ตอนที่ 549 จับโจรบนท้องทะเล กำลังมากรังแกกำลังน้อย
บนทะเลคลื่นลมไม่แรง พระอาทิตย์ขึ้นสูง เรือทั้ง 6 ลำถอนสมอ แต่ใบเรือชักขึ้นเพียงครึ่งเดียว เหมือนกับยังคงลอยลำอยู่ที่เดิม เรือกวางตุ้งสองลำยกใบเรือเต็มที่มุ่งไปทางเหรินชวน
“ตอนนี้เรือที่เร็วที่สุดก็คือเรือกวางตุ้ง โจรสลัดไล่ล่าไม่ทัน หากพบก็ให้ล่อมาที่นี่”
ทังซานกล่าวขึ้น การรบบนทะเล หวังทงไม่ได้รู้จักมากไปกว่าทังซานที่เคยเป็นหัวหน้าโจรสลัดมาก่อน จึงให้เข้าอธิบายการปฏิบัติการอย่างละเอียดทีละขั้นตอน
“เรือเราจะไม่อยู่กันตรงนี้ เหตุใดจึงปล่อยให้ลอยลำไปอย่างนี้!”
“เรียนใต้เท้า ให้เรือไปตามกระแสลมก่อน รอพวกโจรที่เราล่อมาถึง ใบเรือที่แล่นตามลมได้อย่างดีแล้ว ก็จะเร็วก่วาเรือโจรพวกนั้น!”
***********
ตั้งกักดักล่อให้คนมาติดกับ เรื่องเล่าได้น่าสนุก แต่ตอนจริงกลับน่าเบื่อยิ่ง พวกหวังทงตอนเริ่มต้นก็ยังมีสติเต็มที่รอเวลา แต่ต่อมาก็เริ่มเบื่อ
เพราะวันนี้ก่อนการรบ หวังทงสวมเกราะเต็มยศ อากาศบนท้องทะเลชื้นมาก ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แต่ก็ไม่อาจถอดออกได้
ตอนกลางวัน ทุกคนนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือ อาหารแห้งผักดองแผ่นเปี๊ยะ ทั้งต้มน้ำทั้งหุงข้าว เมื่อวานซุนซิงนอกดึก แต่ยามนี้กลับมีกำลังวังชายิ่ง เรือใหญ่ปล่อยเรือเล็กลงให้เขาไปตรวจตราเรือลำอื่นมารอบหนึ่ง พอกลับมาก็เป็นเวลาอาหารกลางวัน นั่งกินอยู่ข้างหวังทง
“ใต้เท้า ทหารแต่ละเรือขวัญกำลังใจยังนับว่าดีอยู่ สั่งการให้จับตาดูลูกเรือต่างชาติไปแล้ว จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาด!”
คนละเผ่าพันธุ์กับเรา ยังเป็นช่วงเผชิญศึก ห่างจากเทียนจินก็ไกล จะต้องระวังให้รอบคอบไว้ก่อน ไม่อาจเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายนอบน้อมก็ไร้การป้องกันได้
หวังทงดื่มน้ำไป ก็ส่งถุงหนังบรรจุน้ำให้ซุนซิง ถามขึ้น
“ธงและเกราะก็ตรวจแล้วใช่ไหม?”
“เรียนใต้เท้า ตรวจมาหนึ่งรอบแล้ว ไม่มีอันใดผิดพลาด!”
เหรินชวนเป็นท่าเรือเกาหลี เกาหลีตอนนี้เป็นประเทศเมืองขึ้นของราชวงศ์หมิง จักรพรรดิเกาหลีก็เท่ากับระดับอ๋อง การไปปราบโจรสลัดครั้งนั้ มีบางเรื่องไม่อาจกระทำอย่างเปิดเผยนัก
ดังนั้นหวังทงจึงได้สั่งการไว้ล่วงหน้าว่า ทุกอย่างที่แสดงถึงการเป็นทหารหมิงนั้นไม่ให้นำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะหรือธงศึก จะได้ไม่มีเรื่องให้ยุ่งยากตามมาภายหลัง ให้ขุนนางในราชสำนักหาเรื่องเอาได้
“พี่น้องเจ้า ข้ารู้แค่ว่าพี่ชายคนโตรับตำแหน่งต่อจากบิดาเป็นนายกองร้อย”
หวังทงถามคำถามขึ้นเปลี่ยนประเด็น ซุนซิงกลืนอาหารลงท้องก่อนจะกล่าวว่า
“เรียนใต้เท้า พี่น้องทั้งหมด 4 คน”
“ตอนนี้แต่ละแห่งต้องการใช้คน หากพี่น้องเจ้าอยากมาที่นี่ก็ให้ตามกันมาได้ ดีกว่าลำบากอยู่ที่บ้าน”
กล่าวยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงทหารที่ยืนสังเกตการณ์อยู่บนเสากระโดงเรือตะโกนดังลงมาว่า
“เรือกลับมาแล้ว เรือกลับมาแล้ว!”
คนสังเกตการณ์เป็นคนของหวังทง ลูกเรือบนดาดฟ้าเรือบางคนฟังภาษาจีนออก แปลเป็นภาษาตนก่อนจะตะโกนบอกกัน
ทุกคนบนเรือเริ่มเตรียมพร้อม หวังทงปีนขึ้นไปบนหอเรือมองออกไป เห็นเรือกวางตุ้งกำลังแล่นมาทางนี้ ด้านหลังมีเรือติดตามมาหรือไม่ก็มองไม่ชัด หากมองเห็นว่ากระหน่ำโบกธงแดงไม่หยุด สีนั้นชัดเจนมาก หมายความว่าล่อโจรสลัดมาแล้ว
ด้านหลังมีคนตะโกนคำสั่งดัง ลูกเรือตะโกนกันเร่งเอาใบเรือขึ้น ทางนี้กำลังอยู่ในทิศทางลม เรือก็แล่นไปอย่างรวดเร็ว
หวังทงหันไปมอง ใบเรือชักขึ้นเต็มหมดแล้ว รู้สึกว่าความเร็วเรือตนค่อยๆ เร็วขึ้น เรือด้านหลังที่ตามมาก็เช่นกัน
*************
หากว่าเรือกวางตุ้งสองลำที่เป็นเหยื่อล่อกลับมาตามเส้นทางเดิมตรงๆ เรือที่ซุ่มอยู่ก็จะเข้าโจมตีแนวเฉียง
สองฝ่ายเข้าใกล้กันมาเรื่อยๆ ทะเลกว้างใหญ่ เรือกวางตุ้งไม่ได้เปลี่ยนเส้นทาง หากมุ่งตรงมา เรือโจรสลัดพอเห็นเรือใหญ่ฟะรังคีหลายลำเช่นนี้
ไม่มีผู้ใดคาดว่าเรือกวางตุ้งนี้จะเป็นเหยื่อล่อให้เรือฟะรังคีซุ่มโจมตี เรือโจรสลัดตอนแรกยังคิดว่าบังเอิญ สองฝ่ายไม่ยุ่งเกี่ยวกันราวกับน้ำบ่อไม่ล่วงล้ำน้ำแม่น้ำ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ แต่พลันได้สติคืนมาอย่างรวดเร็ว เรือ 5 ลำนี้แล่นมาทางพวกเขา
“เรือโจรสลัดถึงกับเป็นเรือกวางตุ้งด้วย!”
หวังทงอยู่บนหอเรือมองเห็นได้ชัด โจรสลัดที่ไล่ตามมามีเรือกวางตุ้ง 3 ลำ แต่ก็เล็กว่าเรือเหลียงเต้าเฉิงอยู่สักหน่อย ทังซานอธิบาบกล่าวว่า
“เรือกวางตุ้งแล่นได้เร็ว พวกโจรจำเป็นต้องไล่ล่าไม่น้อย ส่วนใหญ่จึงใช้เรือนี้”
หวังทงยิ้มกล่าวว่า
“หากเป็นยามปกติ เรือ 2 ลำของเราคงถูกพวกมันไล่ตามทัน แต่เมื่อคืนได้ขนถ่ายของลงแล้ว ตอนนี้เรือใบใหญ่กว่าย่อมแล่นเร็วกว่า!”
เรือหวังทงกำลังแล่นไปตามลม แต่เรือโจรสลัดกลับแล่นขวางแนวลม จึงไม่อาจอาศัยแรงลมขับเคลื่อนได้ ในช่วงเวลากระชั้นชิดไม่อาจเร่งความเร็วได้ จึงได้แต่หันหัวเรืออย่างเร่งร้อน
ได้ยินเสียงลูกเรือตะโกนดัง ทังซานใช้นิ้วมือแตะน้ำลายชูขึ้น ให้ลมทะเลพัดเพื่อลองแรงลม ก่อนจะกล่าวว่า
“ใต้เท้า อีกราวครึ่งชั่วยามก็ตามทันแล้ว!”
ไล่ล่าบนท้องทะเล ย่อมไม่อาจเทียบกับการไล่ล่าด้วยม้าเร็ว ได้แต่รอคอยอย่างอดทน”
************
“นายท่านเข้าไปหลบในเรือก่อน จะเริ่มปะทะกันแล้ว”
อาปาก้งวิ่งเหยาะๆ เข้ามาขอร้อง เตือนไปก็แหงนหน้ามองไป เรือลำแรกที่ล่อโจรมากับเรือโจรกำลังจะเทียบกันได้แล้ว
หวังทงป้องมือมองไปด้านหน้า กล่าวว่า
“เจ้าลงไปหลบก่อน ข้าจะมองดูจากตรงนี้”
บนเรือแต่ละลำเริ่มออกคำสั่ง เมื่อครู่ลูกเรือที่อยู่บนดาดฟ้าเรือก็รีบวิ่งลงไปด้านล่าง อาปาก้งหน้าซีดขาว ไม่สนใจจะขอร้องอันใดแล้ว ได้แต่วิ่งตามลงไปด้วย หวังทงกับทหารข้างกายก็หยิบโล่ขึ้นมา พวกเขาสวมเกราะ มือยังมีโล่ อย่างไรก็ไม่น่าเป็นห่วง
หวังทงมองไปหลายที เรือโจรสลัดเหมือนไม่มีปืนใหญ่ มิเช่นนั้นก็ย่อมไม่ปล่อยระยะห่างเพียงนี้ ขบวนเรือหวังทงลำหน้าสุดเริ่มเทียบกับเรือลำหลังสุดของเรือโจรแล้ว
ทังซานมองไปทางเรืออีกฝ่ายทีหนึ่ง มองไปทางเรือตัวเองที่หนึ่ง หวังทงมอบหมายงานให้ ก็คืออธิบายขั้นตอนการต่อสู้ทางทะเลอย่างละเอียด
บนเรือมีเสียงตะโกนดัง เป็นภาษาฟะรังคี เห็นลูกเรือวิ่งไปอีกทาง พยายามลดใบเรืออย่างบ้าคลั่ง เขาหรี่ตามองกล่าวว่า
“ใต้เท้า ลดใบเรือลง เพื่อทำให้เรือสองลำเสมอกัน เรือต่างชาติจะยิงแล้ว!”
เรือกวางตุ้งด้านหน้าเริ่มเปลี่ยนทิศทาง เรือถึงกับแล่นเข้าประชิด เรือสองลำห่างกันไม่ถึง 200 ก้าว หวังทงอยู่หลังโล่มองเห็นเรือโจรอย่างชัดเจน ทังซานกล่าวว่า
“ใต้เท้า โจรสลัดจะสู้ตายแล้ว เรือเล็กปะทะเรือใหญ่ ก็จะประชิดเพื่อโดดขึ้นสู้กันตัวต่อตัว แต่ว่า……”
กล่าวไม่ทันจบหวังทงก็ได้ยินอีกด้านหนึ่งของเรือมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย “เปิดหน้าต่างปืนใหญ่แล้ว……” ทังซานรีบกล่าว วาจาต่อมาไม่อาจได้ยินชัด ทั้งเรือสะเทือนส่ายไปมา
พวกลูกเรือมีประสบการณ์ คว้าจับของไว้ไม่ให้ล้ม พวกหวังทงกลับไม่ทันระวัง เทไปอีกด้านหนึ่งอย่างทุลักทุเลพอควร ก่อนจะนั่งลงแปะพื้น
ปืนใหญ่ด้านหนึ่งของเรือยิงแล้ว เรือลอยลำอยู่ กลิ่นควันไฟถูกพัดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว พวกหวังทงยืนขึ้นมาดู เห็นเรือโจรสลัดลำหน้ำกำลังฉีกตัวออก หวังทงอึ้งไปก่อนจะได้สติ ไม่ใช่ฉีกตัวออก แต่เรือตนกำลังแล่นตรงไปด้านหน้า เรือโจรสลัดที่ถูกยิงเริ่มหยุดแล้ว ปีนขึ้นไปบนหอเรือดูต่อ เสากระโดงเรือโจรสลัดหักแล้ว ตัวเรือก็เป็นรูไปหลายจุด
“ใต้เท้า เรือเราแล่นเต็มกำลังอีกครั้ง การบรรจุกระสุนใช้เวลานาน ให้เรือด้านหลังแล่นเข้ายิงต่อแทน!”
ลูกเรือวิ่งออกมาจากท้องเรืออีกครั้งเพื่อไปชักใบเรือขึ้นเต็มกำลัง ระยะห่างแค่นี้ วิ่งไปตามลม ใบเรืออ่อนย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากแรงลมได้เต็มที่ เรือกวางตุ้งใช้ใบเรือแข็งก็ย่อมช้ากว่าสักหน่อย
เรือลำแรก เรือลำสองแล่นไปด้วยความเร็ว เรือกวางตุ้งสองลำหน้าเห็นด้านหลังมีเรือตามมาทัน และเห็นสภาพของเรือพวกเดียวกันเช่นนั้น ก็วิ่งไปด้านหน้าสุดอย่างเต็มกำลังชักใบเรือเปลี่ยนทิศทาง หากก็หันไปปะทะกับเรือของหวังทงพอดี เห็นได้ว่าบนเรือโจรสลัด โจรสลัดต่างถืออาวุธพร้อมบนดาดฟ้าเรือ กำลังรอขึ้นปะทะ
“ท่านแม่ทัพ ปืนไฟยังต้องรออีกสักพักถึงจะพร้อมยิง!”
ภาษาจีนแปร่งๆ ดังขึ้นด้านหลังหวังทง การเรียกขานเช่นนี้ย่อมเป็นลูกเรือ หวังทงรี่ตามองทังซาน ทังซานมองไปก่อนจะรีบกล่าวว่า
“โจรสลัดมีความเป็นได้ถึงห้าส่วนที่จะเข้าปะชิดเรา”
หวังทงพยักหน้า กล่าวว่า
“ให้พลปืนไฟมายิง ทหารติดตามข้าให้ตามข้าเข้าสังหารด้วยอาวุธ!”
ได้ยินคำสั่งหวังทง ทหารติดตามก็โยนโล่ทิ้ง วิ่งลงไปท้องเรือ ได้ยินคำสั่งหวังทง ลูกเรือที่วิ่งมาแจ้งเมื่อครู่ก็วิ่งกลับไป
เรือหวังทงเริ่มปรับใบเรือ เริ่มประชิดเข้าไปใกล้ ยามนี้ได้ยินเสียงด้านหลังดังสนั่น พร้อมเสียงร้องโหยหวนดังก่อนตาย เรือโจรสลัดอีกลำด้านหลังถูกยิงแล้ว
ประตูท้องเรือเปิดกว้าง พลปืนไฟคว้าปืนใหญ่ออกมาด้วยความชำนาญ ซุนซิงตะโกนดัง
“เรือศัตรูตรงข้าม ระยะห่างสองก้าว แถวสี่ ชันเข่าพร้อม รอคำสั่ง!”
เห็นทหารเรียงแถว ทังซานอยู่ๆ กล่าวขึ้นว่า
“ใต้เท้าถอยหลังไปสองสามก้าว พวกโจรสลัดจะโยนขอเหล็กขึ้นปีนเรือแล้ว”
เรือโจรสูงไม่เท่าเรือหวังทง สองลำประชิดกัน ไม่อาจยิงปืนใหญ่ได้ หวังทงได้ยินเสียงโจรสลัดตะโกนโหวกเหวก เสียงขานรับติดกัน ตะขอเหล็กถูกโยนขึ้นมาพร้อมกัน เกี่ยวเอากาบเรือไว้อย่างแน่นหนา
พอเข้ามาใกล้พอควรแล้ว หวังทงสะบัดมือเป็นสัญญาณ ซุนซิงตะโกนดัง
“ยิง!”
เดิมพวกโจรคิดว่าจะปีนขึ้นปะทะกันได้แล้ว แต่แค่จับเชือกไว้ได้ ก็มีท่อนเหล็กยื่นออกมาหลายสิบท่อน จากนั้นก็หันปลายชี้ลง
ลูกปืนไฟยิงมาพร้อมกับกลิ่นควันคละคลุ้ง ระยะไม่ถึง 20 ก้าว อัตราการล่าสังหารของปืนไฟนั้นน่ากลัวยิง เสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านล่าง แต่ก็มีคนตะโกนดังว่า
“รีบขึ้นไป ปีนขึ้นไป พวกมันบรรจุกระสุนไม่ทัน……”
กำลังตะโกนอยู่นั้น ปืนไฟชุดสองก็ยื่นออกมา กดปากกระบอกลงเริ่มยิงเรียงกัน เสียงร้องโหยหวนดัง ชุดที่สามตามออกมาติดๆ ……