Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 383

ตอนที่ 383 ไม่อาจล่วงเกิน ป้องกันไว้ก่อน

พอได้ยินว่า ‘โบยให้แรง’ นอกจากถังผิงที่เจ็บจนหมดสติไป ที่เหลืออีกหกคนล้วนเงยหน้ามองตาค้างไปที่ใต้เท้ากาวที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ

ในศาลทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีธรรมเนียม คำว่า ‘ให้แรง’ นั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างก็รู้ว่าควรทำเช่นไร จึงพากันปรี่เข้ามาจับทุกคนคว่ำลงพื้น ถอดกางเกง ยกไม้โบยอย่างแรง

พ่อบ้านรองผู้นั้นแหกปากร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ที่เหลืออีกห้าคนเพียงแค่กัดฟันทนไป แต่ก็ไม่นาน ไหนเลยจะทำนทนได้ ทุกคนได้แต่ส่งเสียงร้องดังลั่นออกมา

สามสิบไม้ผ่านไป ก็ไม่มีแรงจะกล่าวอันใดได้อีก ยามนี้สอบสวนก็ย่อมสะดวกมาก เจ้าทุกข์ว่านหม่านเจียงก็มาถึงแล้ว ใต้เท้ากาวถามอะไร ก็ตอบตามนั้น

เห็นได้ชัดว่า คดีมิได้ซับซ้อนอันใด ก็แค่พ่อบ้านรองชิวจิ้นไฉเป็นคนของจวนหย่งเซิ่งป๋อ ถูกส่งมาปฏิบัติงานต่างเมือง

ร้านสาขาของร้านสินค้าหย่งเซิ่งที่เทียนจินนับว่าเป็นงานต่างเมืองที่มีเงินมีทองอันดับหนึ่ง ชิวจิ้นไฉได้งานนี้มา ถังผิงเป็นน้องชายเครือญาติฝ่ายมารดา ตอนอยู่ซานซี ถังผิงปิดบังชื่อแซ่เข้าทำงานที่บ้านคนมีเงิน จากนั้นชิวจิ้นไฉก็ตามไป หลอกลวงไปได้หลายตระกูล ได้เงินทองมาไม่น้อย

ในพื้นที่มณฑลซานซี หย่งเซิ่งป๋อ อวี่หยวนกังมาจากตระกูลขุนพลระดับป๋อที่เมืองต้าถง และยังเป็นพระญาติราชวงศ์ ผู้ใดกล้าล่วงเกิน

การกระทำของชิวจิ้นไฉก็แค่หวังในทรัพทย์สิน ไม่ได้เกี่ยวพันถึงชีวิต ทางการมักจะปกป้อง ก็แค่ไม่สนใจเจ้าทุกข์ จะว่าไป สถานะอย่างจวนหย่งเซิ่งป๋อ นอกจากพวกบรรดาศักดิ์ระดับสูงหรือพวกแม่ทัพแห่งต้าถงแล้ว ผู้ใดจะกล้าไปมีเรื่องด้วย

ส่งมาดูแลการค้าร้านที่เทียนจิน ถังผิงก็ต้องมาเบิกทางก่อน ทว่าการค้าของร้านหย่งเซิ่งที่เทียนจินก็เป็นอย่างปกติดี ไม่ต้องการให้เขาเข้ายุ่งเกี่ยวอันใด

เมื่อว่างไร้งานให้ทำ ก็คิดแผนการไปไกล เห็นร้านค้าเหล่านี้ที่ทางแม่น้ำทะเลและคลองส่งน้ำ คลองส่งน้ำยังดี หากแม่น้ำทะเลเรียกได้ว่าทุกตารางเมตรเป็นเงินเป็นทองไปหมด หากมีร้านค้าในมือไว้ดำเนินกิจการแล้วล่ะก็ ก็ย่อมมีเงินทองก้อนใหญ่ไหลมาเทมา

ตำแหน่งหน้าร้านมี่ดีก็มีคนจองไปแล้ว ให้ยอมถอยให้ก็เป็นไปไม่ได้ ถังผิงคิดถึงวิธีการที่เคยทำมาที่ซานซี พ่อค้าใหญ่หรือพวกมีตำแหน่งบัณฑิตพวกนั้นไมกล้าล่วงเกิน เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องขึ้นมาจะต้องเจอกันเบื้องหลังที่เป็นผู้ใด จึงได้แต่หาพวกไร้อิทธิพลหนุนหลัง ไม่มีภูเขาที่พึ่งเบื้องหลัง ไม่มีตำแหน่งขุนนางบัณฑิตอันใด พวกนี้นับได้ว่าเป็นก้อนเนื้อแพะชิ้นอ้วนก้อนหนึ่ง

ร้านว่านเจียจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถังผิงเดิมเป็นคนจากในจวนส่งมา ทำการใดก็เย่อหยิ่งไม่น้อย คนในร้านหย่งเซิ่งเองก็ไม่มีใครกล้าบอกกล่าว ย่อมไม่มีผู้ใดกล่าวเรื่องต้องห้ามกับเขา

รอจนชิวจิ้นไฉมาเทียนจิน สองวันแรกที่มาถึงก็ตาลายทันที คิดไม่ถึงว่าจะรุ่งเรืองกันถึงเพียงนี้ น้องชายตนบอกว่าเตรียมการไว้พร้อมแล้ว จึงได้มาหาเรื่องถึงที่อย่างย่ามใจ ข่มขู่เงินสักก้อนก่อน แล้วค่อยฮุบร้านมา ถึงตอนนั้นก็ทำการค้ากันเองรวยเอง

พวกมาเก็บเกี่ยวโดยไม่ลงแรงพวกนี้ คนเก่าแก่ในร้านหย่งเซิ่งไหนเลยจะอยากเข้าใกล้ ชิวจิ้นไฉเองยังเย่อหยิ่งไม่น้อย คิดว่าเทียนจินเมืองเล็กๆ แค่นี้ เอ่ยชื่อนายตนออกไป ผู้ใดก็ย่อมต้องยอมสยบก้มหัวให้

ถามทุกอย่างเข้าใจแล้ว หากทำตามกฎหมายของราชวงศ์หมิง ชิวจิ้นไฉกับถังผิงยังทำการไม่สำเร็จ ว่านหม่านเจียงก็ไม่ได้เสียหายอันใด

หวังทงล่วงเกินไม่ได้ แต่การล่วงเกินหย่งเซิ่งป๋อสำหรับใต้เท้ากาวแล้วก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ในเมื่อทำไปตามความเป็นจริง หวังทงก็เป็นคนมีเหตุมีผล ก็ตัดสินให้ชิวจิ้นไฉชดใช้ให้ว่านหม่านเจียง 500 ตำลึงเป็นการปลอบใจละกัน ถังผิงก็ไล่ออกจากเทียนจินไป ก็นับว่ามีคำตอบที่ดีให้ทั้งสองฝ่ายแล้ว

ชิวจิ้นไฉถูกโบยจนเจ็บปวดแทบไม่อยากมีชีวิตต่อ ไหนเลยจะยังกล้ากล่าวอันใดในศาล ได้แต่กัดฟันรับผิดไป ส่งคนไปร้านหย่งเซิ่งให้ส่งคนมาประกันตัวออกไป

เขาคิดกระจ่างแล้ว ว่าคงต้องยอมอ่อนข้อไปก่อน ไว้กลับถึงร้านค่อยหาเส้นสายมาจัดการ จากนั้นก็จะไปเอาเรื่องกับนายกองพันที่ไม่เห็นนายท่านตนอยู่ในสายตา

แม้ว่าจะได้ชื่อว่าพ่อบ้านรอง แต่ชิวจิ้นไฉถูกส่งมาที่เทียนจินเพื่อเป็นเถ้าแก่ใหญ่ของร้าน ศักดิ์ศรีนี้ไม่อาจไม่เรียกคืน

*************

“เถ้าแก่ใหญ่ ล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน ท่านไปแตะหวังทงผู้นั้นทำไมกัน!”

ก้นและขาของชิวจิ้นไฉห้อเลือดไปหมด ทายาบางก็ร้องลั่น เถ้าแก่สองคนนั่งขมวดคิ้วสีหน้าอมทุกข์อยู่ข้างๆ ได้แต่พร่ำบ่นไป

“เขามันก็แค่นายกองพัน เหตุใดล่วงเกินไม่ได้ ข้าจะเขียนจดหมายไปฟ้องนายหญิง คนร้านหย่งเซิ่งเราโดนรังแกขนาดนี้ ข้าเสียหน้าไม่เท่าไร หากศักดิ์ศรีจวนเราเล่า! เจ้าทนได้ ข้าทนไม่ได้”

พ่อบ้านสองคนสบตากัน หนึ่งในนั้นก็ถอนหายใจกล่าวว่า

“ข้าว่านะเถ้าแก่ใหญ่ ท่านเพิ่งมายังไม่เข้าใจธรรมเนียมที่นี่ ร้านหย่งเซิ่งของนายท่านใหญ่อย่างไรก็ยังต้องร่วมทำการค้ากับร้านจิ้นเหอและร้านทงไห่ หวังทงผู้นั้นใช้ปืนใหญ่ถล่มร้านจิ้นเหอไปเลยนะ พวกเราจะเท่าไรกัน?”

“เราเป็นคนจวนหย่งเซิ่งป๋อ นายท่านเรานับได้ว่า……”

“เถ้าแก่ใหญ่ ท่านรู้ไหมว่าเบื้องหลังหวังทงคือผู้ใด? เบื้องหลังคือฮ่องเต้ เป็นขุนนางที่ทรงโปรดปรานอันดับหนี่งเลยนะ!”

เพราะโดนชิวจิ้นไฉเล่นจนทนไม่ไหว เถ้าแก่คนหนึ่งที่กล้าหน่อยก็อดกล่าวออกมาไม่ได้ พอกล่าวจบ ขิวจิ้นไฉก็แทบจะตกเตียง ในห้องเงียบกริบไปพักหนึ่ง

นานหลังจากนั้น ชิวจิ้นไฉจึงได้กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า

“……เจ้าถังผิงปิดบังข้ามาก่อเรื่องข้างนอกเช่นนี้ ทำเอาการค้าของตระกูลว่านต้องปั่นป่วน ใต้เท้าศาลให้เราชดใช้ 500 ตำลึง เราให้สัก 1,000……”

*************

เมื่อท้องฟ้าใกล้มืด คนร้านหย่งเซิ่งก็แบกชิวจิ้นไฉมาขอขมา ของขวัญเกือบสี่ร้อยตำลึง แต่ไม่อาจก้าวถึงหน้าประตูได้

องครักษ์หน้าประตูถ่ายทอดวาจาหวังทงมาว่า ‘ทำการซื่อสัตย์’ ข้าก็จะปกป้อง มิเช่นนั้น ไม่มีผู้ใดปกป้องเจ้าได้ แล้วก็ไล่ให้กลับไป

ทุกคนที่กลับเข้าจวนมาพอได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็พากันหัวเราะดังลั่นเป็นเรื่องตลกไป พอพ้นเวลาอาหารค่ำไป ไฟในห้องก็จุดสว่าง มีงานที่ต้องทำให้เสร็จ

หวังทงยังคงยกตุ้มหินอยู่กลางลานเพื่อออกกำลังกายประจำวัน และยังฝึกเพลงดาบเพลงทวนกับถานเจียงตามปกติ ก่อนจะเข้าห้อง

ไช่หนานและหยางซือเฉินก็รออยู่ในห้องหนังสือแต่หัววัน ช่วงกลางวันพวกเขาต้องไปรวบรวมเอกสารจากที่ต่างๆ มาตรวจสอบในตอนกลางคืน

“เรียนใต้เท้า ขุนนางกองพันม้านำพวกชื่อเฮยออกไปซื้อม้าแล้ว”

หวังทงรับผ้าเช็ดหน้าที่จางซื่อเฉียงส่งให้มาเช็ดเหงื่อก่อนจะพยักหน้ารับรู้ หยางซือเฉินยกพู่กันขึ้นท่าทางลังเล เอ่ยขึ้นว่า

“นายท่าน วันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกลางตลาดนั่น ต้องรายงานไปเมืองหลวงไหม นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย……”

“เขียนให้กระจ่าง เรื่องไม่มีใหญ่เล็ก สำหรับฮ่องเต้แล้วไม่มีอันใดปิดบังได้ เรื่องวันนี้ หากหย่งเซิ่งป๋อไปเอ่ยก่อน พวกพวกเราก็ย่อมดูไม่ดีเป็นแน่!”

หวังทงยิ้มตอบ ก่อนจะนั่งลงกล่าวว่า

“พรุ่งนี้อย่าลืมตามทังซานมา ไปทางนั้นกับข้าและใต้เท้าอวี๋ งานป้องกันริมแม่น้ำทะเลยังต้องร่วมคิดหาวิธีการออกมาให้ได้”

*************

วันรุ่งขึ้น หวังทงก็นำทหารที่ไว้ใจกับทังซาน พานหมิงและพวกลูกเรือจากทางใต้ที่ไว้ใจได้สองสามคนไปพบอวี๋ต้าโหยวพร้อมกัน

หลังปิดประตูหารือในช่วงเช้าจบลง ก็เอารถม้านำทุกคนวนรอบแม่น้ำทะเลและริมทะลรอบหนึ่ง หยุดชี้จุดเป็นระยะ คนนอกมองแล้วก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดทำอันใดกัน

วันที่ 1 เดือนห้า พวกทหารที่ฝึกอยู่แต่ในค่ายมาโดยตลอด และพวกที่อยู่ประจำกระจายตัวในเมืองและริมแม่น้ำทะเลก็เริ่มเคลื่อนพลมาที่แม่น้ำทะเล ค่ายฝึกเดิมก็ยกให้พวกนาวาสุคนธ์ไปอยู่แทน

เหลือกองทหารประจำการในเมืองไว้สองกอง ที่เหลือให้มาประจำอยู่บริเวณริมแม่น้ำทะเล เสบียงอันใดก็หาเติมได้สะดวก ให้เรือนำขนมาก็ได้

ศูนย์กลางย่านธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ริมแม่น้ำทะเล จัดให้เป็นลานกว้างโดยเฉพาะ ทุกคนจึงเคยชินที่จะมาเดินเล่น และยังมีพ่อค้าหาบเร่มาวางขายสินค้า วันที่ 1 เดือนห้า ช่างก่อสร้างก็มารวมตัวกันที่นี่ ยังมีรถใหญ่ขนวัสดุก่อสร้างมาด้วย

ผู้คนจำนวนมากมามุงดู แอบดูแอบฟัง ว่ากันว่าจะสร้างหอสังเกตการณ์ ทุกคนก็รู้สึกไม่เข้าใจ หอสังเกตการณ์มาสร้างกลางเมืองทำไมกัน และดูวัสดุก่อสร้างแล้ว หอสังเกตการณ์น่าจะสูงมาก

วันที่ 2 เดือนห้า ร้านค้าริมแม่น้ำทะเลที่เปิดร้านทำการค้าและบรรดาเรือที่เข้าเทียบท่าทั้งหลายต่างได้รับเทียบเชิญของนายกองพันองครักษ์เสื้อแพรหวังทง เชิญพวกเข้าให้ไปร่วมงานเลี้ยงที่โรงเตี๊ยมเงินไหลมา

ใต้เท้าหวังเชิญ เป็นเกียรติที่หาได้ยาก ไม่มีผู้ใดกล้าไม่ไป พอไปถึงโรงเตี๊ยมเงินไหลมาเสร็จ กลับมาทุกคนก็รู้สึกแปลกใจ

ร้านค้าทุกร้านได้รับคำสั่งว่า จากนี้ไปในเขตพื้นที่นี้ไม่ว่าเวลาใด หากได้ยินเสียงนกหวีดทองแดงดังขึ้น ไม่ว่าจะทำอันใดอยู่ ทุกคนต้องปิดประตูปิดหน้าต่างให้แน่นหนา ผู้ชายให้หยิบของที่พอเป็นอาวุธได้เตรียมป้องกัน ไม่ว่าข้างนอกเกิดเหตุอันใดก็ห้ามออกมา นอกจากได้ยินเสียงแตรดังขึ้นจึงออกมาได้

หากผู้ใดละเมิด จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก บรรดาพ่อค้าต่างก็แปลกใจ นี่มันทำเอาทุกคนเสียเวลาทำการค้าไปหรือเปล่านี่? แต่พ่อค้าที่มาจากทางใต้ ยังมีพวกชาวเรือที่ไม่คิดเช่นนี้ ทุกคนพอจะเดาความนัยได้ พวกที่ปากไวก็กล่าวอธิบายไขข้อข้องใจว่า นี่เป็นวิธีการป้องกันโจรสลัด ทางนี้ติดทะเล ใต้เท้าหวังนับว่าคิดแทนทุกคนแล้ว ที่เจ้อเจียงฮกเกี้ยนทางใต้ การป้องกันเช่นนี้ล้วนต้องร่วมลงขันเงินจ้างคนมาทั้งสิ้น

ทุกคนเริ่มคิดได้ อย่างไรก็เกี่ยวพันถึงทรัพย์สินเงินทองของตน หลายปีมานี้สงบเกินไป แต่พวกโจรสลัดนั้นทุกคนก็พอได้ยินมาบ้าง หากป้องกันได้ก็ป้องกันไว้ดีกว่า

และตั้งแต่เดือนห้าไป หลังเลยเที่ยงคืนไป ก็จะมีทหารจับคู่มาเดินลาดตระเวน กลางวันสวมชุดองครักษ์เสื้อแพร สองคนหนึ่งกลุ่ม เดินลาดตระเวนไปตามถนนต่างๆ

หอสังเกตการณ์นั้นสร้างกันทุกวัน พลทหารติดอาวุธพร้อมก็เดินลาดตระเวนทุกวัน ทุกคนเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ในใจรู้สึกปลอดภัยขึ้นไม่น้อย นอกจากนี้พวกขโมยขโจร พวกต้มตุ๋น ขอทานอะไรพวกนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนค่อยๆ เริ่มชินแล้ว

เดือนห้า การขนส่งบนคลองส่งน้ำและทางทะเลก็เริ่มคึกคัก……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!