บทที่ 959 : คืนนี้อยากได้อีกหน! (ต้น)
ชายชราสวมชุดดำเบิกตากว้าง พลันสีหน้าแปรเปลี่ยนสิ้นเชิงเมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของจ้าวมู่!
นางคือใครกันแน่?
ทันทีที่คำถามนี้ผุดขึ้นในความคิด จ้าวมู่มาปรากฏออกต่อหน้าเขาเสียแล้ว ก่อนพลังปริศนาจะพุ่งกวาดตรงมาที่ตน!
ชายชราสวมชุดดำมองด้วยสายตาเย็นเยียบ ท่าทีไม่สะดุ้งสะเทือนก็จริง ทว่ากลับผลักหมัดพุ่งออกไปในทิศทางเดียวกันกับจ้าวมู่
เขามั่นใจในหมัดลุ่นหมัดนี้นัก……ว่าคงเอาชนะจ้าวมู่ได้แน่
ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้ชะตา!
เขาพ่ายให้แก่สตรีเช่นนี้งั้นหรือ?
ถึงกระนั้น เพียงชั่วครู่กำปั้นของตนปะทะเข้ากับกำปั้นของนาง เขากลับรู้สึกสลดใจวูบ
เปรี๊ยะ!
ทันใดนั้นเสียงของกระดูกกำลังแตกหักดังสะท้านขึ้นในบริเวณ ก่อนที่ร่างของชายชราสวมชุดดำจะถูกพลังบังคับให้ร่นถอยไปไกลนับสิบๆ ลี้ทันที!
เมื่อเขาหยุดอยู่กับที่ พลันพื้นดินในบริเวณที่เหยียบยืนกลายเป็นฝุ่นผงคลุ้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
ภาพที่คนปรากฏอยู่ล้อมรอบ ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือจากชุมนุมผู้คุมกฎทั้งสิ้น พวกเขาต่างหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
กระทั่งชายชราสวมชุดดำเอง ขณะนี้สีหน้าสลดลงไปเช่นกัน บัดนี้แขนข้างขวาแหลกละเอียดไปหมดสิ้นแล้ว ยิ่งกว่านั้นอวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วย
พลังอำนาจแห่งหมัดนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวนัก!
การต่อสู้ครั้งนี้……เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างยับเยิน!
ชายชราสวมชุดดำจ้องหน้าจ้าวมู่เขม็ง “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ทันใดนั้น เสียงของหลิ่วสือไป้ตะโกนบอกมาจากอีกด้าน “นางชื่อจ้าวมู่!”
จ้าวมู่!
รูม่านตาของชายชราสวมชุดดำแคบเล็กลง “ศิษย์ของยอดฝีมือวิทยายุทธแห่งชุมนุมแดนทักษิณ!”
ยอดฝีมือวิทยายุทธแห่งชุมนุมแดนทักษิณ!
เขาจัดว่าเป็นคนที่น่ากลัวมากทีเดียว แม้แต่ชุมนุมผู้คุมกฎยังต้องระมัดระวังให้มากในการปฏิบัติต่อคนผู้นี้!
เมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาคนนี้รั้งอันดับสองในบัญชีนามแห่งเต๋า ซึ่งในเวลานั้นนับได้ว่ากล้าแกร่งหาใดเปรียบ นับเป็นคนรุ่นใหม่ที่อายุน้อยที่สุดในรอบหมื่นปีที่บรรลุถึงขั้นที่ว่า …นอกเหนือจากผู้ที่นำความรุ่งเรืองมาสู่สถาบันฝึกยุทธ์ โจวหยาฝู!
ณ เวลานี้ความแข็งแกร่งของเขานั้นยากที่จะคาดเดา!
ในโลกทุกวันนี้ สุดยอดฝีมือมีอยู่ด้วยกันหกคน หนึ่งในนั้นคือผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาว และยอดฝีมือวิทยายุทธแห่งชุมนุมแดนทักษิณเช่นกัน!
แม้แต่ชุมนุมผู้คุมกฎ ยังหาได้กล้าทำให้คนผู้นี้เกิดความไม่พอใจ!
ชายชราสวมชุดดำเอ่ยเสียงขรึมกับคนตรงหน้า “แม่นางจ้าว วันนี้บุกเข้ามาถึงชุมนุมผู้คุมกฎคงมีเหตุผลบางอย่างเป็นแน่……ใช่หรือไม่?”
จ้าวมู่ประกบนิ้วมือเข้าหากัน จากนั้นบรรจงวาดลงไปบนพื้นตรงหน้าจนเกิดเป็นตัวหนังสือปรากฏอยู่บนพื้นดิน ‘ผู้ฝึกกระบี่’ นั่นเอง!
อีกฝ่ายขมวดคิ้วถามด้วยความงุนงงสงสัย “ผู้ฝึกกระบี่? หมายความว่าอย่างไร?”
สตรีประกบนิ้วและเขียนตัวหนังสือลงไปที่พื้นอีกหน ครั้งนี้ปรากฏคำสองคำบนพื้นดิน ‘ออกมา’
ผู้ฝึกกระบี่? ออกมา?
คนสวมชุดดำเหลือบตามองไปทางหลิ่วสือไป้ ฝ่ายหลังจึงเอ่ยถามเสียงเคร่งเครียด “แม่นางจ้าว หมายความว่าผู้ฝึกกระบี่ของชุมนุมผู้คุมกฎไปทำให้เจ้าไม่พอใจ……งั้นหรือ?”
จ้าวมู่ผงกศีรษะนิดเดียวก่อนจะดีดนิ้วมือเบาๆ
บนพื้นปรากฏตัวหนังสืออีกประโยค ‘ให้มันออกมา!’
หลิ่วสือไป้มองไปยังชายชราสวมชุดดำ ฝ่ายหลังจึงพูดออกมาว่า “แม้ว่าชุมนุมผู้คุมกฎจะมีผู้ฝึกกระบี่ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ อีกอย่างผู้อาวุโสทั้งสองอยู่ในระหว่างการเก็บตัวเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะพลัง”
ในตอนนั้นเอง จ้าวมู่ขยับเขียนและชี้ไปที่พื้นดินอีกครา……มีตัวหนังสือเพียงสั้นๆ ว่า ‘คนรุ่นใหม่!’
ผู้ฝึกกระบี่คนรุ่นใหม่งั้นหรือ?
เมื่อเห็นดังนั้นชายชราสวมชุดดำถึงกับนิ่งงัน ขณะต่อมาดูเหมือนว่าจะฉุกใจคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ว่าแล้วจึงโบกมือข้างขวาไปมาก่อนที่ภาพเสมือนจะปรากฏให้เห็นข้างหน้า……ทว่าเป็นเพียงภาพรางๆ
ภาพเหมือนของเยี่ยฉวน!
เสียงชายชราชุดดำถามว่า “แม่นางจ้าว มาที่นี่เพื่อตามหาคนผู้นั้นสินะ?”
จ้าวมู่ผงกศีรษะ
อีกฝ่ายกล่าวเสียงขรึมว่า “แม่นางจ้าวคนที่เจ้าตามหา เขาไม่ใช่คนของชุมนุมผู้คุมกฎ!”
จ้าวมู่ได้ฟังเท่านั้น พลันสีหน้ากลายเป็นบูดบึ้ง
พลันชายชราชุดดำรีบพูดโดยเร็ว “แม่นางจ้าว ข้าไม่ได้โกหก เยี่ยฉวนไม่ใช่คนของชุมนุมผู้คุมกฎ และพวกเรากำลังตามหาเขาอยู่เช่นกัน”
ขณะที่พูดออกไป เขาทำท่าราวกับฉุกนึกขึ้นมาได้จึงเพ่งมองจ้าวมู่ด้วยสายตาแน่วนิ่ง “เขาบอกว่าเป็นคนของชุมนุมผู้คุมกฎงั้นหรือ?”
ฝ่ายถูกถามพยักหน้า
เมื่อได้รับคำตอบ ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที!
เยี่ยฉวนกำลังหาเหาใส่หัวให้ชุมนุมผู้คุมกฎ!
ครู่ต่อมาจ้าวมู่พลันหันหลังกลับออกไป
ชายชราชุดดำรีบส่งเสียงไปยับยั้ง “แม่นางจ้าว เขาทำอะไรให้ไม่พอใจสินะ?
หญิงสาวไม่ตอบ ทว่าเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเบื้องหน้าของนาง ชายชราชุดดำปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน “แม่นางจ้าว ชุมนุมผู้คุมกฎเรากำลังออกตามล่าเขาอยู่พอดี เหตุใดพวกเราถึงไม่ร่วมมือกันเสียเล่า?”
ถ้าจ้าวมู่ยอมร่วมมือด้วย ย่อมส่งผลดีต่อชุมนุมผู้คุมกฎอย่างไม่ต้องสงสัย!
จ้าวมู่เหลือบมองชายชราชุดดำแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ตอบว่าอะไร นางยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
ชายชราชุดดำปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าหญิงสาวอีกครา ในครั้งนี้นางผลักหมัดกระแทกออกไปทันที!
คนตรงข้ามสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง พร้อมกับยกแขนข้างซ้ายออกไปต้านทานหมัดนั้นอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ฉับพลันร่างชายชราชุดดำผงะถอยไปไกลกว่าสามร้อยจั้งในคราวเดียว!
ที่แขนข้างซ้ายปรากฏรอยแตกร้าวรานทั่วไป ขณะเดียวกันที่พื้นเบื้องหน้าปรากฏตัวอักษรออกมาคำหนึ่ง ‘รำคาญ!’
ชายชราชุดดำได้แต่หุบปากเงียบเสียง
ภายหลังจากที่จ้าวมู่ลับตาไป สีหน้าของชายชราหมองมัวลงอย่างเห็นได้ชัด “ไปตายเสียที! ไอ้บ้าเยี่ยฉวน!”
จากนั้นผู้พูดมองไปที่แขนข้างขวา ทว่าบัดนี้สูญสิ้นหายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง!
ทันทีที่เห็น พลันใบหน้าของชายชราชุดดำส่อเค้าถมึงทึงไปเล็กน้อย
ไม่ไกลนัก หลิ่วสือไป้ลอบมองชายชราชุดดำ ขณะกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
……
บนเกาะแห่งหนึ่ง เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ขณะกำลังตั้งหน้าตั้งตากลืนอัญมณีเพชรน้ำค้างเซียนลงคอไปหลายชิ้น!
ชายหนุ่มยอมรับว่าสตรีชื่อจ้าวมู่นั้นแข็งแกร่งนัก ในการประมือกับนางทำให้สูญเสียพลังไปไม่น้อย!
ตอนนั้นเองที่ถังชิงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า หญิงสาวเขม้นมองเยี่ยฉวน “ข้ารู้ความลับอย่างหนึ่ง”
อีกฝ่ายแสดงสีหน้าฉงสงสัย “อะไร?”
ถังชิงตอบเรียบๆ “ความแข็งแกร่งของเจ้า!”
เยี่ยฉวนนิ่วหน้า “ข้าไม่เข้าใจ!”
คนตรงข้ามส่ายหน้า “การปะทะก่อนหน้า เจ้าเหมือนจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทว่าความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น เพราะยังไม่ถึงขั้นอันตรายร้ายแรงที่อาจตายได้ ตราบใดที่ใช้ไม้ตายอย่างกระบี่เล่มนั้น เจ้ายังมีโอกาสสังหารศัตรูได้แน่นอน เท่าที่รู้กระบี่นั่นพุ่งเป้าไปที่วิญญาณของอีกฝ่าย ตอนที่ประมือกับนาง ถ้าใช้กระบี่แล้วนางต้านทานขึ้นมา……เจ้าจะฉวยโอกาสสังหารนางเสีย……ถูกไหม? เพราะถึงกายภาพจะแข็งแกร่งเพียงใด หากดวงวิญญาณหาได้แข็งแกร่งไปด้วยไม่”



