนครผู้คุมกฎ ส่วนเยี่ยฉวนจะเป็นคนที่ได้ประโยชน์จากการณ์นี้อีกครั้ง!
คนถูกถามตอบว่า “แม่นางถัง เผ่าถังของเจ้ารู้บ้างไหมว่าสมบัตินี้คืออะไร?”
เสียงแผ่วเบาของคุณหนูใหญ่พูดขึ้นว่า “ถ้าพวกเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร……จะยอมสูญเสียไปมากมายเพื่อให้ได้มาอย่างนี้หรือ?”
เยี่ยฉวนยิ้มพลางกล่าวโต้ตอบ “ข้าอยากรู้นัก ที่เจ้าบอกว่ารู้นั้น……มากน้อยเพียงใด”
หลังจากนิ่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง คุณหนูใหญ่เอ่ยขึ้นว่า “มันเป็นสิ่งที่มาจากโลกห้ามิติ”
คนตรงหน้าเลิกคิ้วถาม “แล้ว?”
คุณหนูใหญ่หันขวับมองหน้าเยี่ยฉวน “เหตุผลเท่านั้นไม่พอหรือ?”
ชายหนุ่มตะลึงนิ่งงันไปชั่วขณะ จากนั้นถึงส่ายหน้า “ข้าล่ะเชื่อเจ้าเลย!”
สมบัติล้ำค่ามาจากโลกห้ามิติ!
แสดงว่าคนทั่วไปไม่รู้อะไรเลย นอกจากรู้ว่าสมบัติล้ำค่ามาจากโลกห้ามิติ!
เสียงสตรีพูดขึ้นว่า “แสดงว่าเจ้ารู้อะไรมากกว่าที่ข้ารู้สินะ ทำไมไม่เล่าให้ฟังเล่า?”
เยี่ยฉวนว่า “แม่นางถัง บอกชื่อจริงได้ไหม? เรียกเจ้าอย่างนี้ฟังแล้วไม่ค่อยสุภาพสักเท่าไร!”
คุณหนูใหญ่มองเยี่ยฉวนเต็มตา “ถังชิง”
“แม่นางถังชิง!”
จากนั้นน้ำเสียงของชายหนุ่มกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ชื่อฟังไพเราะดี คำว่า ‘ชิง’ นี้มีความพิเศษ! สมัยก่อน ชิงมีความหมายว่าพลัง แข็งแรงและเยาว์วัย คำนี้…”
ถังชิงขัดขึ้นทันควัน “คุณชายเยี่ย แน่ใจหรือว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่?”
เยี่ยฉวนงงงันพลางมองถังชิง “แน่นอน!”
ถังชิงส่ายหน้า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าไม่เหมือนผู้ฝึกกระบี่เลยสักนิด? ตรงกันข้ามกลับคิดว่าเป็นพวกลื่นอย่างกับปลาไหลมากกว่า……ตัวจริงเสียงจริงเลยทีเดียว!”
เยี่ยฉวนหุบปากเสียสนิท
ถังชิงเอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาบนโต๊ะ ก่อนจะยกขึ้นจิบและพูดว่า “โปรดชี้แจงแถลงไขเรื่องสมบัติล้ำค่าให้ข้ารู้บ้างสิ คุณชายเยี่ย!”
ชายหนุ่มบิดยกมุมปากเล็กน้อย “ทำไมเจ้าไม่เข้าไปเห็นด้วยตาของตัวเองเล่า?”
เข้าไปเห็นด้วยตัวเอง!
สตรีนิ่งขณะหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อยอย่างชั่งใจ ทำให้เวลานั้นทั่วทั้งหอโถงมีแต่ความเงียบ
ครู่ใหญ่ทีเดียวถังชิงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบเอ่ยถามพลางสั่นศีรษะ “เจ้าไม่กลัวหรือว่าเมื่อเข้าไปแล้วข้าจะขโมยมันแล้วหนีไป?”
เยี่ยฉวนตอบสุ้มเสียงจริงจัง “ไม่กลัว เพราะเชื่อว่าเจ้าเป็นคนที่ยึดมั่นความสัตย์ซื่อเป็นใหญ่!”
สายตาของถังชิงมองตรงมาที่เยี่ยฉวน “แต่ข้ากังวล……กังวลว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะไม่ได้ออกมาอีก”
ชายหนุ่มเผยยิ้ม “เจ้าไม่เชื่อว่าข้าก็เป็นคนหนึ่งที่ถือความสัตย์เป็นใหญ่เหมือนกันงั้นหรือ?”
ถังชิงส่ายหน้า “ไม่ ไม่เลยสักนิด!”
เยี่ยฉวนนิ่งงัน
อีกฝ่ายเอ่ยต่อมาน้ำเสียงเคร่งเครียด “คุณชายเยี่ย เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อม! เผ่าถังจะไม่วางมือจากสมบัติล้ำค่าแน่ นอกจากเผ่าถังแล้วยังมีกองกำลังที่ไม่เปิดเผย ต่างพยายามฉกฉวยเอาสมบัติล้ำค่านั่นเช่นเดียวกัน คุณชายเยี่ย ถ้าเจ้ายังเก็บสมบัตินั้นไว้รังแต่จะนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง เข้าใจที่พูดไหม?”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูก!”
ถังชิงจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาแน่วนิ่ง “เจ้าเป็นคนฉลาด ทว่าเก็บสมบัติล้ำค่าไว้ที่ตัวตลอดเวลา ข้าคิดว่าไม่ใช่เกิดจากความเห็นแก่ได้อย่างแน่นอน บางทีอาจจะมีเหตุผลอย่างอื่นสินะ!”
เยี่ยฉวนไม่ตอบได้แต่อมยิ้ม จากนั้นบริเวณหน้าผากที่กึ่งกลางหว่างคิ้ว ก็บังเกิดเงาพร่าเลือนของหอคอยออกมาทันที
เมื่อได้เห็นหอคอยเป็นเงาเลือนราง นัยน์ตาของถังชิงหรี่ลงเล็กน้อย
ชายหนุ่มพูดกับนางว่า “แม่นางถัง สมบัติล้ำค่าที่เจ้าอยากได้อยู่นี่แล้ว!”
สตรีเขม้นมองหอคอยจิ๋วแทบไม่กะพริบตา ขณะที่มือข้างขวากำเข้าหากันแน่น ทว่าครู่ต่อมาก็คลายกำหมัดออกอย่างรวดเร็ว “หมายความว่าอย่างไร?”
เสียงตอบอย่างเคร่งขรึมของเยี่ยฉวนดังขึ้นว่า “แม่นางถัง เจ้าจะเชื่อหรือไม่ถ้าข้าบอกว่า หลังจากที่ได้ครอบครอง……สมบัติล้ำค่าจะนำมาซึ่งหายนะแก่เผ่าถังของเจ้า?”
ถังชิงส่ายหน้า “เจ้าคงไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเผ่าถังเรา!”
เยี่ยฉวนเหยียดยิ้ม “เจ้าก็คงไม่รู้ถึงพลังและภัยร้ายที่มากับหอคอย”
อีกฝ่ายมองคนพูดเฉยอยู่ ชายหนุ่มเก็บหอคอยแห่งเรือนจำกลับเข้าที่ จากนั้นพูดต่อ “แม่นางถังเจ้าเคยได้ยินเรื่องก่อนหน้านี้ที่ดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางบ้างไหม?”
เสียงตอบกลับสั้นๆ “เคยนิดหน่อย!”
เยี่ยฉวนยิ้มๆ “แล้วรู้ไหมว่า หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ร่างจริงของผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวไม่กล้าเฉียดใกล้ดินแดนจักรวาลดาวเว่ยหยางอีกเลย?”
ถังชิงไม่ตอบ มองหน้าเยี่ยฉวนนิ่งเงียบ
ชายหนุ่มกล่าวว่า “แม่นางถัง คนที่อยากครอบครองหอคอยจะพบจุดจบที่ไม่ดีทั้งสิ้น บอกตามตรง……อีกหน่อยข้าอาจจะพบจุดจบไม่ดีเช่นกัน ทว่าตอนนี้ใช่ว่าไม่อยากมอบสิ่งนั้นให้เจ้า แต่ให้ไม่ได้ต่างหาก”
คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพราะอะไร?”
เยี่ยฉวนยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร
สีหน้าของถังชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “สิ่งนั้นรับรู้เจ้าในฐานะเจ้าของมันแล้ว!”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกต้อง!”
น้ำเสียงของถังชิงแหบพร่า “ถ้าข้าต้องการสุดยอดสมบัติล้ำค่า ก็ต้องข้ามศพเจ้าไปก่อน!”
เยี่ยฉวนตอบ “ถูกต้อง!”
ถังชิงมองคนพูดพลางถามไปว่า “ทำไมถึงเอาเรื่องนี้มาบอกข้า?”
ชายหนุ่มยิ้มละไม “ข้าอยากให้เจ้าล้มเลิกความคิดที่จะครอบครองสมบัตินั่นเสีย”
สตรีสั่นศีรษะทันที “ไม่มีทาง ต่อให้ล้มเลิก เผ่าถังจะส่งคนมาชิงสมบัติล้ำค่าอยู่ดี ยิ่งกว่านั้น ต่อให้ข้าเชื่อเจ้า ทว่าเผ่าถังจะไม่มีวันยอมให้กองกำลังแห่งอื่นได้ไปอยู่ดี อย่างชุมนุมผู้คุมกฎและเผ่าอสูร”
คนตรงหน้ายิ้มน้อยๆ “เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”
ถังชิงยิ้มขณะตอบกลับว่า “รอดูอะไรสนุกๆ!”
หัวคิ้วของเยี่ยฉวนขมวดมุ่นเข้าหากัน เสียงของถังชิงกล่าวต่อมา “คุณชายเยี่ย อย่างที่เจ้าบอก……สิ่งนั้นไม่ธรรมดา และตัวเจ้าเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ตอนนี้ข้าประกาศตั้งรางวัลค่าหัวเจ้าออกไปแล้ว ใครที่สังหารเจ้าได้จะได้รับวัตถุโบราณขั้นก่อเกิดชั้นเนรมิตสามชิ้นและเพชรน้ำค้างเซียนห้าล้านชิ้น อีกอย่างเปิดเผยที่อยู่ของเจ้าไปแล้ว ดีไม่ดี……นอกจวนเจ้าเมืองตอนนี้ พวกคนเหล่านั้นอาจมารวมตัวกันเต็มไปหมดแล้วก็ได้”
เยี่ยฉวนเงียบเสียง
ถังชิงกล่าวต่อ “คุณชายเยี่ย ข้าไม่คิดจะจู่โจมเจ้า! ถ้าสังหารข้า คนเผ่าถังไม่ประนีประนอมแน่! ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เจ้าทำอะไรไม่ได้ ถ้าทำ……ข้าหลบหนีไปได้ทันที เพราะคนของชุมนุมผู้คุมกฎกำลังมาที่นี่ และอีกไม่ช้าคนเผ่าอสูรจะตามมาที่นี่ด้วยเช่นกัน!”
เยี่ยฉวนลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีพร้อมกับชูนิ้วหัวแม่มือให้กับถังชิง “แม่นางถัง เจ้าเป็นคนฉลาดรอบคอบจริงๆ และยังช่วยชี้แนะให้เป็นอย่างดี!”
ถังชิงมองหน้าคนพูดด้วยสายตาแน่วแน่ ริมฝีปากแย้มยิ้มขณะบอกกับเยี่ยฉวนว่า “คุณชายเยี่ย ข้าไม่ได้ฉลาดไปกว่าเจ้าเลย! หลอกเผ่าถังและสำนักกระบี่จนหัวปั่นได้อย่างง่ายดาย เจ้ามันฉลาดเป็นกรดต่างหาก……”
ทันใดนั้น เยี่ยฉวนก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา
ถังชิงบิดมุมปากยิ้มเยือกเย็น ขณะเดียวกันร่างของนางค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเงาเลือนราง พร้อมกันนั้นช่องอากาศรอบข้างพลอยพร่าเลือนไปเช่นกัน แสดงให้เห็นว่ากำลังพยายามเคลื่อนที่ผ่านช่องอากาศในบริเวณนั้น
หญิงสาวไม่ต้องการต่อสู้กับเยี่ยฉวน เพราะเป็นการต่อสู้ที่ไร้ความหมาย!
ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าชายหนุ่มกับสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นไม่ธรรมดา นางจึงตั้งใจปล่อยให้คนอื่นและเยี่ยฉวนต่อสู้กันเอง!
เผ่าถังจะเป็นฝ่ายแอบจับตาดูอยู่ลับๆ และรอจังหวะฉวยโอกาสเคลื่อนไหว!
ทันใดนั้น สีหน้าของถังชิงแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จู่ๆ ช่องอากาศกลับคืนสู่สภาวะปกติในเวลาอันรวดเร็ว!
ในขณะที่นางขยับเตรียมที่จะเคลื่อนไหว นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้าปักกลางแสกหน้าพอดี
นัยน์ตาของถังชิงเบิกตากว้าง ขณะมองไปยังเยี่ยฉวน “เจ้าทำได้อย่างไร?”
คนถูกถามไม่พูดไม่จา เขาคว้าไหล่ของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะโยนร่างของนางเข้าไปในหอคอยแห่งเรือนจำ
ภายในหอคอยแห่งเรือนจำ ถังชิงหมอบอยู่บนพื้น พลางกวาดสายตามองไปรอบด้านด้วยความหวาดระแวง หญิงสาวนึกเดาได้ว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่มีสมบัติล้ำค่า
ในหอคอยมีพื้นที่ว่างเปล่าดุจห้วงอวกาศ!
ตอนนั้นเองเด็กน้อยผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าถังชิง อาหลิง!
ทันทีที่มองเห็นสตรีแปลกหน้า อาหลิงน้อยมีท่าทีผงะ สีหน้าตื่นตะลึงก่อนจะวิ่งหนีไป ทว่าเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เด็กน้อยกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าถังชิงอีกครา แต่หนนี้ถือกระบี่มาด้วย!
นัยน์ตาของอาหลิงเขม้นมองถังชิง ท่าทางระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ถังชิงหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อยอย่างกำลังชั่งใจ ในขณะที่นางทำท่าจะเคลื่อนไหว พลันพลังงานลึกลับพุ่งตรงเข้าครอบงำไว้หมดทั้งร่าง
นั่นคือพลังกฎแห่งเต๋าในชั้นที่หนึ่ง!
ภายหลังจากพลังงานปรากฏขึ้นมา ถังชิงรับรู้ว่าบัดนี้ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย!
เมื่อพยายามอยู่ชั่วขณะ ท่าทีของถังชิงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
หากพูดให้ถูก ต้องบอกว่าเริ่มกระสับกระส่ายขึ้นบ้างแล้ว!
ด้วยรู้สึกว่าไร้พละกำลังที่จะตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น!
พลันนั้น ถังชิงพยายามข่มสติอารมณ์ให้สงบนิ่ง อาหลิงน้อยจ้องเขม็งมองมาด้วยแววตาระแวงระวัง……
ด้านนอกหอคอยแห่งเรือนจำ
ทันทีที่ถังชิงหายตัวไป หลิ่วสือไป้โผล่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขามองเยี่ยฉวนพลางถาม “แม่นางถังหายไปไหน?”
เยี่ยฉวนเหยียดมุมปากยกยิ้ม “แม่นางถังขอร้องให้ข้าช่วยปิดเป็นความลับ!”
หลิ่วสือไป้หรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย “คุณชายเยี่ย บอกข้ามาดีกว่าว่านางอยู่ที่ไหน!”
ชายหนุ่มยิ้มขณะขยับเดินเข้าไปใกล้คนถาม “เจ้าเมืองหลิ่ว นี่เป็นความลับระหว่างข้ากับแม่นางถัง บอกไม่ได้จริงๆ!”
หลิ่วสือไป้จ้องหน้าเยี่ยฉวนอย่างไม่ยอมลดละ “ถ้าข้ายืนกรานว่าให้เจ้าบอกมา จะว่าอย่างไร?”
คนถูกถามฉวนเลิกคิ้ว มุมปากบิดยกขึ้นเล็กน้อย “คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
ทันทีที่จบประโยคคำพูด กระบี่บินเล่มหนึ่งพุ่งพรวดมาทางขวามือ
ฉัวะ!
ฉับพลันศีรษะชุ่มโลหิตตกพลั่กลงบนที่ว่างเปล่า!
ทันใดนั้น หลิ่วสือไป้ถอยหลังกรูดก่อนจะวิ่งหนีออกไปด้านนอกหอโถง แววตาบ่งบอกความหวาดกลัวสุดขีด!
เยี่ยฉวนเดินตามออกไปที่ด้านนอกหอโถง หลิ่วสือไป้เห็นดังนั้นจึงรีบพูดอย่างลนลาน “เจ้ารู้ไหมว่าทำอะไรลงไป?”
คนตรงหน้าตอบยิ้มๆ “ไม่ใช่ธุระกงการของเจ้า!”
จากนั้น ตัวคนพูดหายวับเดียวไปปรากฏยังด้านนอกจวนเจ้าเมือง
เสียงใครคนหนึ่งที่ยืนข้างหลิ่วสือไป้ ชายชราปรากฏตัวขึ้นทันที “คุณชายจะให้ข้าไปจับตัวเขามาไหมขอรับ?”
หลิ่วสือไป้ส่ายหน้า “เราจับเขาไม่ได้แน่! ถึงแม้จะจับได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ถ้าเจ้านั่นตายไปจะเสียแผนเปล่าๆ ที่ร้ายยิ่งกว่าพวกเราฆ่าเขาไม่ได้”
ชายชราตอบกลับเสียงเคร่งเครียด “แม่นางถังถูกเขาสังหารแล้วงั้นหรือ?”
อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “รีบไปเดี๋ยวนี้ และแจ้งคนเผ่าถังที่รออยู่นอกเมือง! ให้พวกเขาชำระสะสางเรื่องนี้เอาเอง!”
ชายชราผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวหันหลังแล้วออกไป
เยี่ยฉวนไม่ได้ล่องหนจากไป เพราะอยากให้เกิดเรื่องบานปลาย!
ปัญหาบานปลายใหญ่โตที่เขาก่อขึ้นนี้ เพื่อที่จะปกป้องเยี่ยหลิงและคนอื่นที่ยังอยู่ในนครอานุภาพ!
เขาต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ความเคียดแค้นชิงชังตกอยู่ที่ตนเอง!
เยี่ยฉวนเดินทอดน่องออกไปภายนอกคฤหาสน์เจ้าเมือง เมื่อไปถึงประตูชายหนุ่มหันไปมองรอบตัว ก่อนจะพบว่าในมุมมืดปรากฏลมหายใจที่แกร่งกล้าอยู่เป็นจำนวนมาก
เจ้าตัวถึงกับเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “ข้า……เยี่ยฉวน มาอยู่ที่นี่แล้ว ออกมาจับสิโว้ย!”



