ตอนที่ 7 เห็นความอยุติธรรม ยื่นมือช่วยเหลือ
ยามนี้เป็นช่วงเวลาอาหารกลางวัน หอสุราที่ไม่เลวนักตั้งอยู่บนถนนกลับไร้ผู้คน หวังทงพบว่ามีคนผ่านไปมามากมายมองไปยังประตู แต่ก็มิได้เข้าไป
การวิเคราะห์ทางการตลาดเกือบสิบปีไม่ได้เปล่าประโยชน์ ใจหวังทงได้ข้อสรุปแล้ว ราคาอาหารที่หอสุรานี้สูงเกินไป คนที่เดินผ่านไปมาก็คงไม่อยากเสียเงินมาก และคนที่ถือตระกร้าตะโกนขายอาหารเหล่านั้น ก็เกรงว่าจะไม่มีเงินนัก ไม่อยากเรียกถามให้เปลืองน้ำลาย
“นายท่านทั้งสอง นายท่านทั้งสอง ผู้น้อยไม่ทราบธรรมเนียม ไม่ทราบธรรมเนียมนี้จริงๆ เจ้าค่ะ เห็นท้องถนนคนมากมาย จึงได้แวะเข้ามา ตอนนี้ขายได้แค่ขนมเปี๊ยะอันเดียว จ่ายไม่ไหว…”
ฟังดูเป็นเสียงร้องไห้ของหญิงชราผู้หนึ่ง เสียงแหลมแหบพร่า ผู้คนที่เดินไปมาบนท้องถนนต่างตกใจ พากันเงียบเสียงลงมองไปยังทิศทางเสียงนั้น
นิสัยมุงดูเรื่องชาวบ้านมีมาหลายร้อยปีแล้ว คิดแล้วหวังทงก็รู้สึกขำ หากก็เดินตามไปทางนั้นด้วย อย่างไรก็เป็นทางกลับบ้าน ไปดูเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น
หากไม่ใช่เพราะคนที่มุงอยู่ก่อนนั้นหลบให้องครักษ์เสื้อแพรอย่างหวังทงแล้ว ถนนสายนี้ก็เบียดจนยากจะเดินเข้าไปได้แล้ว หวังทงถูกฝูงชนเบียดเสียดจนรู้สึกรำคาญใจ ความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นก็พลอยลดลงไปด้วย
พอเดินไปถึงด้านหน้า ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างในอย่างชัดเจน หญิงชราร้องไห้ขอร้องไม่หยุดอยู่ที่นั้น
“นายท่าน โปรดเมตตา ผู้น้อยไม่มีเงินจ่ายจริงๆ เจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นท่านทั้งสองเอาขนมเปี๊ยะนี้ไปแทนนะเจ้าคะ”
หวังทงที่อยู่ด้านนอกส่ายหน้า น่าสนใจไม่เลว หากในใจกลับรู้สึกช่างน่าขำ ใครกันที่ตาไร้แวว เงินน้อยนิดของหญิงชราก็จะรีดไถ ไม่เกรงถูกหัวเราะเยาะเลย
ผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘นายท่าน’ นั้นอย่างไรก็น่าจะมีฐานะ ใจคอคับแคบเช่นนี้ น่าขันเสียจริง หวังทงหยุดหันหน้าไปมอง มิน่าคนมุงกันมากมาย ที่แท้ก็หน้าประตูร้านชามงคล ที่นี่มักมีลูกค้ามากมายเสมอ มีเรื่องกันขึ้นมาจะไม่มีผู้คนแออัดเบียดเสียดกันได้อย่างไร
องครักษ์เสื้อแพรผู้หนึ่งหยุดร่วมวงมุงอยู่ด้านนอก ชาวบ้านทั่วไปที่มาออดูกันอยู่นั้นพอเห็นการแต่งกายของหวังทง ก็พากันแหวกทางให้ทันที เห็นได้ชัดว่าองครักษ์เสื้อแพรเป็นที่น่าเกรงขามในใจผู้คนเพียงใด
ชายสองคนสวมชุดขนแกะตัวยาว โพกผ้าสีเข้มกำลังมองมาที่เขา ตรงเท้าพวกเขามีตระกร้าไม้ไผ่สานใบหนึ่ง บนตระกร้าปิดผ้าขาวไว้ชั้นหนึ่ง
“นายท่านเช่นข้ากินดื่มสุราแกล้มเนื้ออย่างดี จะไปสนใจอะไรกับขนมเปี๊ยะเน่าๆ สองสามก้อนของยายแก่อย่างเจ้า เอาไปเลี้ยงหมูหมามันยังไม่กินเลย รีบจ่ายเงินมา ธรรมเนียมในตลาดนี่จะละเว้นไม่ได้”
ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกดัง หวังทงเดินเข้าไปในวงล้อม มองเห็นหญิงชราสวมเสื้อบุสำลีสีดำคุกเข่าอยู่บนพื้น โขกศีรษะขอร้องอย่างสุดกำลัง
เห็นเพียงชายสองคนนั้น ทันทีที่เห็นหน้า หวังทงก็นึกด่าในใจ สองคนนี้เขาจำได้ เป็นแค่พวกนักเลงหัวไม้หากินในตลาดนี้ กลับกล้าเรียกตัวเองว่า ‘นายท่าน’
นักเลงสองคนนั้นรายล้อมไปด้วยผู้คน ความละอายใจสักนิดก็ไม่มี กลับยิ่งเอาใหญ่ แน่นอนว่าไม่ทันสังเกตเห็นหวังทงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
นักเลงคนซ้ายยกเท้าเตะตระกร้าไม้ไผ่ใบนั้นล้มลง ขนมเปี๊ยะกองหนึ่งก็กระเด็นออกมาจากตระกร้ากระจัดกระจายกลิ้งไปบนพื้น หญิงชราที่ร้องขออย่างหวาดกลัวเห็นเช่นนั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กรีดร้องเสียงดังขึ้น คลานไปเก็บขนมเปี๊ยะใส่คืนตระกร้า
“นายท่านทั้งสอง เงินขายขนมเปี๊ยะยังต้องเก็บไว้ซื้อยาให้คนป่วยที่บ้านอีก ผู้น้อยไม่ทราบธรรมเนียมที่นี่จริงๆ เจ้าค่ะ ปล่อยผู้น้อยไปเถอะเจ้าค่ะ”
พอกล่าวถึงตรงนี้ คนว่างงานที่มุงดูกันอยู่ก็ทนไม่ไหว ส่งเสียงวิพาษก์วิจารณ์ดังเข้าหูเจ้านักเลงสองคน แต่กลับยิ่งทิ่มแทงมันสองคน นักเลงคนหนึ่งหันหน้ามาจ้องมองพวกจีนมุงรอบๆ เสียงวิจารณ์เบาๆ ก็หยุดลงทันที นักเลงอีกคนก็ยกเท้าขยี้ขนมเปี๊ยะบนพื้น
หิมะเพิ่งละลายได้ไม่กี่วัน พื้นดินกำลังเป็นโคลนเฉอะแฉะ เมื่อขนมเปี๊ยะถูกเหยียบ ก็เละติดกับดินโคลน ทำให้ยิ่งกินไม่ได้
หญิงชราขายขนมเปี๊ยะเห็นดังนั้นก็ยิ่งส่งเสียงร้องไห้ดังขึ้นจนน่าตกใจ พุ่งเข้าไปแย่งโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
นักเลงที่เหยียบย่ำขนมเปี๊ยะนั้น ทำกร่างจนพอใจแล้วก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว จึงยกเท้าขึ้นเตะหญิงชราผู้นั้น
มุงดูกันมาถึงตอนนี้ ก็ไม่สนุกแล้ว คนว่างงานทั้งหลายเตรียมสลายตัว ในเวลานี้เอง ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น
หรือจะเป็นหญิงชราขายขนมเปี๊ยะผู้นั้น ไม่ใช่สิ เสียงนี้แม้ว่ากรีดร้องดังแต่เป็นเสียงของผู้ชาย ดูเหมือนจะเป็นเจ้านักเลงนั่น
ในตอนที่นักเลงนั่นเตะเท้าออกไปนั่นเอง หวังทงที่พกดาบปักวสันต์มาด้วยก็ดึงดาบออกมาจากด้านหลังของเขา ดึงออกมาอย่างแรงจนโดนจุดยุทธศาสตร์เบื้องล่างของเจ้านักเลงนั่น
ดาบปักวสันต์นับว่าเป็นดาบชั้นยอด น่าจะหนักหลายชั่ง เหล็กทั้งดุ้นที่ห่อด้วยไม้ ใช้แรงแม้เล็กน้อยแต่จุดที่ตีเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่อ่อนแอที่สุด นักเลงที่ถูกตีนั้นก็แข็งนิ่งไปในทันที ก่อนจะแผดเสียงร้องดังลั่น จากนั้นคนทั้งคนก็ดูเหมือนกุ้งแห้งขดจนม้วนงอหงิกตรงนั้น อ้าปากกว้างอยากจะร้องเรียกก็ร้องไม่ออก
เหตุการณ์ทันด่วนนี้ทำให้นักเลงอีกผู้หนึ่งตกใจเป็นอย่างมาก พอนึกได้ก็หันขวับก้าวเท้ายืนจังก้า แต่พอเห็นองครักษ์เสื้อแพรยืนอยู่เบื้องหน้า คนปกติเห็นองครักษ์เสื้อแพรแต่งกายเช่นนี้ล้วนหวาดกลัวตัวสั่นอยู่ไม่น้อย คิดไม่ถึงว่านักเลงนี่พอเห็นการแต่งกายของหวังทงก็อึ้ง หากก็ไม่ได้ร้องขอชีวิตหรือหลบหนี
เสียงนกเสียงกาพลันเงียบลง แม้แต่หญิงชราน่าสงสารก็ล้มลงนั่งกับพื้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เจ้านักเลงที่ยืนอยู่นั่นพอเห็นหวังทงใบหน้ายังเป็นเด็กน้อย ที่เอวพกป้ายคำสั่งไม้สีขาว นี่มันสัญลักษณ์แสดงสถานะองครักษ์เสื้อแพรและพวกทหารระดับล่างสุด
ไม่รู้ทำไม นักเลงพวกนี้กลับกล้ากำเริบเสิบสานขึ้นมา ยืนอยู่ตรงนั้นกล่าวเสียงดังขึ้นว่า
“ขุนนางเล็กๆ ท่านนี้ เจ้านายข้าก็เป็นองครักษ์เสื้อแพร พวกเรานับว่าคนกันเอง ขอเตือนขุนนางเล็กๆ อย่าก้าวก่ายเรื่องนี้…”
พอฟังจบ หวังทงก็ตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่านักเลงสองคนทำการเลวร้ายเช่นนี้เป็นพวกองครักษ์เสื้อแพร ตอนนี้ตนเองก็เป็นแค่พลทหารที่เพิ่งเข้าสังกัด ไม่มีที่พึ่งอันใด ไม่อาจล่วงเกินผู้ใด เบื้องหลังเจ้าสองนักเลงนี่เป็นผู้ใดกัน ในใจคิดอยู่นั้น หากใบหน้าหวังทงก็ได้เผยรอยยิ้มเสียแล้ว
คนว่างงานที่มุงดูกันเห็นองครักษ์เสื้อแพรอายุน้อยใบหน้าเผยรอยนิ้ม ประสานมือก้าวออกมายืน คนเหล่านั้นไม่น้อยก็พากันก่นด่าพวกขุนนางเลวในใจ เลวเหมือนกัน
นี่คงต้องยอมรักษาน้ำใจกันกระมัง จากนั้นยังจะมีอะไรให้ชม หลายคนก็ส่ายหัวจากไป ใครจะคิดว่าพอหันหลังจะไป ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแผดดังลั่น
หลายคนพากันตกใจ มามุงดูตั้งนานก็ไม่มีแบบนี้ ดูเหมือนจะพลาดช่วงเวลาเด็ดไปเสียแล้ว
หวังทงประสานมือยิ้มกว้างก้าวขึ้นมาด้านหน้า เจ้านักเลงหัวไม้นั่นพลันรู้สึกโล่งใจ แต่ก็ไม่กล้ากำเริบมากนัก ก้มตัวเดินไปข้างหน้า เตรียมจะพูดเสียงอ่อนสุภาพสักหน่อย หากสองฝ่ายแค่เข้าใกล้กัน หวังทงก็ก้าวเข้าใส่ เตะออกไปข้างหน้าอย่างแรงทีหนึ่ง ในสถานการณ์เร่งด่วนเคลื่อนไหวฉับไวเช่นนี้ เจ้าพวกหัวไม้ที่ไม่ได้เตรียมป้องกันแม้แต่น้อยก็โดนเตะเข้าไปเต็มๆ โดนจุดยุทธศาสตร์พอดีเป๊ะ ทำให้ล้มลงไปกองกับพื้นทันที จุดยุทธศาสตร์เจ็บปวดถึงใจ เป็นเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดอย่างแท้จริง
ท่ามกลางสายตาผู้คน หวังทงกระโจนเข้าไปเหยียบท้องของเจ้านักเลงนั่น นักเลงบนพื้นผู้นั้นแม้คิดจะส่งเสียงร้องโหยหวนต่อก็มิอาจเปล่งออกมาได้ มันถูกอัดจนขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่ตรงนั้น