Skip to content

องครักษ์เสื้อแพร 386

ตอนที่ 386 ศัตรูบุกทางทะเล วางเพลิงเผาเรือ

กลางเดือนหก ผู้คนในเมืองเทียนจินต่างก็ ‘ร้อน’ อย่างยิ่ง แต่กลางคืนก็ยังพอเย็นสบายอยู่มาก โดยเฉพาะริมทะเล

เรือทะเลมากมายที่มาถึงเทียนจินทั้งวันทั้งคืน ฟ้ามืดแล้ว ก็เข้าเทียบท่าทอดสมอที่ชายหาดตื้น โชคดีจะได้เข้าจอดในอ่าว ริมทะเลแม้ว่าจะรกร้างอยู่บ้าง แต่ก็ค่อยๆ เจริญขึ้นแล้ว พ่อค้าต่างก็มองเห็นโอกาสทางการค้า ณ พื้นที่แห่งนี้ สร้างเพิงพักง่ายๆ กันขึ้นที่นี่ เพื่อขายสุราอาหาร หรือไม่ก็รวมตัวกันเล่นพนัน

บางคนคิดว่าพื้นที่แห่งนี้ช้าเร็วจะต้องมีราคาแน่ รีบลงมือก่อน ไม่แน่อาจจะได้กำไรก้อนโตเช่นเดียวกับริมแม่น้ำทะเล แต่พอสอบถามทางการ จึงได้รู้ว่าที่นี่เมื่อหนึ่งปีก่อนถูกร้านสามธาราซื้อไปแล้ว ความร่ำรวยต้องพึ่งสายตาแหลมคมจริงๆ

พวกพ่อค้าและหัวหน้าที่พอมีเงินก็จะไปหาความสำราญในเขตการค้า พวกไม่มีเงินก็จะรวมตัวกันอยู่แถวเพิงแห่งนี้ พอหลังเที่ยงคืน ก็ต้องเงียบลง วันรุ่งขึ้นยังต้องทำมาหากิน ไม่นอนก็ย่อมไม่มีแรง

ริมแม่น้ำริมทะเลเงียบลง แต่บางคนยังไม่นอน ที่ริมทะเลและริมแม่น้ำมีคนถือคบเพลิงและตะเกียง

บนทะเลห่างจากฝั่งไปราวสองสามลี้ เรือเกือบร้อยลำกำลังค่อยๆ แล่นเข้ามา ลำหน้าสุดเป็นเสากระโดงคู่ เรือกวางตุ้งที่ลอยลำสูงว่าระดับน้ำอยู่มาก เรือลำนี้อย่างน้อยน่าจะ 1,000 เคอ ปืนใหญ่สองกระบอกดำมันวาวหน้าเรือ มองแล้วน่าเกรงขามยิ่ง ด้านหน้าเรือยังมีชายฉกรรจ์สวมชุดแขนสั้นกลุ่มหนึ่ง

แสงไฟจากหน้าเรือทำให้เห็นว่าชายเหล่านี้สวมชุดเกราะไม่เลวอยู่ด้วย หัวหน้ารูปร่างสูงใหญ่กว่าคนอื่นมาก มีเครายาวชี้ ท่าทางดุดัน บนแผ่นหลังเหน็บดาบเล่มโต ชายฉกรรจ์รายรอบก็ดูองอาจกล้าหาญ ในนั้นมีสิบกว่าคนรูปร่างเตี้ยโกนหัวด้านหน้า ด้านหลังมีมวยผม

ฝูงชนกลุ่มนี้พากันจ้องมองเขม็งมายังบนฝั่ง เห็นแสงไฟกระพริบ มีสองสามคนปีนขึ้นไปบนกระโดงเรือ รอจนแสงไฟกระพริบจบ ก็มีคนผู้หนึ่งหันหน้ามากล่าวอย่างตื่นเต้นว่า

“ท่านหู่ ซ้ายสามขวาบนห้าล่างสอง เข้าเทียบท่าได้แล้ว!”

พอรายงานจบ คนรอบๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหว ทุกคนมองไปยังทิศทางที่ชายผู้นั้นมองไป มีชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างลังเลว่า

“ท่านหู่ นายใหญ่กล่าวว่าเทียนจินแตะต้องไม่ได้ ทำการค้ากับพวกเขาก็มีกำไรเหมือนกัน……”

ชายผู้นั้นถ่มน้ำลายก่อนจะกล่าวหยาบคายว่า

“การค้าใหญ่แล้ว ความกล้าก็หดลง พวกเราโต้แรงคลื่นลมกันมา ริมทะเลมีอันใดแตะต้องไม่ได้ ชีจี้กวงอยู่ตอนเหนือ ที่นี่ก็แค่เด็กหนวดเครายังไม่งอกรักษาการณ์ ยังต้องกลัวบ้าบออันใด!!”

“พี่น้องเราตายที่นี่ เรือเราถูกมันแย่งชิงไป ตอนนี้เนื้อก้อนโตจ่ออยู่ที่ปาก หากเรายังไม่งับ ก็ย่อมผิดต่อตนเองแล้ว!”

เสียงหัวเราะรอบๆ ดังขึ้นพร้อมกัน แย่งกันพูดว่า

“ท่านหู่กล่าวได้ถูกต้อง เทียนจินอวบอ้วนมาก พวกเราไม่ลงมือได้อย่างไร ปล้นไปได้ พอดำรงชีพไปได้ชั่วชีวิต”

“จะว่าไปหากเราไม่ปล้น ช้าเร็วก็ย่อมมีผู้อื่นลงมือ!!”

ชายฉกรรจ์ที่ทุกคนเรียกว่า ท่านหู่ โบกมือขึ้นออกคำสั่งเสียงเยียบเย็นว่า

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไปยังเรือทุกลำ เทียบท่า!”

ผู้คนรอบ ๆ กระจายกันออกไปรอบทิศ แยกกันไปตามเรือต่างๆ บ้างก็ถือคบไฟกระพริบเป็นสันญาณ บ้างก็ตะโกนบอกเรือเล็กข้างๆ

************

หอสังเกตการณ์มีพลประจำการสี่นาย ทุกคนมองไปทิศทางเดียวกัน รวบรวมสมาธิตรวจสอบอย่างตั้งใจ ทุกหนึ่งชั่วยามจะผลัดเวรหนึ่งกะ

เพราะจะมีนายทหารมาตรวจเป็นครั้งคราว หากพบกว่าแอบหลับหรือแอบขี้เกียจก็จะถูกลงโทษทางวินัย มีสองคนเคยโดนจับได้และโดนโบยไป 100 ไม้ และถูกขับออกจากการรายชื่อทหาร น่าสงสารที่ถึงตอนนี้ยังลุกจากเตียงไม่ไหว

เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน หอสังเกตการณ์เห็นแต่ผืนความมืดโดยรอบ มีเพียงแสงไฟจากโคมที่แขวนไว้ตามจุดบางจุดเท่านั้น

เมื่อสังเกตความมืดรอบตัว ก็มักทำให้คนรู้สึกน่าเบื่อ ทหารประจำการก็เริ่มเมื่อยตา คิดจะสัปหงก แต่พอแค่คิดก็รีบหยิกท้องแขนตัวเองทันทีอย่างแรง เจ็บจนน้ำตาเล็ด

ชั่วเวลาเพียงกระพริบตา ก็มองเห็นแสงกะพริบจากทางนั้นราง ๆ สภาพอากาศค่อนข้างแจ่มใส กลางคืนสามารถมองเห็นแสงในระยะไกลได้ ทหารขยี้ตา ยังคิดว่าตนเองมองผิดไป

แต่แสงไฟยังคงกระพริบไม่หยุด ริมฝั่งยามค่ำคืนมีแสดงไฟก็เพื่อนำทางเรือให้เข้าฝั่ง ทหารมองไปอีกสองสามที ก็ตะโกนดังลงมาด้านล่างว่า

“ทางตะวันออกมีแสงไฟ!!”

กองกำลังด้านล่างก็กรูกันออกมาจากในห้อง เงยหน้ามองขึ้นไปหอสังเกตการณ์ ทหารประจำการด้านบนจ้องมองอย่างละเอียดอีกทีก็ตะโกนรับรองลงมาว่า

“เหมือนมีใครบางคนกำลังถือคบเพลิง บนท้องทะเลก็มีแสงไฟรางๆ แต่บอกไม่ถูกว่าจะใช่แสงดาวหรือไม่……”

“สามคนขี่ท้าไปตามทิศนั้น! เจ้ารีบไปแจ้งกองกำลังละแวกนี้ ให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อม”

นายกองออกคำสั่งลงไป ทหารบริเวณด้านล่างหอสังเกตการณ์ก็เริ่มเคลื่อนไหว

************

เรือขนาดต่างๆ เทียบท่า ลูกเรือทยอยถืออาวุธกระโดดลงน้ำที่ไม่ถึงระดับหน้าอก เดินมาทางฝั่ง ไม่นานก็มีเสียงตะโกนต่อกันมาเบาๆ

เรือจอดอยู่ที่ชายหาดล้วนเงียบสงบ ยามนี้พวกเขาอาจยังคงหลับใหล หรืออาจจะพบการเคลื่อนไหวด้านนอก แต่ไม่กล้าขยับตัว

การเคลื่อนไหวของโจรสลัดเหล่านี้รวดเร็ว ไม่นานเท่าไร บนฝั่งก็มีชายฉกรรจ์พร้อมมีดดาบยืนเรียงเต็มพื้นที่ มองคร่าวๆ แล้วก็ราว 4,000 กว่าคน ในนั้นมีกลุ่มหนึ่งยังแต่งกายชุดเหมือนกัน ตัวค่อนข้างเตี้ยแคระ บ้างก็ถือดาบยาวทรงแคบ บ้างก็ถือทวนสั้นเจ็ดเชียะ

ผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านหู่นั้นยืนอยู่บนเรือลำหนึ่ง มีคนคอยดันให้มาถึงชายหาด ชายผู้นั้นก้าวลงจากเรือ เดินไปยังเบื้องหน้าทุกคน ผู้ติดตามสองนายถือคบไฟเดินตามมายืนด้านหลังเขา

ชายผู้นี้ตะเบ็งเสียงดังว่า

“เดินไปอีกราวหนึ่งชั่วยามกว่า ทางนั้นก็คือเมืองเทียนจิน เงินทองและผู้หญิงของดีอะไรมีครบ ทางนั้นมีทหารแค่สามพันกว่านาย หากเกิดเหตุชุลมุน พวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะต้องป้องกันตนเองได้……เรือหลายลำของท่านสี่ก็เข้าไปทางแม่น้ำทะเลแล้ว ทางนั้นให้จัดการทางนั้น แบ่งกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนติดตามนายของตน อย่าแตกแถว อย่ามัวแย่งชิงกันเอง ได้ยินเสียงสัญญาณผิวปากก็สลายตัว ข้าจะบอกอีกรอบ ปล้นชิงในพื้นที่ของตน อย่ากระจัดกระจายไปแย่งชิงกันเอง มิเช่นนี้ดาบของข้าคงได้ลิ้มรสโลหิตพวกเจ้า เข้าใจแล้วใช่ไหม!!”

พวกยืนอยู่ด้านหน้าตะโกนตอบรับพร้อมเพรียง ด้านหลังก็ส่งเสียงตอบรับประปราย ท่านหู่ผู้นั้นแสยะยิ้มกว้าง ดึงดาบใหญ่ด้านหลังออกมาโบกสะบัด ตะโกนดังว่า

“พวกเราคืนนี้จะได้มีความสุขกันแล้ว บุก!!”

บรรดาโจรสลัดระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นรีบเดินตามไปอย่างพร้อมเพรียง

*************

ทุกที่ที่จอดเรือได้ก็จะเริ่มมีเรือตั้งแต่เดือนห้า ล้วนเป็นเรือที่จอดเทียบไว้พร้อมผ้าอาบน้ำมันคลุมไว้ ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ ทำเอาดูลึกลับมาก

ทว่าท่าเรือหลายแห่งมีเรือเข้าออกมากมาย จึงไม่มีผู้ใดคิดจะสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ น้อยคนที่จะสังเกตเห็น บนเรือเหล่านี้ยังมีคนเฝ้าอยู่ นอกจากเปลี่ยนเวรแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่ออกมาเดินเพ่นพล่าน

สองกะผลัดเวรกัน แต่ละกะยังมีสลับเวียน เพื่อรับประกันได้ว่าบนเรือมีคนที่ตื่นตัวป้องกันอยู่ หน้าที่ของพวกเขาก็ง่ายมาก ก็แค่ไม่ให้ผ้าอาบน้ำมันนั้นเลิกออกให้เห็นว่าด้านในคืออะไร

เมื่อเรือโจรสลัดจอดเทียบชายฝั่งก็ทอดสมอ ทหารที่ริมทะเลก็รู้ตัวแล้ว แต่ก็ยังทำตามคำสั่งเดิม พวกเขาไม่เคลื่อนไหวอันใด แค่เรียกทุกคนให้ตื่น และรอเท่านั้น

โจรสลัดจำนวนมากเดินมุ่งไปทางย่านการค้าริมแม่น้ำทะเล เสียงจอกแจกจอแจเมื่อครู่เริ่มเงียบลง

เรือหลายลำที่จอดเทียบท่าอยู่ในอ่าวก็เปิดผ้าอาบน้ำมันออก ทหารเคลื่อนย้ายไหมาหลายใบ เปิดไหออก เอาน้ำมันในนั้นทาของบนเรือแล้วก็มัดด้วยหญ้าแห้ง

แปดคนบนเรือร่วมกันพาย ความเร็วช้าแต่ก็ไม่หยุดนิ่ง แม้ว่าบนเรือจะยังมีโจรสลัดเฝ้าอยู่ แต่เพราะไม่ได้ออกปล้นชิงบนฝั่งด้วย ทุกคนจึงดูหมดอาลัย

กอปรกับที่ริมทะเลเดิมก็รกร้างอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนพบเห็น จึงไม่ได้สังเกตว่ามีเรือสองสามลำเริ่มเข้าประชิด

แม้ในเวลากลางคืน แต่แสงโคมเหนือลำกระโดงเรือก็ทำให้หาเรือลำใหญ่ที่สุดพบ พลทหารนายหนึ่งถือคันธนูลงนั่งยองบนหัวเรือ จับจ้องมองเรือลำนั้นอย่างไม่วางตา มีเพียงสี่นายพายเรือ ด้านหลังมีคนปล่อยเรือที่อยู่ท้ายเรือลงน้ำ จากนั้นใช้เชือกมัดเข้าหากัน

**************

บนเรือลำใหญ่นั้นมีคนเฝ้าอยู่ห้าคน กำลังคุยไปด่าไป ได้ยินเสียงประตูด้านข้างเรือดัง ก็พากันตกใจ รีบคว้าอาวุธเดินไปดู

ยังเดินไปไม่ถึง ก็มีเสียง ‘ฟู่’ ดังขึ้น ไฟอยู่ๆ ก็ลุกพรึ่บ เรือทำจากไม้ ทุกคนจึงได้แต่ลนลาน รีบก้าวเข้ามา

**************

ใช้ขอเหล็กขนาดใหญ่เกี่ยวกับเรือลำใหญ่ไว้ เรือทั้งหมดผูกติดกับเรือลำใหญ่สุด ตัวเรือเหมือนจะแนบสนิทกัน พลทหารวิ่งไปท้ายเรืออย่างรวดเร็ว คนหนึ่งหยิบคบไฟเทน้ำมันสุมฟืนจุด กองไฟลุกพรึ่บขึ้นอย่างรวดเร็ว ผ้าใบมอดไหม้ เรือติดไฟทั้งลำ เรือใหญ่ก็ถูกเผาไหม้ไปด้วย

ขอเหล็กขนาดใหญ่เกี่ยวกับตัวเรือ เรือใหญ่แม้จะลอยเหนือระดับน้ำมาก แต่คนบนเรือก็ไม่อาจตัดขอเหล็กนั้นให้ขาดได้ มีคนใจกล้าคิดกระโดดลงมา ก็ถูกทหารยิงด้วยธนู ไม่ทันส่งเสียงร้องก็ร่วงตกจากเรือ ทำให้คนที่เหลือไม่กล้าโดดลงมา ทุกคนไปหลบกันหลังเรือ

เมื่อเห็นไฟเผาเรือใหญ่ทั้งลำไปครึ่งหนึ่ง เรือรักษาไว้ไม่ได้แล้ว โจรสลัดบนเรือก็ไม่กล้าอยู่ต่อ ได้แต่ทยอยโดดลงน้ำ

เรือสำเภาลำนั้นแล่นออกไปไกลแล้ว เวลาประมาณหนึ่ง เรือหลายลำของโจรสลัดก็ถูกเรือติดไฟเข้าใกล้ เริ่มเผาไหม้ต่อๆ กัน……

***************

ถึงแม้ว่าระยะทางจะไกลมาก แต่หอสังเกตการณ์ก็ยังคงมองเห็นไฟไหม้บนท้องทะเลได้ชัดเจน เสียงเตือนภัยดังขึ้น ทหารรีบวิ่งขึ้นมาบนหอสังเกตการณ์

“มีศัตรูมาจากทางตะวันออก ส่งสัญญาณเตือนภัย!!”

เสียงนกหวีดทองแดงหวีดังขึ้นทั่วริมแม่น้ำทะเล……

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!