ตอนที่ 347 การรบที่ไม่ได้คาดว่าจะรบ
หลังจากที่หวังทงชี้ตำแหน่งบนแผนที่ ทหารทุกคนต่างล้อมวงดู แผนที่นี้หยาบมาก หวังทงหามาได้จากของที่มีอยู่เดิมในสำนักองครักษ์เสื้อแพร บนแผนที่เต็มไปด้วยฝุ่นขาวจับ และยังมีรอยแมลงแทะจนแทบไม่เหลือสภาพ
ตอนนี้ทหารทุกคนเห็นว่าควรหาคนวาดรูปวาดออกมาใหม่ ตำแหน่งตอนนี้ไม่ชัดเจนแล้ว ถึงขั้นแม้แต่หวังทงที่ไม่คุ้นเคยกับแผนที่แบบนี้ยังรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง โลกก่อนอย่างไรก็เคยเดินทางไปมาระหว่างซานตงกับเหอเป่ย อัตราระยะห่างยิ่งไม่ต้องพูดถึง
บรรดาทหารเข้ามาล้อมลงดู นอกจากพวกคนตระกูลถานแล้ว สายตาคนอื่นๆ มองแล้วไม่เข้าใจ หากจะเอาหลายจุดบนแผนที่มาวิเคราะห์ ยากอยู่ไม่น้อย
หวังทงถอนหายใจ เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าการทหารนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการยกทัพมาต่อสู้ แต่เมื่อต้องมาประสบเอง จึงได้พบกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องใส่ใจมากเหลือเกิน
“ก่อนเคลื่อนกำลังสามวันจะแจ้งให้พวกเจ้ารู้ ตอนนี้ทุกคนกลับค่ายพักไปเตรียมฉลองปีใหม่กันได้ พรุ่งนี้และมะรืนนี้ตอนบ่ายไม่ต้องออกมาฝึก วันมะรืนตอนบ่ายก็เริ่มเตรียมการเคลื่อนกำลังได้”
ทุกคนร้องรับพร้อมเพรียง หวังทงวางไม้ไผ่ลงยิ้มกล่าวว่า
“กองเสบียงซื้อหมู แพะ ปลาและกุ้งเตรียมไว้มาก คืนนี้ให้ทุกคนฉลองปีใหม่กับพี่น้องให้เต็มที่ เคร่งเครียดกันมาทั้งปีแล้ว ต้องผ่อนคลายกันบ้าง เลิกประชุมได้!”
บรรดานายทหารต่างก้มกายคำนับขอตัว ที่หวังทงนอกจากพวกถานเจียงที่มีอายุหน่อยแล้ว นายทหารคนอื่นๆ ก็ไม่นับว่าอายุมาก นี่เป็นปีใหม่แรกที่ฉลองกันที่ค่ายทหาร ทุกคนไม่รู้สึกคิดถึงบ้านเกิดอะไรนัก กลับรู้สึกแปลกใหม่
พอทุกคนกลับออกไป หวังทงก็กล่าวกับไช่หนานว่า
“ขอนายกองไช่ไปดูแลสักหน่อย อาหารการกินของทุกค่ายคืนนี้ถึงพรุ่งนี้ต้องดีเลิศเพื่อตอบแทนทุกคน ไปตรวจการทุกค่ายสักรอบ อย่าได้เกิดข้อผิดพลาด”
ตามหลักแล้ว เรื่องนี้เป็นงานของนายกองคุมกำลังพล ไช่หนานรีบพยักหน้าออกไป หวังทงจึงหันไปกล่าวกับจางซื่อเฉียงข้างๆ ว่า
“พี่จางไปที่สำนักนาวาสุคนธ์ช่วยพานหมิงดูแลสักหน่อย เชลยย่อมไม่ควรได้รับการดูแล แต่ก็อย่าถึงขึ้นไม่ได้ฉลองปีใหม่กันเลย ครอบครัวเชลยเราก็ยังต้องให้ความช่วยเหลือ อย่างไรคนพวกนี้วันหน้าพวกเรายังต้องใช้งาน”
จางซื่อเฉียงรับคำสั่งออกไป ในห้องเหลือแค่ไม่กี่คน หวังทงมองไปยังหยางซือเฉิน หยางซือเฉินพยักหน้าเปิดสมุดจดในมือออกรายงานว่า
“เงินทองและอาหารสำหรับฉลองปีใหม่ของพลทหารองครักษ์เสื้อแพรเดิมกับของหังต้าเฉียวได้รับแจกจ่ายไปแล้ว ทังซานที่แม่น้ำทะเลกับลูกเรืออีกห้าลำก็ได้แจกจ่ายไปแล้ว เฉียวต้าโรงตีเหล็กและต่างชาติสามคนกับบรรดาช่างตีเหล็กและคนเรียนวิชาตีเหล็กพวกนั้นก็จ่ายค่าแรงไปแล้ว สำนักอาวุธปืนปีนี้ก็แจกจ่ายเสบียงไปแล้ว ช่างในสำนักยังได้รับเงินและข้าวของฉลองปีใหม่ไปกันแล้ว ทุกคนซาบซึ้งดีใจจนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ กล่าวว่าใต้เท้าช่างเมตตา”
รายงานแต่ต้นจนจบเสร็จ หยางซือเฉินทิ้งท้ายด้วยวาจาชมเชย หวังทงยิ้ม ช่างในโรงอาวุธปืนไฟในราชวงศ์หมิงทำงานราวกับทาส เงินทองที่ควรได้ก็ถูกหักไว้มากมาย แม้แต่ข้าวก็กินไม่อิ่ม จึงไม่ต้องพูดถึงเรืองจะมีแรงที่ไหนมาทำงาน แต่ตั้งแต่หวังทงมาคุม ก็ห้ามหักเงินเด็ดขาด ปีใหม่ยังดูแลให้รางวัลเป็นพิเศษอีกหนึ่งเดือน พวกช่างที่ลำบากกันจนชินชาแล้ว ย่อมเป็นความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้
ไล่ตามสั่งการไปทีละคนเสร็จ ถานเจียงข้างๆ ก็ยิ้มสำทับขึ้นว่า
“นายกองเหรินผู้ดูแลก็มาถึงแล้ว ต้องเตรียมการรองรับครอบครัวเขา ยังมีของขวัญที่บรรดาใต้เท้าจากเมืองหลวงส่งมาเมื่อวานก็มาถึงแล้ว หากนายท่านต้องการดู อีกเดี๋ยวก็จะให้คนขนมา”
หวังทงพยักหน้า แค่นยิ้มให้กับตนเองว่า
“วันส่งท้ายปีเก่ายังไม่ว่าง ท่านหยาง รบกวนท่านไปต้อนรับนายกองเหรินหน่อย ข้าทางนี้มีกิจทหารต้องดูแลต่อ”
หยางซือเฉินก้มกายคำนับอำลา รอจนเขาออกไป ประตูปิดลง ก็เหลือเพียงหวังทง หม่าซานเปียวกับถานเจียงสามคน
“ซานเปียว อีกสองวันเจ้านำพวกชื่อเฮย จากเทียนจินไปโรงบ้านนั่น ขี่ม้าไปวนสักรอบ จำทางให้ได้ การเดินทางครั้งนี้จะรอให้พวกเจ้ากลับมาก่อนค่อยออกเดินทาง”
หม่าซานเปียวรับลุกขึ้นรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว หวังทงยิ้มเฝื่อนๆ กล่าวว่า
“ลองคิดดู ข้าเองรู้แค่เส้นทางเมืองหลวงมาเทียนจิน ที่อื่นๆ ล้วนราวกับคลำทางในความมืด นำทหารออกศึก รู้สึกกังวลไม่น้อย”
“นายท่านก็คิดทางร้ายไป การเดินทัพไหนเลยจะรู้เส้นทางทุกครั้ง หาคนชี้ทางที่คุ้นเคยสภาพพื้นที่ก็ได้นี่”
ได้ยินวาจาถานเจียง หวังทงก็ส่ายหน้ากล่าวว่า
“ตอนนี้ไม่ง่ายเช่นนั้น การโจมตีโรงบ้านเรื่องเล็ก ฝึกทหารเรื่องใหญ่ วันนี้เจ้าก็เห็นอยู่ ทหารต่างไม่เข้าใจ ก็เหมือนกับปิดประตูต่อรถ ไม่อาจได้รับการฝึกฝนที่ดี”
ในเมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ถานเจียงก็ได้แต่เงียบไป กลับเป็นหม่าซานเปียวที่กล่าวด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องว่า
“ไยใต้เท้าต้องกังวลเพียงนี้ ก็แค่โรงบ้าน กองกำลังเราไปถึง ก็ราวกับบี้มดปลวกง่ายๆ”
“สิงโตจับกระต่ายมิอาจพลาด การรบเป็นเรื่องใช้อาวุธฆ่าฟัน ย่อมต้องระวัง โรงบ้านนั่นเป็นพวกลอบค้าเกลือ ครั้งนี้ไม่ใช่รับมือกับพวกนาวาสุคนธ์”
“พวกลอบค้าเกลือ?”
ถานเจียงอดอุทานอย่างตกใจไม่ได้ หวังทงบอกเขาเป็นครั้งแรกว่าจะไปสู้กับผู้ใด เดิมคิดว่าโรงบ้านก็แค่โจรกระจอก
************
ภาษีเกลือเป็นรายได้หนึ่งที่สำคัญที่สุดของท้องพระคลังราชวงศ์หมิง การลักลอบค้าเกลือ เลี่ยงภาษีเกลือล้วนมีโทษหนัก มักจะหนีไม่พ้นโทษตัดหัว
การค้าที่ทำกำไรใหญ่แม้ว่าจะถูกตัดหัวอย่างไรก็มีคนทำ แต่ละมณฑลก็ล้วนมีพวกลอบค้าเกลือ บ้างก็เป็นชาวบ้านที่ขอเพียงมีอาหารกิน มีที่นอนอุ่นก็ยอมเสี่ยงภัย แต่ส่วนใหญ่เป็นพวกคนร้ายโหดเหี้ยมรวมกลุ่มกันเพื่อลอบค้าเกลือ
ทว่าพวกลอบค้าเกลือที่ใหญ่ที่สุดก็คือพ่อค้าเกลือที่ได้รับอนุญาตค้าเกลือจากทางการ พวกเขามีเกลืออยู่ในมือ แต่เกลือหนึ่งหาบแอบพ่วงขายไปอีกสิบหาบหรือมากกว่านั้น เกลือจำนวนมากที่สุดส่วนใหญ่ขายไปตามอำเภอหมู่บ้านในชนบท
เพื่อลอบขนเกลือเหล่านี้ไปยังหมู่บ้านและเมืองต่าง ๆ ต้องรับประกันว่าว่าขายได้ ต้องรับประกันว่าไม่ถูกคนในพื้นที่ทำร้าย ต้องรับประกันว่าตลอดทางจะไม่มีโจรร้ายมาแย่งชิง ยังต้องรับประกันว่าไม่มีทางการมาตรวจสอบหรือคนของพ่อค้าเกลือกลุ่มอื่นจับได้ ต้องป้องกันรอบด้าน พวกลอบค้าเกลือรายใหญ่ล้วนมีลูกน้องที่ยอมถวายชีวิตอยู่นับร้อย และเพราะการลอบค้าเกลือได้กำไรดี อาวุธในการต่อสู้ก็ย่อมดีตามไปด้วย
ที่เรียกว่า จอมโจรบนหลังม้า มือกวัดแกว่งดาบคมกริบและมีหอกยาวเป็นกำลังหลัก คนที่เหลือก็ถือแต่เครื่องมือเกษตรหรือไม้กระบอง เป็นกลุ่มคนไร้ระเบียบที่รวมตัวชั่วคราวเพื่อร่วมกันก่อการ
แต่พวกลอบค้าเกลือนั้นต่างกัน มีเงินก็มีทาง ย่อมจัดหาอาวุธร้ายมาพร้อม ทั้งดาบใหญ่หอกยาว ทั้งธนูชั้นยอด ชุดเกราะชั้นดี ไม่ขัดสนแม้กระทั่งม้า
พอพวกลอบค้าเกลือมารวมกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ พวกทำงานระดับล่างได้กำไรติดไม้ติดมือไม่น้อยก็มักจะมีพวกมีฝีมือมาเข้าร่วม พวกยอมสละชีพก็มักจะมาเข้าร่วมด้วย จึงยิ่งเป็นกลุ่มกองกำลังที่เข้มแข็ง
ในแง่มุมหนึ่ง ยามสงบสุข กลุ่มติดอาวุธที่เข้มแข็งที่สุดในพื้นที่ก็จะลอบค้าเกลือ
พวกลอบค้าเกลือเหล่านี้มักจะเป็นคนมีเงินในท้องถิ่น คุ้นเคยกับสภาพพื้นที่ มีคนในพื้นที่เป็นกำลังให้ การลอบค้าเกลือจึงทำให้ยิ่งเข้มแข็ง ยากต่อกร
************
ถานเจียงตกใจอึ้งไปครู่หนึ่ง สำหรับเขาแล้วพวกลอบค้าเกลือก็อีกเรื่องหนึ่ง ผ่านสนามรบฟาดฟัน เผชิญกองทัพมหาศาลและพวกนอกด่านป่าเถื่อน โจรสลัดแดนใต้ ไม่มีพวกไหนไม่ร้ายกาจกว่าพวกลอบค้าเกลือ หม่าซานเปียวยังคงท่าทางไม่รู้เรื่อง เอาแต่รอแต่เวลาเลิกประชุม จะได้ปรี่ไปบ้านจางฉุนเต๋อ
เมื่อทุกคนออกไป หวังทงก็กลับไปที่ห้องหนังสือ เปิดตู้ที่ใส่กุญแจไว้บนชั้นหนังสือ หยิบเอกสารสองฉบับในนั้นออกมาอ่านอย่างละเอียด
การที่เลือกจัดการลอบค้าเกลือครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เลือกตามอำเภอใจ หลังจากทำลายพวกนาวาสุคนธ์ลงได้ ก็มีเรือนับร้อยลำปรากฏตัวอยู่บนท่าเรือคลองส่งน้ำ ตรวจสอบอย่างง่ายๆ ก็พบว่าเรือพวกนี้เคยบรรทุกเกลือมาก่อน
หวังทงตัดสินได้ว่า เรื่องที่เกิดที่เทียนจินนี้เป็นเพียงหน้าฉากของกองกำลังสักกอง ไม่ว่าการค้าทางทะเล การลอบค้าเกลืออะไรพวกนั้นก็เพื่อที่จะสั่งสมเงินทอง
แต่สั่งสมเพื่อใคร สั่งสมอย่างไร หวังทงก็ไม่อาจตัดสินชัดเจนได้ในตอนนี้ คนไม่พอจับตาดูนั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หลังจากที่หวังทงจัดกำลังทหารคุมสองฝั่งแม่น้ำทะเลเอาไว้ ก็เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว หลังจากคุมพื้นที่และทำลายพวกนาวาสุคนธ์ลงได้ ระยะนี้ไม่รู้มีคนในเทียนจินมากมายเท่าใดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ว่านเต้ากับฟานต๋าไม่ได้หนีรอดไป แต่พวกใต้บังคับบัญชาไม่รู้หายตัวไปไหนกันหมด
ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ย่อมไม่อาจตรวจพบสิ่งใดที่พอจะจับต้องได้ ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่หวังทงเรียนรู้ได้จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
การลอบค้าเกลือไม่ใช่ว่าจะหิ้วถุงเกลือวางบนเรือล่องขายตามคลองส่งน้ำที่จะได้ให้ชาวบ้านมาซื้อคนละชั่งสองชั่งหรือให้พวกมีเงินมาซื้อคนละสิบชั่งร้อยชั่ง มันคุ้มที่จะใช้เรือลำใหญ่ขนถ่ายรอบหนึ่งหรืออย่างไร
การลอบขายเช่นนี้ล้วนต้องมีพวกลอบค้าเกลือระหว่างเส้นทางที่จะทำการซื้อขายปริมาณมาก แล้วจึงค่อยให้พวกเขานำไปขายปลีกต่อ ขอเพียงหาพวกลอบค้าเกลือรายใหญ่ได้ บางทีก็อาจจะเข้าใกล้เงื่อนงำหรือข่าวคราวไปอีกขั้นหนึ่งก็ได้
การที่หวังทงคิดเรื่องนี้ได้ก็ไม่ยาก แต่การจะหาว่าพวกลอบค้าเกลือรายใหญ่อยู่ที่ไหนนั้นเป็นปัญหาที่ยาก ตอนนี้หวังทงมีสำนักรักษาความสงบที่เมืองหลวง ในเทียนจินยังมีสายลับที่วางไว้ตามที่ต่างๆ สองแหล่งนี้เท่านั้นที่จะสืบข่าวได้มา หากพวกลอบค้าเกลือระดับนี้นั้นย่อมไม่มีที่พำนักที่เทียนจินเป็นแน่
คิดจะตรวจสอบเรื่องนี้ สำนักบูรพากับสำนักองครักษ์เสื้อแพรนั้นไม่อาจนำมาใช้การได้ สำนักรักษาความสงบก็ไม่ได้ หรือว่าส่งคนออกนอกเมมืองไปสืบข่าวทีละแห่งงั้นหรือ
แต่หวังทงก็ยังมีวิธี ก็คือการให้หยางซือเฉินส่งจดหมายไปให้เซินสือหัง เซินสือหังรู้จักคนที่กรมอาญาไม่น้อย กรมอาญากับศาลในท้องที่ต่างๆ ทำงานสัมพันธ์ใกล้ชิด ไหว้วานให้พวกในพื้นที่สืบข่าว เรื่องนี้ก็ง่ายขึ้นมาก
กลางเดือนสิบสอง มือปราบผู้หนึ่งในอำเภอชิงก็มาที่เทียนจิน มาที่ทำการองครักษ์เสื้อแพรขอพบหวังทงด้วยตนเอง บอกเล่าถึงโรงบ้านแห่งหนึ่งที่นั่น เป็นนักบุญในพื้นที่ชื่อว่าเป้าตันเหวิน แต่ในทางลับถูกเรียกว่าพวกลอบค้าเกลือฉายา “หมาป่าอ้วน” ลักลอบค้าเกลือครอบคลุมพื้นที่เขตปกครองเหนือและมณฑลซานตง
นายอำเภอที่อำเภอชิงกำลังลงจากตำแหน่ง ทำการครั้งนี้ใจกล้าไม่น้อย เขียนฎีการายงานไปยังศาลเหอเจียนโดยตรง บอกว่าในพื้นที่มีภัยเช่นนี้ ขอให้เบื้องบนส่งกองกำลังมาปราบปราม จากนั้นหลายฝ่ายไม่รู้ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม บอกว่าการเคลื่อนกำลังนั้นไม่อาจกระทำอย่างไร้การวางแผนให้รอบคอบ เรื่องเร่งด่วนเช่นนี้ ก็ให้นายกองพันหวังทงที่เทียนจินนำกำลังไปปราบปราม…