บทที่ 961 : เวลาที่ข้ากำลังพูดอย่าได้ขัดจังหวะ
หลังจากที่ฟังคำของถังชิง คนหนุ่มโกรธจัดจนหน้าเขียว ขณะที่ขยับจะตอบโต้ด้วยวาจานั้น เสียงชายชราที่ยืนข้างๆ พูดกับเขาอย่างเย็นชาว่า “น่าขายหน้าสิ้นดี!”
คนหนุ่มหน้ามุ่ยหันไปมองชายชรา “ท่านลุง! ข้า……”
ชายชราไม่ฟังเสียงเขม้นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคร่งเครียด “ความโกรธเป็นสัญลักษณ์ของคนขี้ขลาด”
คนหนุ่มไม่กล้าโต้แย้งกลับไป จึงได้แต่หันไปทางถังชิงในที่ไม่ไกลนักพลางมองในลักษณะข่มขู่
จากนั้นคนชราพูดกับถังชิงว่า “แม่นางถัง หวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจที่พวกเราทำอย่างนี้”
ถังชิงแค่นยิ้มพลางตอบว่า “พวกเจ้าจะมาสังหารข้า ทว่าอยากให้เข้าใจงั้นหรือ?”
คนตรงข้ามโต้กลับทันควัน “เรื่องนี้เป็นความผิดของเจ้า เดิมทีเป็นคนที่เผ่าถังนับหน้าถือตาและเคยหมั้นหมายกับตระกูลฉินเรา ทว่ากลับปล่อยให้เยี่ยฉวนลักพาตัวไป……ด้วยความเคารพนะแม่นาง เจ้าน่าจะปลิดชีพตัวเองเสีย เพื่อรักษาเกียรติชื่อเสียงของตระกูลฉินและเผ่าถังไปด้วยซ้ำ”
หญิงสาวยิ้มตอบ
เยี่ยฉวนนิ่งฟังอยู่อีกด้านเงียบๆ
ทันใดนั้นถังชิงเปล่งเสียงหัวเราะราวกับขบขันเสียเต็มประดา “ชื่อเสียงงั้นหรือ? ฮ่าฮ่า……”
หากเสียงหัวเราะของนางระคนเศร้าสลดอย่างชัดแจ้ง
ชายชรากล่าวอย่างใจเย็น “หัวหน้าเผ่าถัง ฝากให้มาแจ้งว่าถ้าเจ้าปลิดชีพตัวเองแล้ว พวกเราจะจัดการเยี่ยฉวนเพื่อแก้แค้นให้ ยิ่งกว่านั้นจะยังรักษาสถานะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งเผ่าถัง จะจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติภายในหอแห่งอภิชนของเผ่าถังแน่นอน”
ถังชิงสั่นศีรษะ รอยยิ้มยังปรากฏบนใบหน้า “ถ้าข้าไม่ปลิดชีพตัวเองเล่า?”
อีกฝ่ายมองถังชิงเต็มตา “ถ้าเช่นนั้น……ถือว่าเจ้าเป็นคนทรยศของเผ่าถัง”
ฝ่ายสตรีเงียบเสียง
ตอนนั้นเยี่ยฉวนส่งเสียงถามขัดจังหวะขึ้นว่า “พวกเจ้าหาข้าเจอได้อย่างไร?”
ชายชราเหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคิดหรือว่าวิชาซ่อนเร้นที่ใช้จะไม่มีใครเอาชนะได้?”
เยี่ยฉวนบิดมุมปากยกยิ้ม “เจ้าตามมาเจอข้า แต่ไม่นำยอดฝีมือของเผ่าถังมาด้วย คงตั้งใจอยู่แล้วสินะ!”
ฝ่ายตรงข้ามหรี่นัยน์ตาลงเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”
ชายหนุ่มหันไปรอบข้าง ก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่มีอะไร”
ชายชราละความสนใจจากเยี่ยฉวนทันที จากนั้นหันไปถามถังชิง “ตัดสินใจได้หรือยัง?”
หญิงสาวกลับถามเสียงอ่อนโยน “น้องสาวข้า……”
ชายชราสวนตอบมาทันควัน “ไม่ต้องห่วง เผ่าถังจะไม่มีลงโทษใครอื่น อันเนื่องมาจากจากความผิดของเจ้าอย่างแน่นอน”
อีกฝ่ายพยักหน้าเนิบช้า “เข้าใจแล้ว”
ว่าแล้ว สายตาของนางแลเลยไปยังที่ที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า
เสียงถังชิงกล่าวเจือรอยยิ้ม “หลายปีมานี้ ข้าไม่เคยสังเกตว่าพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินจะสวยงามเช่นนี้มาก่อน……”
ทันใดนั้น หญิงสาวยกฝ่ามือข้างขวาขึ้น ก่อนตวัดเข้าที่บริเวณกลางแสกหน้าของตนเองอย่างแรง!
ขณะที่ฝ่ามือข้างนั้นเกือบจะสัมผัสที่หน้าผากของนาง กลับถูกกระบี่เล่มหนึ่งขัดขวางเอาไว้!
กลายเป็นเยี่ยฉวนที่เข้ามาขวางไว้!
ถังชิงหันไปมอง ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางพูดยิ้มๆ “แม่นางถัง เจ้านี่ช่างโง่เสียจริง!”
ฝ่ายสตรีได้แต่มองเฉยโดยมิได้กล่าวอะไร
เยี่ยฉวนพูดเสียงเรียบเรื่อย “ชื่อเสียงงั้นหรือ? เกียรติยศแห่งตระกูลงั้นหรือ? ตระกูลฉินอยากเห็นเจ้าตายจนตัวสั่น เหตุใดถึงสนใจเรื่องชื่อเสียง? และไหนจะเรื่องที่เผ่าถังไม่สนใจไยดีเจ้า……ก็เพราะคำว่าชื่อเสียงนั่นอีก คุ้มกันหรือที่จะต้องมาตายเพื่อเผ่าของเจ้า?”
ถังชิงย้อนถามพลางยิ้มน้อยๆ “คุณชายเยี่ย แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไร?”
เยี่ยฉวนยิ้มแหย “ข้าไม่ทันคิดถึงเรื่องนั้น!”
เสียงถังชิงหัวเราะหึ “อย่างที่เขาบอกนั่นแหละ จุดจบที่ดีที่สุดของข้าคือปลิดชีพตัวเอง อย่างน้อยหลังจากตายแล้ว……ยังได้ชื่อว่ารักษาเกียรติของตัวเองเอาไว้ จริงไหม?”
อีกฝ่ายส่ายหน้าทันที “ไม่จริง!”
สตรีมองเยี่ยฉวน ขณะฝ่ายหลังกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ชื่อเสียงอะไรนั่นไม่สำคัญเลยสักนิด! ใครที่ทำกับข้าอย่างไร พวกเขาจะได้สิ่งนั้นตอบแทน ตระกูลฉินอยากให้เจ้าตายเพื่อสิ่งที่เรียกกันว่าชื่อเสียง อีกทั้งเผ่าถังอยากเห็นเจ้าตายเพื่อสิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงกับเกียรติยศ! ไร้สาระสิ้นดี! ในหัวใจพวกนั้น เจ้าไม่ได้มีความสำคัญไปมากกว่าชื่อเสียงกับเกียรติยศ… และนี่ยังอยากปลิดชีพตัวเองเพื่อปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศอะไรนั่นให้คนพวกนั้น ทำไมไม่ลองถามตัวเองดูบ้างว่าสิ่งที่จะทำลงไปคุ้มกันหรือไม่?”
คนถูกถามมองหน้าเยี่ยฉวน “ถ้าสมมติวันหนึ่งสถาบันฝึกยุทธ์ทำอย่างนี้กับน้องสาวของเจ้าบ้าง?”
เยี่ยฉวนตอบเสียงปร่า “ข้าจะฆ่าคนที่สถาบันฝึกยุทธ์ให้หมด!”
ถังชิงมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาแน่วนิ่งโดยไม่พูดอะไรเลย
ชายหนุ่มกล่าวต่อมา “น้องของข้าจะสู้หรือยอมตายเพื่อสถาบันฝึกยุทธ์ก็ย่อมได้ เพราะเป็นศิษย์ของที่นั่น ถ้าสถาบันฝึกยุทธ์มีปัญหา นางจะไม่มีวันถอย……อย่าว่าแต่ได้ชื่อว่าทรยศต่อสถาบันฝึกยุทธ์เลย น้องข้าเป็นคนมีความรับผิดชอบ! ทว่าถ้าสถาบันฝึกยุทธ์บีบบังคับให้ตายไปแบบนี้ ข้าไม่ยอมเด็ดขาด”
คนตรงหน้าสั่นศีรษะ “น้องสาวเจ้ามีพี่ชายที่ทำทุกอย่างได้เพื่อนาง ทว่าข้ากลับไม่มี!”
เยี่ยฉวนเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้ายิ่งต้องลิขิตชีวิตตัวเอง”
ในขณะที่ถังชิงกำลังจะพูดตอบ คนหนุ่มยืนดูไม่ไกลนักพูดตัดบททันทีด้วยน้ำเสียงดุร้าย “พร่ำกันพอหรือยัง? ถ้า…”
พลันเยี่ยฉวนหมุนตัวกลับหลังหัน จากนั้นกระบี่บินเล่มหนึ่งพุ่งโฉบเข้าหาคนหนุ่มอย่างรวดเร็ว ชายชราสังเกตเห็นถึงกับหน้าถอดสี พร้อมกันนั้นสะบัดชายแขนเสื้อที่สวมทันที
ตูม!
กระบี่เล่นนั้นถูกสกัดไว้อย่างทันท่วงที!
ชายชราเบนหน้ามองไปที่เยี่ยฉวนและทำท่าขยับปากจะพูด ทันใดนั้นเสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากด้านข้าง “ระวัง นั่นเป็นภาพลวงตา!”
จากนั้นชายชราหันไปทางที่มาของเสียง ที่ข้างตนมีศีรษะของคนหนึ่งกระเด็นหลุดจากบ่าทันที!
โลหิตแดงฉานพุ่งกระฉูดเป็นสาย!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายชราชะงักงันด้วยความตกตะลึง ถึงกระนั้นความกลัวในใจแข็งแกร่งกว่า!
ดวงตาของคนหนึ่งเบิกโพลงค้างอยู่บนใบหน้า แววตาบ่งชัดว่าไม่เชื่อต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาไม่คาดฝันว่าจะต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้!
เยี่ยฉวนชำเลืองไปยังร่างคนหนุ่ม “เวลาข้ากำลังพูดอย่าได้ขัดจังหวะ!”
ว่าแล้วคนพูดเบนหน้ากลับไปที่ชายชราขณะยืนตะลึงอยู่ไม่ไกล สีหน้าของฝ่ายนั้นเผือดซีดทันที พลางขยับออกห่างเยี่ยฉวนรวดเดียวไปไกลหลายสิบจั้ง
ฉับพลันชายชราหกคนกรูกันเข้าล้อมกรอบเยี่ยฉวนทันที!
คนเหล่านี้มีพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นแรกเริ่มเป็นอย่างต่ำ!
ในจำนวนนั้นมีสามคนพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นรู้ชะตา!
เยี่ยฉวนหันไปถามถังชิง “คนพวกนี้มาจากเผ่าถังงั้นหรือ?”
คนถูกถามมองดูคนทั้งหกก่อนจะหันมาส่ายหน้า “ไม่ใช่!”
ชายหนุ่มหัวเราะลั่น “พวกเจ้าตามมาเจอข้า ทว่าไม่แจ้งกับเผ่าถังให้รับรู้ เห็นทีพวกเจ้าคงอยากจะฮุบสมบัติล้ำค่าไว้คนเดียวล่ะสิ!”
ฝ่ายตรงข้ามหรี่นัยน์ตามองเขม้น “พวกเราไม่ได้อยากฮุบล้ำค่าของเจ้าไว้คนเดียว แต่จะยึดเอามาไว้ก่อน……จากนั้นค่อยส่งให้กับเผ่าถังต่างหากเล่า!”
หากคนฟังสั่นศีรษะ “ใครเขาจะเชื่อคำพูดของเจ้ากัน?”
พลันแววตาของชายชราวาววามด้วยความกระหายในการฆ่า “จับเขา!”
จากนั้นคนทั้งหกที่ล้อมรอบเยี่ยฉวนอยู่ ต่างพากันตั้งท่าเคลื่อนไหวเตรียมเข้าจู่โจม พลันในตอนนั้นชายหนุ่มรีบบอกทันที “เดี๋ยว!”
ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงขรึม “ข้าจะยกสมบัติล้ำค่าให้!”
ได้ยินอย่างนั้น ฝ่ายตรงข้ามชะงักด้วยความตกตะลึง “เจ้า… มีเจตนาจะยกสมบัติล้ำค่าให้จริงหรือ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ใช่!”
คนฟังจับตามองอีกฝ่ายนิ่งโดยไม่เอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้น
ชายหนุ่มจึงย้ำให้ว่า “ข้าพูดจริง!”
ชายชราแสยะปากแยกเขี้ยวยิ้มอย่างน่าเกลียด “เจ้าคิดว่าข้าโง่……งั้นหรือ?”
ทันใดนั้นหันไปสั่งการยอดฝีมือจากตระกูลฉินที่อยู่ล้อมรอบ “รวมพลังจู่โจม อย่าปล่อยให้เจ้าหนุ่มนั่นหนีไปได้!”
ต่อจากนั้นคนทั้งเจ็ดพุ่งตัวเข้าหาเยี่ยฉวนโดยพร้อมกันทันที
ชายชรารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังใช้เล่ห์เพทุบาย!
ทางที่ดีที่สุดคือต้องสังหารเยี่ยฉวนให้ได้โดยเร็ว หลังจากนั้น ไม่ว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะเจ้าเล่ห์เพียงใด……ก็ไร้ซึ่งผลอีกต่อไป!
เมื่อเห็นคนทั้งเจ็ดพุ่งตัวทะยานมาทางตน สีหน้าของเยี่ยฉวนวูบเปลี่ยน ชายหนุ่มคาดไม่ถึงเลยว่า……ชายชราเป็นคนจิตใจเด็ดเดี่ยวนัก!
หนึ่งต่อเจ็ด?
ฝีมือของตนไม่คู่ควรที่จะประมือกับคนพวกนี้!
เยี่ยฉวนมองไปทางถังชิง “รีบส่งข่าวบอกยอดฝีมือของเผ่าถังรับรู้ว่า พวกเขาถูกตระกูลฉินหักหลังเสียแล้ว!
ว่าแล้วชายหนุ่มทำท่าดีดนิ้วทีหนึ่ง พลันที่เบื้องหน้าถังชิงปรากฏเครื่องรางส่งสัญญาณขึ้นทันที
สตรีมองหน้าเยี่ยฉวนแวบหนึ่ง ก่อนจะใช้มือบีบเครื่องรางส่งสัญญาณเบาๆ พลันเครื่องรางส่งสัญญาณหายวับไปต่อหน้าต่อตา นางหันไปทางกลุ่มยอดฝีมือของตระกูลฉิน “อีกประเดี๋ยวพวกเขาจะมาถึง!”
บรรดายอดฝีมือตระกูลฉินพากันหยุดอยู่กับที่
ชายชราใบหน้าหมองคล้ำอย่างยิ่ง เขาจ้องหน้าเยี่ยฉวนพลางแสยะปากยิ้มอย่างอาฆาตมาดร้าย “คิดว่าวิธีนี้จะช่วยให้ตัวเองรอดตายได้งั้นหรือ? ฆ่าเขา! เร่งมือ!”
สิ้นเสียงสั่งการ คนทั้งเจ็ดเปิดฉากจู่โจมพร้อมกันทันที
ฝ่ายเยี่ยฉวนรีบส่งถังชิงกลับเข้าหอคอยแห่งเรือนจำทันที จากนั้นดึงกระบี่ออกมาถือไว้ทั้งสองมือก่อนจะฟาดออกไปอย่างแรง!
ช่วงเวลานั้น ชายหนุ่มดึงพลังต่างๆ ออกมาใช้ทั้งอำนาจมังกร จิตวิญญาณมังกรและพลังแห่งแมวดำ
กระบี่ฟาดลงไป…
ตูม!
เยี่ยฉวนต้องพลังถึงกับล้มกลิ้งไปในทันที!
เขาถูกซัดจนกระเด็นไปไกลกว่าร้อยจั้งในคราวเดียว!
ทันทีที่เยี่ยฉวนหยุดนิ่งอยู่กับที่ เบื้องหน้ามียอดฝีมือกำลังจะเข้าจู่โจมมาอีก ชายหนุ่มยกมือข้างที่ถือกระบี่เจิ้นหุนไว้ ก่อนจะชี้ออกไปโดยพลัน “แยกวิญญาณ!”
จากนั้นกระบี่เจิ้นหุนสั่นสะเทือนแรงขึ้นๆ ก่อนพลังงานปริศนาจะพุ่งตัดเข้าสู่จุดหมาย
คนอื่นๆ ต่างหยุดชะงักไปทีละคนสองคน พากันมองไปยังยอดฝีมือผู้นั้นเป็นตาเดียว ซึ่งในตอนนั้นดวงตาของยอดฝีมือผู้เคราะห์ร้ายไร้แววไปเสียแล้ว!
เขาสูญเสียดวงวิญญาณไปแล้ว!
ภาพที่ปรากฏแก่สายตา บรรดายอดฝีมือตระกูลฉินต่างมองหน้ากันไปมา ขณะที่ความหวาดกลัวสั่นระริกอยู่ในแววตาของแต่ละคน!
เยี่ยฉวนใช้หนึ่งกระบวนท่าทำลายดวงวิญญาณของคู่ต่อสู้งั้นหรือ?
ทุกสายตามองไปที่เยี่ยฉวน ห่างออกไปพอสมควร สีหน้าของชายหนุ่มแลดูซีดเซียวกว่าปกติ ทว่ายืนหยัดนิ่งเฉย ดุงดั่งกระบี่คมที่จวนเจียนจะทะยานออกจากฝักเต็มที ทั้งส่องประกายกล้าและน่าพรั่นพรึงนัก
เวลานั้นเสียงของชายชราผู้นำกลุ่มยอดฝีมือตระกูลฉินพูดทันทีว่า “ผลข้างเคียงทำให้เขาได้รับปฏิกิริยารุนแรงอย่างฉับพลัน ไปเถอะพวกเรา… ฉวยจังหวะนี้ฆ่าเขาเสีย เร็ว…”
พลันเยี่ยฉวนใช้กระบี่ชี้ไปที่ยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าชั้นแรกเริ่มที่ใกล้ที่สุดทางขวามือ “แยกวิญญาณ!”
ทันใดนั้นเจ้ายอดฝีมือที่ถูกชี้หน้าด้วยกระบี่เจิ้นหุนมีสีหน้าตื่นตกใจสุดขีด พลางชักเท้าขยับถอยห่างอย่างรวดเร็ว แต่ไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างค่อยๆ สลายออกจากร่างกาย!
ดวงวิญญาณ!
เขาร้องออกมาแทบไม่เป็นภาษาด้วยความหวาดกลัว “ช่วย…”
ก่อนที่จะพูดออกมาจนจบประโยค พลันร่างกายกลับแข็งทื่อ ดวงตาล่องลอยว่างเปล่าอย่างรวดเร็วจนไร้แววทันตาเห็น!
เมื่อเห็นเช่นนั้น คนอื่นๆ ต่างพากันตระหนกตกใจ
เยี่ยฉวนกำจัดยอดฝีมือพลังขั้นไขว่คว้าเต๋าได้เพียงชั่วพริบตางั้นหรือ?
ยามนี้ยอดฝีมือตระกูลฉินพากันมองไปยังเยี่ยฉวนเป็นตาเดียว แววตาของทุกคนแผงไว้ด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
แม้กระทั่งชายชราคนผู้นำแววตายังฉวยความหวาดกลัวอย่างแรงกล้า ขณะสายตาจ้องเขม็งไปที่กระบี่ในมือของชายหนุ่มนัยน์ตาไม่กะพริบ “กระบี่แปลกพิสดารนัก!”
แปลกพิสดาร!
ทุกคนมองดูกระบี่ที่เยี่ยฉวนถืออยู่ในมือ!
กระบี่เจิ้นหุน!
เยี่ยฉวนยิ้มกริ่ม “กระบี่ไม่ได้มีอะไรแปลกพิสดาร เชื่อสิ ข้าต้องปฏิกิริยาจากอาการข้างเคียง และเคลื่อนไหวออกพลังอีกไม่ไหวแล้ว มาเลย! เข้ามา!”
เมื่อชายชราผู้นำยอดฝีมือตระกูลฉินได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนั้น พลันเปลือกตากระตุกถี่ ขณะเขม้นมองเยี่ยฉวนไม่วางตา ครู่ต่อมาหันขวับไปพูดกับยอดฝีมือตระกูลฉินทันที “เจ้านั่นกำลังต้องปฏิกิริยาจากอาการข้างเคียง ถ้าฉวยจังหวะนี้เข้าจู่โจมพร้อมกัน……เขาไม่รอดแน่!”
ว่าแล้วคนพูดพุ่งตัวนำออกไป แต่กลับพบว่านอกจากตนเองแล้วคนอื่นๆ ไม่มีใครขยับตามสักคน!
ชายชราชะงักงันก่อนจะตวาดเสียงดังด้วยความโมโห “เจ้าหนุ่มนั่นกำลังอ่อนแอ เวลานี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่ลงมือนะโว้ย!”
คนอื่นหันมองหน้ากันไปมา ขณะที่ทุกคนต่างมีท่าทีลังเลอยู่นั้น จู่ๆ เยี่ยฉวนส่งเสียงร้องดัง ‘โอ๊ย’ มาจากที่ไกลออกไป
เสียงนั้นทำให้ทุกคนหันไปมองชายหนุ่มเป็นตาเดียว จนเห็นเยี่ยฉวนกำลังใช้หลังมือปาดเหงื่อกาฬที่ไหลย้อยตามใบหน้าอยู่ป้อยๆ ก่อนจะพูดเสียงตะกุกตะกักว่า “ขะ… ข้าต้องปฏิกิริยาจากอาการข้างเคียง! ตอนนี้พลังไม่เหลือแล้ว! เข้ามา! จู่โจมเข้ามา! เชื่อสิ ข้าไม่ได้โกหก! ได้โปรด! จู่โจมเร็วเข้า! ข้าอยากให้ลงมือเสียที!”
ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งอึ้ง



