ตอนที่ 434 โกรธแค้นแสนสาหัส ไม่ตายไม่เลิกรา
สายลับคนที่สามเมื่อครู่ถูกจัดหนักมากไปหน่อย พอโยนลงไปก็ลุกไม่ขึ้นเป็นนาน ในเมื่อเมื่อครู่สองคนนั้นวิ่งไปหลายสิบก้าวค่อยยิง เช่นนั้นซุนซิงก็ย่อมต้องรอไม่อาจลงมือตอนนี้
ทักษะการยุทธ์เหล่านี้ หากไม่ได้ฝึกแต่เล็กย่อมใช้งานได้ยาก ตระกูลลี่เทำเป็นทหาร ได้รับการฝึกแต่เล็ก และยังมีพรสวรรค์ ย่อมไม่ต้องพูดถึง หลี่หู่โถวก็มีบิดาเข้มงวด กอปรกับอายุยังน้อย เริ่มฉายแววสามารถเมื่อสองปีมานี้ เพราะพอดีทันได้เข้าไปฝึกพร้อมหวังทงที่ลานฝึกหู่เวย
บิดาซุนซิงเป็นแค่นายกองพัน แต่เล็กบิดาเป็นแค่นายกองธรรมดา ที่บ้านฐานะทั่วไป การได้ฝึกยุทธ์นั้นไม่ง่าย ทักษะธนูนี้ไม่ได้จริงๆ
ฝีมือธนูของเขามาฝึกเอาที่ตอนอยู่ลานฝึกหู่เวย แต่ลานฝึกหู่เวยก็ฝึกเพื่อฝึกฝนสมรรถนะร่างกายเท่านั้น ได้ฝึกธนูน้อยมาก มาถึงเทียนจินจึงได้ฝึกทุกวัน แต่ก็ต้องมีพื้นฐานดีแต่เล็ก เสียเวลามานานย่อมยากจะตามทัน
สายลับมองโกลด้านล่างกำลังสบถด่าพลางสะอื้น กระเสือกกระสนยืนขึ้นวิ่งล้มลุกคลุกคลานไป ซุนซิงสีหน้าลำบากใจ
หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“หากยังไม่ลงมือ ก็จะสายไปแล้วนะ”
“พี่หวัง คือ..คือ……ข้ายิงไม่แม่น!!”
พอซุนซิงกล่าวจบสีหน้าก็แดงก่ำ หวังทงหัวเราะตบบ่าให้กำลังใจว่า
“ยิงไม่แม่นไม่เป็นไร ยิงไปก็แล้วกัน!!”
กลุ่มคนด้านหลังยืนให้กำลังใจ รักษากองทัพรถผ่านความเป็นความตายและสงครามนองเลือดมา ความสัมพันธ์ของทุกคนก็ย่อมใกล้ชิดกันมากขึ้น ซุนซิงเห็นสหายและอาวุโสหลายคนไม่ได้หัวเราะเยาะ หากยังเอ่ยวาจาให้กำลังใจ ก็พยักหน้าอย่างแรง ก่อนจะขึ้นสายธนูเล็งไป
เชลยมองโกลผู้นั้นวิ่งล้มลุกคลุกคลาน สองแขนยังถูกมัดไว้ ยากจะสร้างสมดุลร่างกาย เอนไปเอนมา หาจุดจับไม่ได้ ซุนซิงทางนั้นเหงื่อท่วมใบหน้า ยิงไม่โดนก็ย่อมอับอายขายหน้า เชลยห่างออกไปได้ 30 ก้าว ซุนซิงก็ยิงออกไป
ทักษะนี้ไม่อาจหลอกลวงได้ แม้เคยฝึกมา แต่ก็ไม่เชี่ยวชาญนัก พอยิงออกไป ก็ปักเข้าที่ขาของฌชลยผู้นั้น ซุนซิงเป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแรงที่สุดของลานฝึกหู่เวย เขาใช้แรงยิงธนูมากกว่าลี่เทาถึงส่วนครึ่ง แม้ว่ายิงไม่ตาย แต่ก็ยิงทะลุ เชลยนั้นล้มลงกับพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะตะกุยตะกายคลานไปข้างหน้า
เสียงกรีดร้องดังโหยหวน กองทัพมองโกลได้ยินชัดเจน ก็ยิ่งโมโหตะโกนด่ากัน หลายคนควบม้ามาข้างหน้า แต่เมื่อครู่ม้าที่เข้าใกล้รัศมีถูกยิงขาหักไป การสั่งสอนนี้ทุกคนจำแม่น ผู้ใดก็ไม่กล้าขยับตามอำเภอใจ แต่ทหารที่ผ่านการโจมตีและล้มตายลงหลายรอบ หากยังคงสงบอยู่ได้ ยามนี้เริ่มไม่สงบนิ่งเสียแล้ว
ซุนซิงยืนก้มหน้าผิดหวังอยู่ที่นั้น หวังทงยิ้มตบบ่าเขากล่าวว่า
“นี่คือผลที่ข้าต้องการ”
เชลยคลานไประยะราวสิบกว่าก้าว หวังทงก็โบกมือส่งสัญญาณให้ถานกงข้างๆ ถานกงขึ้นธนูยิงออกไป คนผู้นั้นคลานอยู่บนพื้น ระยะห่างจากกองรถศึกหลายสิบก้าว ธนูดอกนี้ยิงแม่นยำอย่างมาก ปักเข้าท้ายทอย สังหารด้วยดอกเดียว นี่จึงเรียกว่าเทพธนูตัวจริง
ทุกคนบนต่างร้องชื่นชม แต่ถานกงกลับทำท่าทางเฉยๆ แสดงให้เห็นว่าไม่เห็นจะมีอันใด หวังทงหันไปกล่าวกับซุนซิงที่ก้มหน้านิ่งว่า
“ธนูไม่ได้ งั้นเจ้าลองรบบนหลังม้า!!”
**************
“ใต้เท้าปู้ป๋อ เราเอาทหารไม่อยู่แล้ว พวกทหารจะบุกเข้าไปล้าง……”
หัวหน้าในชุดเกราะหนังผู้หนี่งกล่าวกับปู้ป๋อ ในเวลานี้แม้แต่ทหารรอบกายปู้ป๋อเองก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หัวหน้าทหารผู้นั้นยังกล่าวไม่ทันจบ แส้ของปู้ป๋อก็ตวัดใส่ ฟาดเข้าใส่เกราะหนังนายทหารผู้นั้น พวกมองโกลบนทุ่งหญ้าชำนาญการรบบนหลังม้า ยิ่งชำนาญการใช้แส้ ก็แค่ไม่ได้ตั้งใจฟาดใส่เท่านั้น
“บุกเข้าไป? บุกเข้าไปตายใต้ปืนไฟกับลูกธนูงั้นหรือ? ชีวิตนักรบท่านข่านไม่อาจเอามาทิ้งที่นี่!”
ได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าทหารผู้นั้นก็หันไปมองทัพรถศึกด้านหลัง ครั้งนี้เห็นประตูทัพรถศึกเปิดออก มีเชลยมองโกลสองคนวิ่งออกมาล้มลุกคลุกคลาน
พวกทหารม้ามองโกลยามนี้สงบนิ่ง สหายร่วมชาติสองคนเหมือนบาดเจ็บไปไม่เท่าไร วิ่งเร็วอยู่ พอออกมาก็วิ่งไม่คิดชีวิต ดีไม่ดีอาจวิ่งออกจากรัศมีปืนอีกฝ่ายได้ทัน
แต่ในเวลานี้ก็มีพลม้าหนึ่งนายควบออกมาจากทัพรถศึก ชายร่างกายกำยำบนหลังม้า ควบไล่มาด้วยความเร็ว ในมือถือดาบเล่มใหญ่ตวัดไล่ฟัน คนและม้าปะทะกัน สองศีรษะถูกฟันร่วงลงพื้นราวจอกสุรา
ฝีมือเด็ดขาด พอตัดหัวเสร็จ ก็ดึงม้าไว้ชูดาบขึ้น ทำท่าทางแสดงอำนาจท้าทาย พวกมองโกลทางนั้นก็มองเห็นอย่างชัดเจน เสียงตะโกนโห่ร้องดีใจดังมาจากทัพรถศึกยิ่งดังชัดเจนขึ้น
พวกมองโกลมองกันแทบเส้นโลหิตนัยน์ตาจะแตกออกมา เมื่อครู่พวกเรากวาดต้อนไล่เชลยฮั่นบุก คิดไม่ถึงว่าจะกรรมตามสนองเอาคืนอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ทุกคนพากันตะโกนด่าอย่างโกรธแค้น มีสิบกว่านายทนไม่ไหวโดดขึ้นม้าควบมา แต่ทหารหมิงบนหลังม้าตัดหัวเล่นนั้นตอนนี้กลับเข้าค่ายรถศึกไปแล้ว ปากทางเข้าปิดแล้ว
พวกมองโกลทั้งสิบกว่านายนี้เข้าใกล้รัศมียิงของปืนใหญ่ เสียง ตูม ดังขึ้นสองนัด มีปืนใหญ่สองกระบอกยิงไป พลทหารม้ามองโกลได้สติรั้งม้าไว้ หากก็ยังมีตัวโชคร้ายที่โดนกระสุนกระดอนใส่จนขาหักล้มลงกับพื้นทันที คนที่เหลือรีบถอยกลับไป
“ปาเอ่อหู่ ถ่ายทอดคำสั่งข้า เจ้านำกำลังไปเฝ้าไว้ ผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวพลการอีก ก็ตัดหัวมันทิ้งได้เลย!!”
ปู้ป๋อออกคำสั่งน้ำเสียงเย็นเยียบ หัวหน้าทหารผู้นั้นเริ่มร้อนใจแล้ว ส่งเสียงแหบพร่าว่า
“ใต้เท้าปู้ป๋อ ไม่งั้นก็ไปกันเถอะ หากดึงดันต่อไป ก็จะคุมไม่อยู่แล้ว ทุกคนเห็นพี่น้องถูกสังหาร ก็ไม่มีความกล้าหาญกันแล้ว!!”
“อย่าใจร้อน สุนัขหมิงเริ่มได้ใจกันแล้ว ทัพรถศึกพวกมันเริ่มเปิดช่องแล้ว พวกเรารอ แม้ว่าพวกเราที่ถูกจับไปจะถูกฆ่าตายหมด ก็ต้องแย่งชิงโอกาสมาให้พวกเราให้ได้!!”
ปู้ป๋อกัดฟันจับตามองเขม็งเอ่ยขึ้น ประตูทัพรถศึกนั้นเปิดเห็นช่องทางแล้ว พวกเชลยมองโกลร้องไห้วิ่งกันออกมา คราวนี้มีม้าสามตัววิ่งออกมาด้วย มีคนบนหลังม้ายิงธนู ยิงเชลยตายไป ยังมีอีกคนไม่เหมือนกัน ห่วงเชือกถูกโยนคล้องคอศีรษะเชลยคนหนึ่ง กระชากถอยหลังไป กระชากทั้งคนปลิวตามไป รัดคอตายทันที
พวกทัพมองโกลต่างพากันเอ็ดอึง การขี่ม้ายิงและใช้เชือกรัดสังหารนี้เป็นวิธีการบนทุ่งหญ้า ขณะกำลังโมโหอยู่นั้น ก็ได้ยินคนส่งเสียงภาษามองโกลดังมาว่า
“เจ้าพวกลูกสุนัขอัลตัน ข้าเป็นลูกหลานอู้เหลียงฮา คงมีสักวันจะต้องสังหารลูกสุนัขเช่นเจ้าให้หมดสิ้นไป!!!”
ทหารมองโกลกลุ่มนี้เป็นคนของข่านอันต๋า ข่านอันต๋ายังมีอีกชื่อหนี่งว่าข่านอัลตัน เป็นหัวหน้าเผ่าถู่ม่อเท่อ ลูกหลานเจงกีสข่าน ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำชนเผ่าบนทุ่งหญ้า เขาได้ตำแหน่งนี้มาก็เพราะทำลายล้างเผ่าอู้เหลียงฮา ตอนนั้นชนเผ่าบนทุ่งหญ้าลงใต้รบกับราชวงศ์หมิง เผ่าอู้เหลียงกลับออกปล้นก่อความวุ่นวายข้างหลัง ข่านอัลตันจึงได้นำกำลังทำลายล้างชนเผ่าอู้เหลียงฮา ได้รับการยกย่องจากผู้คน อู่เหลียงฮาถูกล้างเผ่าพันธุ์ สองฝ่ายไม่อาจอยู่ร่วมโลก
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนภาษามองโกล ทหารทั้งกองก็เริ่มคุมไม่อยู่ ต่างร้องตะโกนร้องดังขึ้น ปู้ป๋อคำรามดังว่า
“อย่าเคลื่อนไหว อย่าเคลื่อนไหว รอก่อน รอก่อน พวกเจ้ามีโอกาสได้ต้มเจ้าลูกสุนัขพวกนั้นแน่……”
*************
หวังทงยืนอยู่บนรถม้ามองพวกชื่อเฮยควบม้ากลับมา ก็หัวเราะดัง ชื่อเฮยขี่ม้ามาถึงก็หัวเราะดังลั่น
“นายท่านวางใจ ถู่ม่อเท่อกับอู้เหลียงฮาไม่อาจอยู่ร่วมโลก ย่อมทนไม่ไหว”
หวังทงยิ้มพยักหน้า ตะโกนขึ้นว่า
“ค่ายห้า หก เจ็ด แปด ทุกค่ายรับผิดชอบรถใหญ่หนึ่งคัน เตรียมพร้อมแล้วก็จะเปิดประตูค่ายสี่คัน จะเปิดปิดตอนไหนก็รอคำสั่งข้า ค่ายเก้าผลักเชลยทั้งหมดออกไป จากนั้นก็ให้เตรียมพร้อมอยู่สองข้างปากทางประตู!”
ทุกคนขานรับคำสั่งเสียงดังพร้อมเพรียง หวังทงหันไปพยักหน้าให้พวกขุนพลตระกูลถานกล่าวว่า
“คนที่เหลือมอบให้ทุกท่านจัดการแล้ว”
ถานเจียงประสานมือคำนับ ทุกคนประสานมือตาม ทุกคนลงจากรถม้าโดขึ้นม้าไปเตรียมพร้อม หวังทงตะโกนบอกคนข้างๆ ว่า
“พลปืนใหญ่ พลธนู พลปืนเล็กเตรียมพร้อมยิง เปิดศึกได้ตลอดเวลา”
มีเสียงขานรับพร้อมกัน หลี่หู่โถวเป็นทหารอารักขาหวังทง รอหวังทงออกคำสั่งเสร็จ หลี่หู่โถวก็ถามอย่างสงสัยว่า
“พี่หวัง พวกชื่อเฮยข้าจำได้ว่าเป็นพวกชนเผ่าตั่วเหยียนนี่นา ทำไมบอกว่าเป็นพวกอู้เหลียงฮาล่ะ?”
“นี่คือกลศึกอุบายลวง!!”
หวังทงยิ้มตบบ่าหลี่หู่โถว หลี่หู่โถวอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะขึ้น
***************
ขบวนรถเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ปากใหญ่กว่าเดิม เชลยมองโกลหลายสิบคนถูกผลักออกไป ด้านหลังมีทหารม้าตามมาหลายนาย
เชลยรู้ว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอด บางคนยังคงวิ่งกลับมา บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต แต่ทหารม้าไม่สนใจ บ้างก็ยิงธนู บ้างก็ใช้ดาบฟัน ทุกคนถูกสังหารสิ้น ถึงกับใช้ม้าเหยียบข้ามไปอีกด้วย ล้วนตายอย่างน่าอนาถ
ทำกันไร้ยางอายเกินไปแล้ว ยิ่งออกนอกรัศมียิงมากขึ้น ถึงกับมีพลม้าคนหนึ่งเพื่อไล่ตามเชลยก็ถึงกับควบออกมาห่างจากรัศมียิงระยะ 30 ก้าว ล้วนแตกแถวกันแล้ว
ในเวลานี้ปู้ป๋อก็ตะโกนขึ้นทันที
“บุกไปทางปากทางนั่น แก้แค้นให้กับนักรบของเรา! สังหารสุนัขหมิงให้หมด!!!”
พวกมองโกลที่คุมไม่อยู่แต่ละคนก็คำรามอย่างโกรธแค้น เฆี่ยนแส้ใส่ม้าตนสุดชีวิตบุกขึ้นหน้า พวกเขาเห็นแล้ว ทัพรถศึกหมิงนั้นเปิดช่องทางและปิดได้ช้า ช่องทางใหญ่เช่นนี้หากคิดจะปิด ระยะห่างเช่นนี้ ย่อมสามารถไล่ตามไปทัน บุกเข้าไปได้เมื่อใดก็จะล่าสังหารให้หมด
พลทหารหมิงสิบนายนั่นเห็นท่าไม่ดี ก็เริ่มควบม้าหนีกลับมาอย่างสุดชีวิต เห็นทหารชุดเกราะสิบกว่านายสถานะย่อมไม่ต่ำ พวกเขายังไม่เข้ามา ประตูก็ไม่กล้าปิด นี่คือโอกาส บุกเข้าไปสังหารพวกมันให้หมด!!
**************
หวังทงขึ้นไปอยู่บนหลังคารถม้ามองดูศัตรูบุกเข้ามาสนั่นหวั่นไหว กองทัพใหญ่อลังการ ทุกคนคำรามมาด้วยความโกรธแค้น แต่พลม้ามองโกลตอนนี้เริ่มแตกกระจายด้วยรีบบุก ผู้ใดก็ไม่สนใจคำสั่งกองทัพ หวังทงยิ้มออกคำสั่งทันทีว่า
“ยิงปืนกระสุนกลวง!!”
เสียงตูมดังขึ้นสามครา ไม่มีกระสุนหล่นใส่พวกมองโกล ทำให้ทุกคนยิ่งบ้าคลั่ง
ในตอนนั้นเอง ทหารม้ากองหนึ่งก็ออกมาสังหารจากทางด้านขวา พุ่งเข้าสังหารทันที!!!