Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 224

ตอนที่ 224 ไม่ต้องยั้งมือ

ออกมาวิ่ง ย่อมสวมชุดสั้นแบบธรรมดา การแต่งกายเช่นนี้ยิ่งทำให้หวังทงดูแล้วอายุยิ่งน้อย หวังทงดูเหมือนกับเด็กน้อยตัวใหญ่ในครอบครัวพอมีฐานะ

เหมือนว่าตั้งแต่นาวาสุคนธ์ทำการมาก็ไม่เคยมีใครมาตวาดให้หยุดมือ พอหวังทงเดินเข้ามา คนทั้งกลุ่ม รวมทั้งเจียงซง รวมทั้งเหล่าจาง ยังมีคนสองข้างก็ล้วนพากันอึ้งมองมาที่เขา

พอเห็นว่าเป็นเด็กยังไม่โตดี ใบหน้าเจียงซงที่กำลังโมโหก็บูดเบี้ยว เจียงซงผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ ที่เอวยังเหน็บดาบสั้นเล่มกว้างอยู่เล่มหนึ่ง ผู้คนตอนเหนือที่พอมีเงินอยู่บ้างก็จะสวมเสื้อหนังกัน แต่เจียงซงผู้นี้กลับสวมเพียงเสื้อผ้าฝ้ายที่เย็บปราณีตเท่านั้น ดูแล้วก็ใหม่อยู่

เสื้อบุฝ้ายทางตอนเหนือน่าจะมีราคาแพงกว่าเสื้อหนังแพะอยู่ไม่น้อย ชายห้าคนที่มากับเจียงซงผู้นั้น ก็สวมเสื้อหนังแพะ แสดงให้เห็นถึงสถานะของเจียงซงอย่างเห็นได้ชัด

พอตะโกนออกไป ทุกคนก็นิ่งอึ้ง รอจนหวังทงเดินเข้ามา ท่าทางเหมือนเด็กยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ดีนัก คนของเจียงซงก็โมโหใหญ่ ยังไม่ทันรอให้เจียงซงด่า คนข้างหลังคนหนึ่งก็โดดออกมาก่อน มาถึงตรงหน้าหวังทงด่าว่า

“เจ้าลูกสุนัขจากไหนกัน!”

เสียงด่ายังไม่จบ ฝ่ามือก็ฟาดมาทันที เป็นเพราะว่าคิดว่าหวังทงไม่มีความสามารถที่จะรับมือได้ เป็นวิธีการลงมือที่ลบหลู่ดูหมิ่นที่สุด หวังทงยกแขนซ้ายปัดออกไป หมัดหนึ่งพุ่งตรงเขาที่สันจมูกพอดี เขาฝึกฝนมานานแล้ว สามารถจัดการให้หมอบได้ในหมัดเดียว

ชายผู้นั้นร่วงลงพื้นไปก็กุมจมูกร้องเสียงดัง ชี้ไปที่รูจมูกว่ามีเลือดออก คิดว่าดั้งคงหักเป็นแน่แล้ว พวกเจียงซงได้แต่ยืนอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเด็กที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้กลับลงมือได้โหดเหี้ยมยิ่งนัก

“มารดามันสิ เป็นหมัดมวยนิดหน่อยก็มาเบ่งที่นี่หรือไง หักขาเจ้าบัดซบนี้มาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!”

เจียงซงหน้าแดงก่ำตะโกนเสียงดังลั่น ชายเบื้องหลังสี่คนก็รีบปรี่เข้ามาหาหวังทง แต่ไม่ได้ประสานงานกันให้ดีด้วยไม่ได้ฝึกฝนมาอย่างดี ล้วนเป็นแบบพวกนักเลงข้างถนนต่อยตีกัน

หวังทงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มองเห็นคนที่วิ่งมาหน้าสุด ก็ถีบใส่ท้องน้องอีกฝ่ายอย่างแรงไปทีหนึ่ง พอล้มลงได้หนึ่งคน ก็มีอีกคนพุ่งมาจากอีกด้านหนึ่ง ควงหมัดเข้ามา แต่หวังทงก็ยกมือกันศีรษะพุ่งเข้าใส่อย่างเร็ว ต่อยไม่โดนหวังทงไม่ว่า แต่กลับถูกหวังทงชนจนหงายท้อง นอนแผ่หราอยู่ที่พื้น เจ็บจนลุกไม่ขึ้น

แต่พื้นที่ในลานด้านหน้ายังมีอีกกว้าง ล้มไปสอง อีกสองก็ล้อมเข้ามา คนหนึ่งดึงท่อนเหล็กออกมาจากเอว ร้องเสียงดังวิ่งเข้าฟาด หวังทงรีบถอยหลัง แต่ก็ยังฟาดแฉลบผ่านบ่าไป ก็รู้สึกเจ็บจนยกไม่ขึ้น

ตอนหวังทงถอยไปสองก้าวก็ควักมีดสั้นที่เอวออกมา หวังทงจับมีดยกขึ้นในแนวนอนระดับหน้าผาก ก่อนจะมองไปสองคนที่รุกเข้ามาด้านหน้าอย่างน่ากลัว

“เจ้าเด็กน้อย ฝีมือแค่นี้ ดึงมีดที่เอวออกมาคิดจะเลียนแบบผู้อื่นผดุงคุณธรรมหรือไง ดูงิ้วมากไปไหม!”

เจียงซงผู้นั้นแสยะยิ้มคว้าดาบสั้นเล่มหนาที่เอวออกมา ก้าวเท้ายาวๆ รุกเข้าใส่ สามคนที่ถูกหวังทงจัดหมอบไปที่พื้นเมื่อครู่เริ่มลุกขึ้นมา ชักดาบสั้นและท่อนเหล็กพร้อมกันล้อมวงเข้ามาอย่างดุร้าย

เดิมเหล่าจางและลูกสาวคิดว่ามีคนมาช่วยแล้ว ก็ไม่คิดจะตาย ใครจะคิดว่าสถานการณ์จะวุ่นวายเช่นนี้ได้ หญิงผู้นั้นร้องไห้เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เดิมเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้อยู่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ก็เริ่มแผดเสียยงร้องดังตาม

เหล่าจางลังเลครู่หนึ่ง ก็กัดฟันกระทืบเท้า ตะโกนไปว่า

“เจียงซง เหล่าจางกับลูกสาววันนี้จะขอตายที่นี่ เจ้าปล่อยพี่ชายท่านนี้ไป”

“มารดาเจ้าสิ เจ้าปัญญาอ่อน เจ้าบอกว่าให้ปล่อยก็ปล่อยงั้นหรือ เจ้าลูกหมาไม่มีลูกกะตาผู้นี้ไม่สั่งสอนซะบ้าง เมืองเทียนจินนี่จะมีใครไว้หน้านาวาสุคนธ์เราอีก ไว้หักขามันแล้ว ให้คนที่บ้านมันเอาเงินมาไถ่ก็ดี!”

คนมุงดูกันจนออกรสออกชาติ วงในก็เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นว่า

“นี่ก็คือออกหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว ล่วงเกินคนของนาวาสุคนธ์ได้ที่ไหน ดูไว้ ภัยมาถึงตัวแล้ว”

“ยุ่งเรื่องคนอื่นให้น้อยหน่อยเถอะ ว่าไปเมืองเทียนจินเรามีเด็กน้อยตระกูลใหญ่ที่ไหนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ…”

หวังทงถอยไปกล่าวหนึ่ง กล่าวเสียงเยียบเย็นว่า

“ข้าเป็นคนทางการ!”

ชายสองสามคนกัดฟันไม่ตอบ ยังก้าวเข้ามาอีกก้าว เจียงซงกำดาบฟันใส่ กล่าวอย่างไม่สนใจว่า

“เจ้าหน้าที่กองตรวจการหรือว่าทหารประจำกองบัญชาการ หรือว่านกงกง หรือขุนพลหลี่ เจ้าเอ่ยชื่อมา เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือหรือ?”

หวังทงฟังพอจะเข้าใจ หากตนเป็นคนของสี่หน่วยงานนี้ อีกฝ่ายย่อมไม่กล้าบีบคั้นมากนัก แต่หวังทงไม่ตอบ กลับตะโกนถามไปว่า

“เหล่าจางเจ้าไม่ต้องรีบร้อนตาย ธูปนี้เจ้าไปขอจุดมาเองหรือ?”

“จุดธูปปีหนึ่งก็ต้อง 50 ตำลึง ปกติยังมาหยิบฉวยสินค้ากันฟรี เทศกาลยังต้องมีของกำนัล ใครอยากจะไปมอบเงินให้กัน แต่ที่เทียนจินนี่ไม่ใช่ทางการเป็นใหญ่ ไม่จุดธูปใครจะเปิดร้านได้ พังร้านทำร้ายคนนับว่าเรื่องเล็ก หากเผาร้านขึ้นมา มีคนตาย…ใช่ว่าไม่มีใครไม่เคยโดน”

อย่างไรก็ว่าจะตายแล้ว เหล่าจางก็ใจกล้าขึ้น หวังทงตั้งใจฟังอยู่นั้น ท่อนเหล็กท่อนหนึ่งก็ฟาดมาที่หน้า ยังมีดาบสั้นแทงมาอีก ไม่มีทางหนีออกด้านข้าง ได้แต่ถอยหลัง

ถอยไปได้สองก้าว ก็เหมือนมีอะไรขวางอยู่ เป็นกำแพงนั่นเอง ถอยไม่ได้อีกแล้ว เจียงซงผู้นั้นหัวเราะเสียงดังลั่น ถ่มน้ำลายชี้ไปทางหวังทงกล่าวว่า

“ดูเจ้าสิกระโดดเป็นลิงเลย ตอนนี้เจ้าบินขึ้นฟ้าให้ข้าดูเลยสิ!”

หวังทงตวัดมีดสั้นไปมาสองสามที บีบให้คนที่ล้อมเข้ามาถอยไปสองสามก้าว ตะโกนเสียงดังออกไปด้านนอกว่า

“ยังยืนเซ่ออยู่ด้านนอกทำอะไรกัน รีบเข้ามาช่วยข้าลงมือสิ!”

เสียงตะโกนทำเอาทุกคนตะลึงไป เหตุเลือดตกยางออกที่บรรดาคนมุงหวังจะได้ชมไม่ทันได้เกิดขึ้น ทุกคนพากันมองออกไปด้านนอก

ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็มีกองกำลังเด็กหนุ่มที่ตั้งแถวเรียบร้อยอยู่นั้นวิ่งเข้ามากันทันที คนที่ขวางทางก็ถูกหมัดถูกเท้าใส่ไปบ้างอย่างช่วยอะไรไม่ได้ รีบกระจายตัวออกเป็นสองแถว

ซุนซิงกับลี่เทาที่เป็นหัวหน้าเห็นหวังทงตกในวงล้อม ก็ร้อนใจ ลี่เทาคำรามเสียงดังไปว่า

“ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการ พวกเจ้ารนหาที่ตายหรือ!?”

กองกำลังราว 70 คน รีบล้อมพวกเจียงซงเอาไว้ เหตุการณ์กลับตาลปัตรเช่นนี้ทำให้เจียงซงอึ้งทำอะไรไม่ถูก

ใครจะไปสนหวังทงที่อยู่ตรงนั้น พากันไปกองรวมกันด้านหนึ่ง พวกลี่เทาไม่มีอาวุธ อีกฝ่ายมีทั้งมีดดาบและท่อนเหล็ก พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ

สีหน้าเจียงซงเปลี่ยนไป ได้ยินเสียงตะโกนดัง มองไปเห็นกองกำลังเด็กหนุ่ม เจ้าเด็กน้อยที่อยู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นเช่นนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ

เหล่าจางและลูกสาวก็พากันตะลึงงัน เงียบไปทันที เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น หญิงผู้นั้นกอดเด็กผู้หญิงเอาไว้ปล่อยโฮดังลั่น เป็นเพราะเหมือนว่ารอดพ้นจากความตายมาได้นั่นเอง

“นาวาสุคนธ์เราไม่เคยล่วงเกินขุนนาง เมื่อครู่ข้าน้อยไม่มีตา ไม่ทราบว่าใต้เท้าท่านนี้คือ?”

เจียงซงก็ไม่อ้อมค้อม ยังกล่าวอย่างมีมารยาท หวังทงเก็บมีดสั้นเข้าฝัก ยืดตัวตรงกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า

“ไม่ต้องกล่าววาจาผายลมให้มากนัก วางอาวุธในมือลง!”

เจียงซงไม่กล่าวโต้กลับวาจาของหวังทง ได้แต่กระแอมไอเอ่ยว่า

“ละเว้นได้ก็ละเว้นเถิด วันนี้ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว วันหน้าจะจัดเลี้ยงขอขมาท่าน วันนี้ใต้เท้าปล่อยข้าน้อยไปได้หรือไม่ มิเช่นนั้นรอให้เรียกพี่น้องนาวาสุคนธ์เรามาที่นี่ มาปะทะกับพวกของใต้เท้า เช่นนี้ทุกคนก็มองหน้ากันยากแล้ว”

วาจานี้ทำเอาหวังทงเกือบหลุดหัวเราะออกมา พวกนักเลงหัวไม้ที่เทียนจินนี้มากมายนัก องครักษ์เสื้อแพรไร้ความหมาย เกิดเหตุขึ้นกลับเตือนให้ทางการคิดถึงผลลัพท์ที่จะตามมา

“อย่าเพิ่งบุก ในมือพวกนั้นมีอาวุธ มองแล้วก็พอมีความสามารถกันอยู่บ้าง!”

หวังทงไม่ได้โมโห แต่บรรดาลูกน้องต่างพากันโมโหหนักมาก มองเห็นทุกคนจะรุกเข้าใส่ หวังทงเอ่ยรั้งไว้ เจียงซงสีหน้าดีขึ้นหน่อย คิดว่าจะได้เจรจากันแล้ว

“ไปในบ้านนี้รื้อท่อนไม้ที่เอาไว้ลงมือได้มา ไว้ค่อยชดใช้เป็นเงินแทนละกัน!”

หวังทงค่อยๆ บรรจงชี้ไปยังบ้านของเหล่าจาง ทุกคนรับคำพร้อมกัน ทิ้งคน 10 กว่าคนไว้คอยจับตาดู ที่เหลือก็กรูเข้าไปในบ้าน ครอบครัวเหล่าจางสามคนพากันอึ้งไป ไม่รู้จะทำเช่นไรดี และก็ไม่กล้ากล่าววาจาอันใด

พวกเจียงซงหกคนนิ่งมองอย่างตื่นตะลึง หลายคนมองไปทางเจียงซงทันที ตอนนั้นเองในกลุ่มกองกำลังก็มีคนหนึ่งโดดออกมา อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนจากลูกน้องเจียงซงผู้หนึ่งดังลั่นขึ้น กุมบั้นเอวล้มลง

ทุกคนรีบหันไปมอง ไม่เห็นผู้ใด มีคนร้องอย่างเจ็บปวด และยังล้มลง เป็นการลงมือที่รวดเร็วมาก ตอนนี้ทุกคนจึงได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

เด็กตัวเตี้ยสุดในบรรดาเด็กพวกนั้นถือไม้ตากผ้าไว้ในมือ เพิ่งจะชักมือกลับ เด็กๆ ก็ร้องชมขึ้นพร้อมกัน มีคนงานของหวังทงผู้หนึ่งตะโกนขึ้นว่า

“นายน้อยหู่โถวฝีมือเยี่ยมมาก!”

หลี่หู่โถวพยักหน้าไปรอบวงอย่างภาคภูมิใจ ได้ยินเสียงดังขึ้นในลานบ้าน ทุกคนหยิบเครื่องไม้ในบ้านกรูกันออกมาพร้อมกัน และยังล้อมไว้ถึงในสามชั้น นอกสามชั้น

“มีอะไรค่อยพูดกัน…”

“พูดกับยายเจ้าสิ ลงมือ ลงมือไม่ต้องยั้ง!!!”

หวังทงตะโกนอย่างอารมณ์เสีย ทุกคนได้ยินเสียงตะโกนสั่ง ก็เริ่มลงมือทันที ดาบสั้นและท่อนเหล็กไม่ได้เปรียบอะไรกับขาโต๊ะขาเก้าอี้นัก นับประสาอะไรกับหวังทงที่ยังมีฝีมือขึ้นมาก พอลงมือ คนด้านนอกก็ล้มหงายตึง กลับเป็นเจียงซงที่ไม่ลังเล ตวัดดาบสั้นในมือไปมา แต่ก็รับมือการโจมตีไม่อยู่

ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาอีกทางหนึ่ง บรรดาคนมุงก็พากันแหวกทางเดินให้ ชายสวมชุดผ้าฝ้ายสั้นสีน้ำตาลวิ่งเข้ามา แต่ละคนถึงดาบขวานและกระบอง คนเป็นหัวหน้าสวมชุดคลุมด้านนอก คลุมทับด้วยเสื้อกั๊กผ้าแพรต่วนสีน้ำเงิน เป็นชายอายุราว 40 ปี ตะโกนดังมาแต่ไกลว่า

“นาวาสุคนธ์บูชาฟ้าดิน ในเมืองจุดธูปบูชาเทพเจ้า มาจากไหนกันจึงได้กล้าลงมือกับคนของนาวาสุคนธ์เราเช่นนี้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!