ตอนที่ 392 สั่งสมทรายก่อเจดีย์ ช่วยเหลือยามเกิดภัย
หลังจากหวังทงตะโกนความคิดของตนออกมา ผู้คนเบื้องล่างอุทานด้วยความรู้สึกเลื่อมใส หลังจากสับสนงุนงงสักพัก บางคนก็กลับเผยท่าทางอย่างเสียไม่ได้ออกมา
ทำเอาหวังทงสับสน ลังเลครู่หนึ่ง ก็ตะโกนถามคนตรงหน้าคนหนึ่งตรงๆ ว่า
“ที่ข้ากล่าวมานั้น เจ้ามีความเห็นเช่นไร!?”
ชายคนที่อยู่หน้าสุด เป็นพ่อค้าอันดับต้นๆ ในเทียนจินตอนนี้ ถูกหวังทงถามเช่นนี้ก็ลนลานก่อนจะกลับสู่ปกติ คำนับหวังทงก่อนจะกล่าวว่า
“ข้าน้อยมีวาจากล่าว ขอท่านโปรดอภัย”
หวังทงพยักหน้ากล่าวว่า
“เชิญกล่าว”
“โจรสลัดบุก หากไม่ได้ใต้เท้านำกองกำลังออกปราบปรามทั้งคืน ผู้คนที่นี่อย่างน้อยหกส่วนก็ย่อมล้มละลาย หรืออาจจะต้องสูญเสียบุตรภรรยาก็ไม่แน่ บุญคุณยิ่งใหญ่ พวกข้าน้อยจดจำไว้แล้ว นอกจากนี้ใต้เท้ายังยุติธรรม ไม่ต้องการกอบโกยมากขึ้นแม้เพียงหนึ่งอีแปะ พวกข้าน้อยเองก็เห็นอยู่ทุกคน”
กล่าวจบ ความเงียบสงบเบื้องล่างก็กลายเป็นความโกลาหลเล็กน้อย พ่อค้าต่างก็พยักหน้าสบตากัน เสียงวิพากษ์วิจารณ์เล็กๆ ดังขึ้นสอดรับ สิ่งที่หวังทงทำนั้น ทุกคนล้วนเห็นด้วยตา เป็นความจริงอย่างที่สุด
“ถึงแม้ข้าน้อยจะทำการค้า แต่ก็รู้ว่าการทหารต้องใช้เงินไปราวกับสายน้ำไหล หากต้องการให้พวกข้าน้อยออกแรง ใต้เท้าเชิญกล่าวมาได้ พวกข้าน้อยได้รับความเมตตาจากใต้เท้า หรือว่าเรื่องแค่นี้จะไม่ได้ ใช่เป็นที่น่าขบขันของผู้คนใต้หล้าหรืออย่างไร!”
พ่อค้าเบื้องล่างเริ่มมีเสียงดัง แต่ไม่ได้มีความคิดเห็นคาน ใต้หล้านี้ทำการค้าก็ต้องส่งใต้โต๊ะให้ทางการ นี่เป็นหลักการที่เป็นสัจธรรมที่สุด ใต้เท้าหวังเก็บภาษีและค่าป้ายสงบสุขก็เก็บให้ทางการ ส่งเข้าวังหลวง ตนเองกลับได้ไม่เท่าไร เรื่องนี้ทุกคนรู้แก่ใจดี
ตอนนี้ใต้เท้าหวังต้องการระดมทุนเปิดร้าน หรือเห็นว่าทุกคนไม่รู้งานกัน
ทว่านี่เป็นหลักการทำงานของหวังทงมาโดยตลอด มิเช่นนั้น พ่อค้าใดจะกล้าหาญออกมากล่าวเรื่องนี้เปิดเผยกัน
คนที่ถูกเรียกถาม สีหน้าจริงจังเต็มไปด้วยคุณธรรม ราวกับว่าได้กระทำเรื่องยิ่งใหญ่อันใด หวังทงที่ยืนอยู่ยนโต๊ะไม้ก็อึ้งไป สีหน้าเฝื่อนจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ได้แต่โบกมืออย่างเสียไม่ได้กล่าวว่า
“ทุกทาน ข้าหากขาดแคลนเงินทอง ก็เพิ่มภาษีเอาก็ได้ ไยต้องเปิดร้านด้วย ข้าแค่ต้องการถามทุกคนว่า ทุกคนทำการค้า ความเสี่ยงไม่ต้องพูดถึง แต่ใครเล่ากล้ากล่าวว่า เรือของตน สินค้าของคน ชั่วชีวิตบนท้องทะเลจะปลอดภัยจากคลื่นลม ไม่พบเจอโจรสลัด?”
ในยุคสมัยนี้ออกทะเลเป็นเรื่องเสี่ยงภัยมาก เรือสิบลำออกไป มีแค่หกเจ็ดลำกลับถึงฝั่งได้นับเป็นเรื่องปกติ พบเจอโจรสลัดก็เป็นเรื่องปกติ พ่อค้าต่างเห็นด้วย
“เรือสินค้าหนึ่งลำ ร้านค้าร้านหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องห้าหกหมื่นตำลึง ทุกท่าน เงินก้อนโตเช่นนี้ ร้านค้าขนาดกลางและเล็กก็ย่อมล้มละลาย ร้านค้าใหญ่เกรงว่ายังต้องเจ็บไปนาน แต่เงินก้อนใหญ่นี้ หากทุกคนช่วยกันในยามเกิดภัย บริจาคกันคนละน้อย ก็ใช่ว่าช่วยไม่ได้”
มันยังคงเป็นสิ่งที่อันตรายมากที่จะออกไปสู่ทะเลในยุคนี้เรือสิบลำกำลังออกทะเลและเป็นเรื่องปกติที่เรือหกหรือเจ็ดลำจะกลับไปที่ท่าเรือมันเป็นเรื่องปกติที่จะพบกับโจรสลัดพ่อค้าดังต่อไปนี้เห็นด้วยกับทุกคน
รอบด้านเงียบกริบ นายกองพันหวังใช่ว่ากำลังเรียกเงินจากทุกคน แต่ดูเหมือนว่ากำลังทำเรื่องดีๆ ให้ทุกคน
“ความหมายของข้าก็คือให้ทุกคนออกเงินกันตั้งร้านขึ้นร้านหนึ่ง สั่งสมทรายก่อเป็นเจดีย์ หนึ่งคนหนึ่งร้านทำไม่ได้ พวกเราเทียนจินคนมากมาย หลายร้านรวมกันย่อมไม่ยาก ทุกคนออกเงินร่วมทุน ให้ร้านนี้ทำการค้า หากร้านผู้ใดเกิดเหตุ ร้านผู้ใดประสบภัย ก็ใช้เงินจากร้านนี้ชดเชยให้ ทุกคนเห็นเช่นไร!?”
ใบหน้าของทุกคนแสดงสีหน้าเต็มไปการรับรู้ยิ่งใหญ่ เดิมเป็นเช่นนี้เอง แต่สีหน้าทุกคนก็งุนงงต่อ มีคำถามมากมายอยากจะถาม
“ทุกท่านมีปัญหาอันใดโปรดถามมา ข้าจะตอบทุกคำถาม!”
“ใต้เท้าหวัง ร้านนี้ให้ผู้ใดดูแล?”
“ในเมื่อร่วมทุน เช่นนี้ให้ร่วมทุนหนักก็ให้ผู้นั้นดูแล เหมือนร้านค้าปกติ”
“ใต้เท้าหวัง ไม่ว่าอย่างไร ขอเพียงเกิดเรื่อง ผู้นั้นก็จะได้ชดเชยหรือ?”
“ย่อมไม่ใช่ ทุกเรื่องย่อมเป็นการค้า ไม่จ่ายเงินให้ร้านเรา ก็ย่อมไม่รับประกันร้านนั้น ทว่า ข้าเองมีคำถามถามทุกท่าน หากรับรองหนึ่งร้อยตำลึงจ่ายห้าตำลึง หากไม่มีเรื่อง จ่ายเปล่าๆ ห้าตำลึง หากมีเรื่อง ร้านนี้ชดเชยให้หนึ่งร้อย คิดว่าคุ้มไหม?”
รอบด้านเงียบลงอีก จากนั้นก็เริ่มมีเสียงอื้ออึงดังขึ้น ทุกคนมีคำถามจะถาม ด้านหน้าถาม ด้านหลังก็ส่งคำถามขึ้นมาด้านหน้า
“ใต้เท้าหวัง ล่องเรือกลางทะเล ตามหลักเช่นนี้ แต่ทุกคนร่วมทุนร้านนี้ ร้านนี้ใช่ว่าจะต้องจ่ายเงินออกทุกวันหรอกหรือ สุดท้ายเงินก้อนโตจ่ายหมดจะทำเช่นไร หรือว่าทุกคนก็ต้องระดมเงินลงไปเพิ่ม?”
หวังทงยิ้มส่ายหน้า ในโลกก่อน อาจารย์กล่าวถึงปัญหานี้ให้นักเรียนทุกคนถามคำถาม ทุกคนเหมือนคนพวกนี้ แต่คำถามส่วนใหญ่หวังทงมีคำตอบแล้ว ไม่ได้สร้างความลำบากให้เขาแม้แต่น้อย
“หลายคนระดมเงินจำนวนมาก น่าจะเป็นก้อนโต ทุกท่านลองคิดดู เงินก้อนนี้อยู่ในมือผู้ใด เทียนจินเป็นสถานที่เช่นไร คิดจะทำการค้าใช่ว่าเรื่องง่ายดายยิ่งหรอกหรือ……”
“ใต้เท้าหวัง หากร้านนี้ทำการค้าขึ้นมา เงินทุนมากมาย พวกพ่อค้าจากทะเล จากแม่น้ำ ใช่ว่าจะถูกร้านนี้กลืนลงท้องไปหมดหรือ เช่นนี้ทำให้ทุกคนไม่อาจทำการค้าต่อไปได้หรอกหรือ?”
มีคนหนึ่งถามตรงประเด็น หวังทงยกมือขึ้นยิ้มกล่าวว่า
“เงินมากขนาดนี้ หากไปแย่งการค้ากับทุกร้าน ก็ย่อมราวกับเอาแตงโมไปแลกเม็ดแตง เอามากแลกน้อย ริมแม่น้ำทะเลทางนั้นยังเป็นพื้นที่รกร้าง ฝั่งด้านใต้ยังเป็นที่นา หากสร้างเป็นร้านค้า โกดัง ถนน หรือท่าเรือ เทียนจินวันหน้าไม่รู้ว่าจะสร้างอะไรอีกมากมายเท่าไร สร้างสิ่งเหล่านี้ ต้องใช้คนมาก ต้องใช้สิ่งของมาก ต้องใช้เงินมาก ใช่ว่าจะมีภูเขาเงินภูเขาทองเสียหน่อย”
หวังทงกล่าวจบก็คอแห้ง กล่าวถึงตรงนี้ก็หยุด หันไปสั่งทหารข้างๆ ว่า
“ส่งน้ำชามาดื่มกาซิ!”
ทหารอึ้งไปก่อนจะรีบไปหยิบมา การเคลื่อนไหวหลุดกรอบเช่นนี้ไม่มีผู้ใดหัวเราะ เพราะกำลังใจจดใจจ่อกับสิ่งที่หวังทงกล่าวมา พอดื่มชาไปสักสองสามคำ หวังทงก็กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า
“วันหน้า ทั้งร้านค้า โกดัง ถนนหนทาง การจัดการพื้นที่ การก่อสร้าง ก็จะมอบให้ร้านนี้ดำเนินการ สิ่งที่สร้างขึ้นย่อมเป็นของทางการ ทางการออกเงินสร้าง ให้กำไรเท่ากับร้านทั่วไป หากไม่มีเงินก็จะใช้ค่าเช่าและเงินที่เก็บได้จากการพื้นที่เหล่านี้มาคืนแทน หากมีเงินพอ ทุกคนการเงินหมุนเวียนติดขัดก็สามารถมากู้เงินไปใช้ในการค้าก่อนได้ ดอกเบี้ยก็คิดตามราคาท้องตลาด”
เบื้องล่างเงียบไปทันที หลายคนมองไปรอบด้านตามสัญชาตญาณ แม้ว่ารอบๆ จะมีสิ่งก่อสร้างบดบัง สายตามองไปได้ไม่ไกล แต่ทุกคนรู้ดีว่าพื้นที่การค้าริมแม่น้ำทะเลมีหลายที่ยังไม่เปิดพื้นที่ เรื่องการก่อสร้างจะทำกำไรหรือไม่ ดูค่าเช่าร้านค้าและโกดังริมทะเลนี้ก็รู้แล้ว
ทุกเดือนจ่ายค่าเช่าไป คนนอกมากมายรอซื้อต่อราคาสูงตั้งเท่าไร ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องที่ร้านหย่งเซิ่งกับร้านว่านเจีย พื้นที่แม่น้ำทะเลราวกับทองคำ ร้านบุกเบิกพื้นที่ใหม่สร้างขึ้นใหม่ นับได้ว่าขุดทองเลยทีเดียว!
และยังให้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนได้อีก มีหวังทงรับประกัน หรือว่าจะกลัวว่าใครกู้ยืมไปแล้วจะไม่คืนกัน นับประสาอันใดกับเทียนจินริมแม่น้ำทะเลที่เป็นพื้นที่สร้างเงินสร้างทองทุกตารางนิ้วเช่นนี้ ทุกคนยืมเงินไปจะไม่สร้างดอกเบี้ยให้หรือไง?
พวกที่คิดได้ก็ย่อมรู้ว่าร้านเปิดใหม่ย่อมกำไรมั่นคงไม่ขาดทุนเป็นแน่ ในใจพ่อค้าต่างคิดคำนวณ ตอนนี้ทุกคนกำลังคิดอยู่ในใจ การลงทุนร้านนี้ทำกำไรได้หรือไม่
“ใต้เท้าหวัง ข้าน้อยมีคำพูดบางอย่างไม่ทราบว่าควรถามหรือไม่?”
“ถามอันใดก็ได้!?”
“ในเมื่อทุกคนร่วมทุน ทุกปีร้านค้าได้กำไร การแบ่งสรรกำไรทำเช่นไร!?”
“ในเมื่อเป็นร้านค้า ทุกอย่างก็เป็นตามกฎร้านค้า ทุกปีจัดสรรกำไรย่อมแบ่งให้ทุกคน แต่ปีต่อไปยังต่อพัฒนาต่อ ย่อมต้องกันกำไรส่วนหนึ่งไว้ที่ร้าน ทุกอย่างเหมือนกันกับการดำเนินการทั่วไป”
หวังทงตอบด้วยรอยยิ้ม คนต่างล่างต่างละทิ้งธรรมเนียมมารยาท ทุกคนคิดคำนวณไปวิจารณ์ไป ร้านนี้ดูอย่างไรก็มีแต่กำไรไม่มีขาดทุน หากเกิดเรื่องย่อมต้องจ่ายชดเชย แต่เรื่องพวกนี้ก็ใช่ว่าพบเห็นบ่อย อย่างไรก็กำไร
“ร่วมทุนตามสมัครใจ ถอนทุนตามสมัครใจ แต่ข้าบอกไว้ก่อนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ทำอันใดก็ได้ นอกจากนี้คนออกเงินมาก็จะได้ประโยชน์ยิ่งมาก ถึงตอนนั้นให้เลือกตัวแทนเจ็ดคนจากทุกคน ทางการส่งเจ้าหน้าที่สองคนเป็นตัวแทน ยังมีอีกตัวแทนหนึ่งที่หมุนเวียนไป เพื่อตรวจสอบการทำการของทุกคน……ไม่ต้องเกรงกลัวอันใด ตัวแทนทางการ ทางการก็ย่อมออกเงินสองส่วน ให้เงินสด มีโกดังเก็บเงินโดยเฉพาะ ทุกท่านตรวจสอบได้ตลอดเวลา ก็เพื่อให้ทุกคนสบายใจ!!”
ทุกอย่างกล่าวกระจ่างชัด ทุกคนวิจารณ์กันไม่หยุด หวังทงบนโต๊ะได้แต่อมยิ้มมองลงมา รอจนผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่เห็นเงียบ จึงหันไปโบกมือให้ทหารข้างๆ ทหารตะโกนดังให้เงียบ จึงได้ปรามให้ทุกคนเงียบเสียงลงได้
“ทุกอย่างไม่รีบ ทุกอย่างแล้วแต่สมัครใจ อีกสองสามวัน ข้าจะส่งรายละเอียดให้ทุกคน ถึงตอนนั้นทุกคนค่อยคิดว่าจะร่วมทุนเท่าไรก็ไม่สาย!!”
ทุกคนพยักหน้า วันนี้มีข้อมูลมากเกินไป ต้องค่อยๆ ย่อย กลับไปย่อยก่อน ในยามนั้นเอง มีเสียงตะโกนดังท่ามกลางฝูงชนว่า
“ใต้เท้าหวัง ข้าขอลงเงินหนึ่งแสนตำลึง!!”
รอบด้านเงียบลง ไม่มีแม้เสียงนกกา ทุกคนหันไปมอง