Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 328

ตอนที่ 328 จับปูในไห ประสานกำลังทางน้ำและทางบก

ปากแม่น้ำถังเจียเป็นท่าเรือประมง เรียกท่าเรือไม่สู้เรียกว่าอ่าวธรรมชาติ

ที่นี่ต่างจากที่อื่นอยู่บ้าง ที่นี่มีเส้นทางแม่น้ำออกสู่ทะเล แม่น้ำถังเจียไม่ใช่แม่น้ำใหญ่ น้ำมากที่สุดก็แล่นเรือใหญ่ได้แค่ร้อยลำเท่านั้น ตอนเดือนสิบเอ็ดน้ำแห้ง อย่างมากก็แล่นได้แค่หกสิบลำ

ยามปกตินอกจากเรือประมงเข้าออกแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แต่ตอนนี้กลับคึกคักมาก มีเรือทะเลใหญ่สิบกว่าลำจอดเทียบท่าอยู่ เรือสำปั้นนับร้อยขนสินค้าไปมา

บรรดาบ้านเรือนหลายสิบครอบครัวละแวกท่าเรือต่างยิ้มแย้มดีใจ ตอนแรกที่มีคนแล่นเรือเข้ามาทางปากทะเล ทุกคนยังคิดว่าว่าเป็นโจรสลัด จะต้องถูกกวาดล้างทั้งหมู่บ้านจนไม่เหลือรอดเป็นแน่

ผู้ใดจะคิดว่าคนที่เข้ามาไม่เพียงแต่ไม่สังหารปล้นชิง แต่กลับมอบเงินก้อนขาววาบวับมาพักบ้านพวกเขา ให้พวกเขาซื้อหาสุราอาหารและของใช้

แม้ว่าตอนซื้อของจะส่งคนมาตามดู แต่ราคาแพงหน่อยพวกเขาก็ไม่ใส่ใจ ทุกคนคิดคำนวณดูแล้ว ปีนี้ทุกครัวเรือนคงได้ซื้อหมูครึ่งตัว ซื้อสุราดีสักไหมาฉลองปีใหม่กันได้เต็มที่

ดีกว่าออกทะเลจับปลาเสียอีก ดีกว่าลำบากลำบนทำนาตั้งมากมาย ไม่ต้องรอให้คนที่เข้ามาทางทะเลสั่ง ชาวหมู่บ้านก็ตกลงกันก่อนเองว่า ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ผู้ใดแพร่งพรายเรื่องนี้ก็จะจับผูกก้อนหินโยนลงทะเลไปเลี้ยงปลา

*********

“เรือหนึ่งลำขนถ่ายสินค้าอย่างน้อยก็ต้องสี่วัน สถานที่บัดซบเช่นนี้แม้แต่สาวๆ ก็ไม่มี น่าเบื่อสิ้นดี!”

“ในหมู่บ้านใช่ว่าไม่มีนางพวกนั้น เหล่าจางกระเป๋าเจ้ามีเงินนี่ ไม่แน่อาจนางยอมนอนกับเจ้า…”

“มารดาเจ้าสิ นางพวกนั้นจะไปสวยสู้นางมะละกานางชวาได้ที่ไหนกัน เห็นแล้วหมดอารมณ์”

ปกติยามที่ขนถ่ายสินค้า พวกชาวเรือหลายคนก็ได้แต่เฝ้ามองไปพลางคุยไปพลาง คนพวกนี้เป็นชายฉกรรจ์ ข้างกายมีขวานติดตัว ไม่มีท่าทีเป็นคนดีอะไร

มองอยู่นานก็มีคนหนึ่งชี้ไปที่เรือสำปั้นด่าขึ้นว่า

“มดย้ายบ้านยังเร็วกว่านี้เลย ข้าดูจนทนไม่ไหวแล้วนะ สินค้าในเรือขนถ่ายไปได้ไม่ถึงสามส่วน วันเวลาเช่นนี้เมื่อไรจะจบจะสิ้นเสียที”

“นี่เป็นเพราะต้องการประหยัดค่าภาษีสองส่วนไม่ใช่หรือ พวกเราครั้งนี้ขนปรอท ของพวกนี้ภาษีเก็บโหดจะตาย”

กล่าวถึงตรงนี้ คนที่ด่าก็สงบลง นานกว่าจะเอ่ยขึ้นมาว่า

“มารดามันสิ เมื่อก่อนถึงเทียนจินก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าเมืองไปหาสาวๆ ได้ สุราอาหารอย่างดี ชีวิตแสนสุข ตอนนี้มันอะไรกัน ต้องทนทรมานหลายสิบวันที่นี่ และต้องทนอีกหลายสิบวันเดินทางกลับ หรือต้องรอให้ถึงที่ก่อนจึงมีสาวๆ มากอดได้”

ทุกคนหัวเราะดังลั่น หันไปด่าเรือด้านล่างว่า ‘ระวังหน่อย’ ก่อนจะพูดต่อว่า

“ปีนี้สถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าคงต้องฉลองปีใหม่บนทะเลนี่แล้ว”

กล่าวถึงตรงนี้ ทุกคนก็เงียบลง มีคนหนึ่งหันกลับไปมองก่อนจะสบถด่าเบาๆ ว่า

“ไอ้แก่เหล่าเหลียงบัดซบนั่น เถ้าแก่บอกว่าสองส่วนก็สองส่วน อย่างไรสินค้าก็คงไม่ถูกเก็บทั้งหมด เพราะมันคิดละโมบเล็กน้อยเลยแล่นเรือมาที่นี่ สี่วันมานี่เราไม่ต้องออกไปใช้เงินหรือไง…”

“ได้ยินว่าอาศัยสายสัมพันธ์ก่อนหน้านี้นำทุกคนมาทางนี้แทน คนผู้นั้นกว้างขวางสามารถรับซื้อสินค้าทุกคนได้หมด” ทง

“ครั้งนี้ไม่เห็นเรือของราชาไตรธาราเลย!!”

บนเรือคุยกันอยู่ตรงนั้นก็มองไปเห็นเรือทะเลสองลำจากด้านนอกค่อยๆ ลอยลำเข้ามา ทุกคนต่างหันไปมองด้วยความเคยชิน แต่ครั้งนี้กลับมีเรื่องให้พวกเขาเอามาคุยกันต่อ

“เรือนี่มันพังมากเลย คลื่นลมทะเลแรงอีกนิดคงได้น้ำทะลักเข้าเรือแน่”

“ดูพื้นเรือนั่นดิ น่าจะถูกปืนใหญ่ถล่มเป็นรูกระมัง?”

“หรือว่าถูกพวกผีฝรั่งโจมตีมา ไม่น่าใช่ เรือนั่นแขวนธงธารา น่าจะจ่ายเงินค่าผ่านทางให้กับราชาไตรธาราทุกปี พวกผีฝรั่งไม่กล้าแตะต้องหรอก”

เรือที่แล่นเข้ามาใหม่สองลำดูพังมาก ตัวเรือเป็นรูดูแล้วเหมือนปะมาใหม่ ด้านในปะไม้กระดานเรือไว้ ทุกคนเดินเรือมานาน พอเห็นก็มองออกว่าเรือลำหนึ่งนั้นสียังใหม่อยู่ ก็ไม่รู้ว่าไปเจอกับความซวยอันใดมา

หากไปเจอกับพวกทางการหรือโจรสลัดประเทศวัว ตีกันให้ตายก็แค่ขึ้นเรือมาสังหาร สังหารรุนแรงอย่างไรก็ไม่น่าจะทำลายตัวเรือเป็นรูเช่นนี้

หากไปเจอเรือผีฝรั่งชาวฟะรังคีมา ปะทะกับเรือพวกนั้น ก็คงถูกระเบิดเป็นจุณไปแล้ว ตัวเรือไหนเลยจะทรงตัวอยู่ได้

ทว่าราชาไตรธาราเองก็มีกฎว่าเรือทุกลำหากคิดจะเดินเรือผ่านทางทะเล ต้องจ่ายค่าผ่านทางให้เขาหนึ่งพันตำลึงทุกปี จ่ายเงินแล้ว ราชาไตรธาราก็จะให้ความคุ้มครอง ฟะรังคีจากทะเลใต้ยังไม่กล้าล่วงเกินราชาไตรธารา ปีรัชสมัยว่านลี่ที่ 4 มีเรือชาวฟะรังคีเดินทางมาจากแดนไกลโพ้นหลายหมื่นลี้มาสองลำไม่รู้ธรรมเนียม จึงได้เข้าปล้นชิงเรือและสังหารคนบนเรือตายหมด ปรากฏว่าราชาไตรธารารู้เรื่อง

เรือสองลำนั้นแม้ว่าแล่นมุ่งหน้าไปหลี่ว์ซ่งแล้ว แต่ยังถูกโจมตีตรงปากอ่าว คนทั้งเรือถูกสังหารเรียบไม่มีเหลือ ผู้บัญชาการกองเรือฟะรังคีที่หลี่ว์ซ่งเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้ารับไป ไม่กล้าเอาเรื่องแต่อย่างใด

แต่นั้นมา เรือที่ราชาไตรธาราให้การปกป้องคุ้มครองบนทะเลในเขตปกครองราชวงศ์หมิงและทะเลใต้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องอีก

เห็นได้ว่าร่องรอยของเรือสองลำน้ำมีแต่เรือปืนใหญ่ทะเลใต้เท่านั้นจึงจะทำจนเป็นเช่นนี้ได้ ไม่รู้ว่าโชคร้ายไปเจอเข้ากับเรือทะเลใต้ที่ไร้ลูกกะตาที่ไหนมา

ตอนเรือเข้าอ่าวมาก็ลดใบเรือลง ความเร็วก็ช้าลงผิดปกติ ปากแม่น้ำถังเจียที่มีพื้นที่ซับซ้อน จึงต้องแล่นช้ามากเป็นพิเศษ

เรือสองลำนั้นดูแล้วก็คุ้นตาอยู่ แล่นได้แปลกประหลาด กลับแล่นมาขวางกลางลำน้ำซะอย่างนั้น

การขนถ่ายสินค้าก็เหมือนมดย้ายรัง สำหรับคนเรือแล้วก็เป็นเรื่องแห้งแล้งน่าเบื่อหน่ายมาก เรือที่งุ่มง่ามชักช้าสองลำนี้จึงดึงดูดความสนใจของทุกคนเอาไว้

เห็นเรือสองลำบังคับทิศทางได้ไม่ได้ กลับแล่นมาขวางปิดปากทางไว้เสียอย่างนั้น คนเรือทั้งหลายต่างพากันส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังลั่น ยังมีคนเป่าปากหยอกเย้า ยังมีคนตบมือ สถานการณ์ช่างครึกครื้นยิ่งนัก

คนบนเรือสองลำนั้นสบถด่าหยาบคายออกมา หากก็เร่งมือทำงานกันอยู่บนเรือ มีคนผ่อนเชือกลง มีคนมัดใบเรือแน่น

เสียงหัวเราะ เสียงเป่าปากยิ่งดัง เรือสองลำนั้นสุดท้ายก็ยังคงอยู่ที่เดิม ขวางอยู่ปากทางออก เป็นเรือผู้ใดกัน หากเป็นเรือราชาไตรธารา เกรงว่าคนได้ถูกตัดมือตัดเท้าโยนลงทะเลไปเลี้ยงปลาแล้ว

อยู่ๆ ทุกคนก็เห็นเรือสองลำทิ้งสมอ ใบเรือลดลงหมด นี่มันทำอะไรกัน เสียงหัวเราะเป่าปากค่อยๆ เงียบลง

ทำกันอย่างนี้ ใช่ว่าเรือไม่อาจขยับได้อีกหรือ คนบนเรือสองลำนั้นยังคงชุลมุนไม่หยุด การกระทำนี้ให้ผู้คนยิ่งงงมากขึ้น สินค้าบนดาดฟ้าเรือทำไมยังต้องเปิดผ้าออก

ผ้าอาบน้ำมันเปิดออก ปืนใหญ่ดำมันปลาบปรากฏแก่สายตาคนทั้งอ่าว สายตาแหลมคมย่อมมองออกว่าเป็นปืนใหญ่ พวกที่อยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อยกำลังงงว่าคนข้างหน้าทำไมจึงเงียบลง

**********

“ยิง!!”

เรือสองลำมีเสียงตะโกนดัง มองไปก็เห็นปืนใหญ่ที่บรรจุกระสุนเสร็จ คนเรือที่ยืนอยู่ข้างปืนใหญ่ก็รีบเร่งจุดไฟ

ตูม ตูม ตูม! เสียงดังติดต่อกัน เรือสองลำที่ดู ‘งุ่มง่ามน่าขัน’ ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันขาว ผืนทะเลมีแต่เสียงระเบิดและเสียงคลื่นลม เสียงคนอื่นๆ หากไม่ถูกกลบก็คงเพราะลืมส่งเสียง

ปืนใหญ่ยิงออกไป แรงยิงทำให้ปืนกระเด้งถอยหลัง ล้อไม้ฐานปืนกับพื้นเรือเสียดสีกันส่งเสียงดัง ฐานปืนใหญ่มีเชือกหนารัดไว้กับเรือ พอเด้งถอยหลังก็จะมีเชือกรั้งกลับมา

เรือแต่ละลำมีปืนใหญ่ห้ากระบอก ปืนห้ากระบอกเด้งถอยหลังทำให้เรือโคลงรุนแรง คนเรือที่ยืนไม่มั่นต่างล้มแปะลงกับพื้นเรือทันที

หากเป็นคนเรือตัวจริง อย่างน้อยก็ต้องทรงตัวไว้ได้หรืออาจจับยึดอะไรไว้ได้ หากคนเหล่านี้ต่างก็ตะกายลุกขึ้นยืนอย่างเร็ว เริ่มทำความสะอาดกระบอกปืนเพื่อบรรจุดินปืนลงไปใหม่

ในอ่าวเงียบกริบ เงียบจนคนบนเรือสองลำสงสัยว่าตนเองยิงปืนไปแล้วหรือยัง มีคนหยุดหันไปมองจึงถูกหัวหน้าบนเรือตวาดดัง

“ตั้งสมาธิหน่อย เร็วหน่อย ยิงชักช้าจะโดนโทษทางวินัย!!”

ทางนี้บรรจุดินปืนเสร็จกระบอกหนึ่ง คนเรือข้างปืนใหญ่ก็จะยกธงเล็กผืนหนึ่งขึ้น นายทหารกำลังคิดจะออกคำสั่ง เรือทะเลสิบกว่าลำอยู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังอย่างตกใจขึ้น

ที่แท้เพิ่งได้สติ นายทหารออกคำสั่งรู้สึกอึ้งไปกับปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่ก็ยังคงตวัดมือโบกอย่างแรงออกคำสั่งว่า

“ยิง!!”

เสียงระเบิด กลิ่นควันไฟและเสียงร้องโหยหวน

เสียงร้องโหยหวนแผ่วมาก เรือแต่ละลำมีปืนเพียงแค่ห้ากระบอก ห้ากระบอกมีสองกระบอกเป็นปืนใหญ่กระสุนสามชั่ง ที่เหลือเป็นปืนใหญ่ขนาดเล็กแบบกระสุนหนึ่งชั่งกับหนึ่งชั่งครึ่งเท่านั้น

ปืนใหญ่ยิงออกไปสองรอบได้ผลไม่ดีนัก มีแต่ผีโชคร้ายตัวเดียวที่ถูกยิง ตายทันทีในที่เกิดเหตุ คนอื่นๆ ล้วนไม่เป็นอะไร คนที่ส่งเสียงร้องโหยหวนก็แค่กระสุนยิงไปโดนมุมเรือจนไม้ที่ถูกยิงกระเด็นไปโดนคนข้างๆ เจ็บจนต้องร้องโหยหวนเท่านั้น

มีแต่พวกบนเรือสำปั้นขนถ่ายสินค้าเท่านั้นที่รู้สึกไม่ได้การ คนบนเรือเห็นท่าไม่ดีต่างก็โดดลงน้ำหนี การหนีเอาชีวิตรอดเช่นนี้ย่อมไม่มีเวลามาสนใจว่าน้ำจะเย็นยะเยือกเสียดกระดูกเพียงใด

ยิงไปสองรอบ บรรดาพลทหารก็ยังบรรจุดินปืนไม่หยุด แต่บนเรือแต่ละลำไม่มีผู้ใดกล้ายืนขึ้น ล้วนหมอบลงด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวนไม่กล้าขยับเขยื้อน

เรือสำปั้นบนแม่น้ำถังเจียต่างแย่งกันล่องถอยหลังไปอย่างบ้าคลั่ง ผู้ใดยังจะกล้าเข้าใกล้ปืนใหญ่รนหาที่ตายกัน

คนบนฝั่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบนผืนทะเล ก็รีบพากันวิ่งออกมาดู คิดจะปีนให้สูงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นในอ่าวกันแน่

แต่พอออกจากประตูมองไปทางผืนแผ่นดิน แต่ละคนก็อึ้งตาค้าง มีคนหันหลังคิดหนี แต่พอเห็นสภาพการณ์บนผืนทะเลก็รู้ได้ว่าตนเองไม่มีทางหนีรอดแล้ว

“ทหารม้ามากมายเพียงนี้ ที่นี่ที่ไหนกัน เจ้าสุนัขหวังทงมีม้าแค่ 200 กว่าตัวไม่ใช่หรือ?”

“พูดแล้วได้อะไรขึ้นมา สู้ตายกับมันเลย!!”

“เจ้าบ้าไปแล้ว นี่มันทหารม้านับพัน…”

มีพลทหารม้าหลายสิบถอนตัวออกจากกองกำลังหลัก มุ่งไปยังเนินเขาเล็กริมทะเล ชูธงแดงในมือขึ้นโบกไปมา

**********

“ธงแดงโบกสะบัดแล้ว!”

คนเรือที่ปีนอยู่บนเสากระโดงเรือตะโกนลงมาด้านล่าง บรรดานายทหารต่างก็รีบตะโกนคำสั่งดังว่า

“ยิง!!”

“เตรียมปล่อยเรือสำปั้นขึ้นเทียบเรือ!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!