ตอนที่ 753 ลงมือทีหลัง
พลปืนไฟหลังกำแพงไม้บนรถรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานมาก ที่จริงแล้วพวกเขายิงปืนไฟไปแค่สี่รอบ ยิงแค่สี่ครั้งเท่านั้น ปืนไฟหลายร้อยยิงไปหลายครั้ง
ทหารราบที่บุกเข้ามาถูกยิงล้มในระยะ 70 ก้าว คนด้านหน้าเริ่มพยายามบุก แต่ด้านหลังผลักจนหยุดไม่อยู่ ปืนกระสุนหนึ่งชั่งยกปากกระบอกขึ้น กำลังจะยิงใส่ฝูงชน
ยิงพริบตาก็พอเพียงจะทำให้ทหารราบที่เป็นชาวนาทั้งหลายตรงหน้าแตกตื่น แสงไฟสว่างวาบ เพื่อนข้างๆ ถูกยิงเป็นรู ส่งเสียงร้องเจ็บปวดดังก่อนล้มลง
เทียบกับภาพนี้แล้ว การจะถูกทหารม้าพวกนอกด่านฟันนั้นไม่น่ากลัวแล้ว สามารถต้านรับได้ พวกเขาพากันหันหลัง ไม่สนใจวิ่งหนีกลับไป หากมีคนขวางหน้า พวกเขาก็ชักดาบฟันเพื่อนทหารด้วยกันทันที หากเป็นทหารม้านอกด่านมาไล่ต้อนอีก พวกเขาก็จะต่อต้านแล้ว
สถานการณ์ตอนนี้ทหารม้าพวกนอกด่านที่ไล่ต้อนมาก็ขวางไม่อยู่ ก็เหมือนคลื่นตีกลับ เพิ่งจะไล่คลื่นกระหน่ำไป ตอนนี้พริบตาก็ตีกลับมา
ถอยกลับมาได้ราว 200 ก้าว ก็ถูกทหารม้าพวกนอกด่านล้อมอีกรอบ แล้วก็ไล่ต้อนกลับมาให้บุกอีก พลปืนไฟกองกำลังหู่เวยหลังกำแพงไม้ผลัดอีกชุดขึ้นมาแล้ว ในเมื่อลงมือแล้ว ก็ไม่มีอันใดให้ต้องลังเลอีก ทุกคนจับปืนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เตรียมยิงตลอดเวลา
ทหารกองกำลังหู่เวยเงียบมาก บรรยากาศกดดันมาก ปืนใหญ่ทางเมืองจี้โจวก็ยิงไปแล้ว เมื่อครู่ทุกคนกำลังสนใจอยู่แต่ทางนี้จึงไม่ทันสังเกตว่าทางฝั่งเมืองจี้โจวยิงไปแล้วอย่างไม่ลังเล ตอนนี้ยิงรอบสองแล้ว นี่สิเรียกว่าทหารชำนาญการศึกแท้จริง
ในสถานการณ์รบเป็นตายเช่นนี้ ทหารทุกคนมีเป้าหมายแค่อยู่รอดกับตาย แพ้หรือชนะเท่านั้น ผู้ที่ขวางเป้าหมายล้วนเป็นศัตรู นับประสาอันใดกับชาวฮั่นที่แปรพักตร์ บุกเข้ามาได้ ย่อมไม่ปล่อยทหารหมิงที่สงสารพวกเขาเป็นแน่ คงลงมือกันอย่างบ้าคลั่งที่สุด
“ยิง!!”
ทหารราบชาวฮั่นฝ่ายศัตรูส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวหากก็ยังก้าวเข้ามาในรัศมียิง หัวหน้าทหารออกคำสั่ง ครั้งนี้กองกำลังหู่เวย ทั้งพลปืนไฟ ปืนใหญ่ล้วนไม่ลังเล ยิงใส่ทันที
หากเมื่อครู่กล่าวว่าที่บุกมานั้นน่าสงสารนัก ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าน่าแค้นใจนัก รู้แล้วว่าบุกเข้ามาต้องตาย หากหันไปสู้กับทหารม้านอกด่านยังพอมีทางรอด พวกเขายอมถูกไล่ต้อนให้บุกมา เป็นทาสกันมานาน ไม่มีความเป็นคนแล้ว
พวกที่ถูกไล่ต้อนมา ครั้งนี้ไม่อาจเข้าใกล้เกิน 80 ก้าว หรือเรียกได้ว่าระยะ 100 ก้าว ก็ถูกปืนใหญ่ยิงจนแหกปากร้องไห้วิ่งหนีไปแล้ว สนามรบตอนนี้น่าขันยิ่ง
ทหารม้าหม่าซานเปียวเริ่มผลัดกันลงจากหลังม้าเพื่อรักษาแรงม้าไว้ รถศึกสองด้าน ยิงออกไปไม่หยุด ทุกครั้งที่ยิง ก็จะเห็นทหารราบที่เข้ามาใกล้รัศมียิงส่งเสียงเรียกร้องหาพ่อหาแม่วิ่งหนีกันให้วุ่นวาย จากนั้นก็จะถูกทหารม้าพวกนอกด่านไล่ต้อนกลับมาอีก สนามรบเหมือนกับละครลิงเลยทีเดียว
ทุกครั้งที่บุกขึ้นหน้ามาก็จะจบชีวิตไปราวสิบกว่าคนแล้วก็กระจัดกระจายก่อนจะถูกต้อนกลับมาเริ่มใหม่ ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายมาก แต่ก็ต้องรับมือต่อ ทหารเมืองจี้โจวกลับยิงได้คึกคักกว่า
นอกจากทหารราบในทิศทางนี้มากกว่าแล้ว ยังมีทหารม้าพวกนอกด่านจากปีกข้างขึ้นหน้ามา แต่ก็ยังรับมือได้ ไม่ต้องได้ใช้แรงบุกมากเท่าไร ไม่เข้ามาสังหาร เหมือนพยายามรักษาระยะห่างกับทหารม้าหมิง แม้สู้กันสบายๆ แต่ทหารในค่ายรถศึกก็ไม่กล้าผ่อนความระแวดระวัง ทหารราบชาวฮั่นที่ถูกไล่ต้อนมายังดี ทหารม้าเดี๋ยวรุกเดี๋ยวถอย หากเผลอไม่ระวัง อีกฝ่ายย่อมฉวยโอกาสเข้ามา อย่างไรก็ต้องรับมือให้เต็มที่ไม่ปล่อยให้เผลอ
การต่อสู้เช่นนี้ทำให้คนไม่อาจตั้งสมาธิได้ น่าเบื่อ น่ารำคาญ ทหารรอหวังทงออกคำสั่ง หากยังรบกันเช่นนี้ต่อไป ใช้ทัพม้าบุกให้แตกพ่ายไปเลยก็ดี ไม่ต้องยุ่งยาก
หวังทงบนเวทีไม้จับตาดูด้านหลังทหารราบพวกนอกด่าน ด้านหลังพวกเขานั้นก็มีทหารม้ากำลังไล่ต้อนอยู่ ระยะมองถูกบดบังอยู่มาก มองไม่ชัด แต่ก็พอเห็นว่าทหารราบอีกชุดกำลังขนบางอย่างลงจากรถ
“ถ่ายทอดคำสั่ง หม่าซานเปียวนำกองกำลังหู่เวยออกขับไล่ทหารราบแนวหน้า อย่ารบติดพัน ขอเพียงพวกเขากระจัดกระจายเปิดทางสักครู่ก็พอ!”
หวังทงในที่สุดก็มีคำสั่งลงไป ทหารถ่ายทอดคำสั่งรีบนำคำสั่งวิ่งออกไป ทหารม้าที่อยู่ปีกข้างของทัพรถศึกก็เริ่มตั้งทัพ ค่อยๆ ขึ้นหน้า
ทางนี้เคลื่อนไหว พวกนอกด่านก็รับมือทันที สามารถมองไปเห็นทหารม้าทางนั้นวิ่งออกมาร่วมอยู่กับทหารราบที่ส่งนำมา
เสียงนกหวีดดัง หม่าซานเปียวนำกำลังทหารม้าบุกออกไปแล้ว ระยะห่างจากศัตรูไม่เกิน 300 ก้าว ม้าเร่งกำลังไม่ค่อยได้มากนัก นับประสาอันใดกับยังต้องรักษาแรงม้าไว้สู้กับพวกทหารม้าที่รั้งอยู่ท้ายทัพพวกนั้น
แต่ทหารราบที่พวกนอกด่านไล่ต้อนมาก็ช่างมากมายมืดฟ้ามัวดินเสียจริง เห็นทหารม้าหมิงบุกมา ก็รีบหนีกันกระจัดกระจาย ครั้งนี้ทหารม้าพวกนอกด่านไม่รีบที่จะรวบต้อนกลับมา กลับตั้งทัพเตรียมรับมือ
“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้ทหารม้ากลับมารอรับคำสั่ง!!”
หวังทงสั่งการไป ทหารม้าพวกนอกด่านบนสนามรบนี้ได้เปรียบกว่าทหารม้าหมิง ทหารม้ามาก หากปล่อยให้ทหารม้าตนเองบุกไปก็เท่ากับไปหาที่ตาย
เสียงกลองรัวเร่งเร้าดังขึ้น ทหารม้าทหารหมิงถอนกำลังกลับ ทหารม้าพวกนอกด่านที่จัดแถวเสร็จก็ไม่ได้ตามล่า กลับมีหัวหน้าทหารออกคำสั่งให้ทหารม้าพวกนอกด่านกลับไปรวบกลุ่มทหารราบเมื่อครู่ที่หนีกระจัดกระจายให้กลับมาอีก
จากนั้นก็เริ่มล้อมวงและเข้ามาเริ่มบุกแบบเดิม กำลังทัพใหญ่พวกนอกด่านดูแล้วก็พอมีการฝึกมากันอยู่ แต่เหตุใดจึงมีแต่ใช้วิธีการต้อนชาวฮั่นให้มาโจมตีอย่างเดียว?”
“แม่ทัพใหญ่ การรบติดพันเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีต่อขวัญกำลังใจของทัพเรา ขอแม่ทัพใหญ่มีคำสั่งโดยเร็ว!”
ยามที่ผู้ที่มีสถานะพอจะกล่าวได้ก็มีเพียงแค่ถานเจียงแล้ว หวังทงขมวดคิ้วกล่าวว่า
“เมื่อครู่ทหารราบพวกนอกด่านแม้กระจัดกระจายไป แต่ทหารม้าปิดด้านหน้าไว้มิด อย่างไรก็มองไม่ชัดว่าพวกเขาด้านหลังกำลังทำอันใดกัน!”
“แม่ทัพใหญ่ ทัพเราหากยังลังเลเช่นนี้ เกรงว่าคงเสียจังหวะได้ หากพวกนอกด่านเกิดได้เปรียบ……”
“ข้าอยากดูว่าพวกมันจะใช้อันใดมาได้เปรียบเรา ทหารม้าบุก ต้อนทหารราบชาวฮั่นบุก สองวิธีนี้ใช้หมดแล้ว แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เรื่อง แต่ดูท่าทางพวกนั้นแล้วเหมือนยังมีเลศนัย น่าจะมีระลอกสามอันใด ข้าอยากรอชมว่าคืออันใดกันแน่!!”
หวังทงกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า ถานเจียงกำลังจะพูดก็ได้ยินทหารบนหอสังเกตการณ์ตะโกนรายงานลงมาว่า
“แม่ทัพใหญ่ พวกนอกด่านต่อไม้ ราว 20 จุดได้ จากทัพจี้โจวมองไปก็ราว 300 ก้าว!”
หวังทงรีบมองไปเห็นทหารทางนั้นมีความชุลมุนบางอย่าง ทหารราบพวกนอกด่านกับทหารม้าไม่อาจบดบังงานก่อสร้างด้านหลัง
ใช้ไม้ต่อเป็นนั่งร้านไม้ เหมือนว่าเป็นรูปร่างแบบปิรามิด นายช่างไม้ยังส่งไม้เป็นท่อนๆ ขึ้นไป หวังทงไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ไม้พวกนี้กับเหล็ก ราวกับว่าสร้างเป็นอันใดสักอย่าง ขอเพียงรอพวกเขาประกอบแล้วมัดแน่นก็เป็นรูปร่าง
นั่งร้านไม้ต่อเร็วมาก ความสูงระดับนี้ก็เกินเจ็ดเชียะแล้ว ยังมีคนนำเสากลมสองท่อนพร้อมตะกร้าไม้ถ่วงไว้ที่ปลายสองด้าน……
“……นี่มันปืนใหญ่หุยหุย!!”
ถานเจียงหลุดอุทานออกมา ปืนใหญ่หุยหุย ชื่อนี้แม้ว่ามีคำว่าปืนใหญ่ แต่ไม่เกี่ยวอันใดกับปืนที่ใช้ดินปืน ปลายสมัยราชวงศ์ซ่ง ต้นสมัยราชวงศ์หยวน พวกมองโกลราชวงศ์หยวนรุ่งเรืองขึ้นมาก็นำเข้าเครื่องดีดก้อนหินจากแดนตะวันตก เครื่องดีดก้อนหินนี้สามารถดีดหินก้อนใหญ่ได้ สามารถทำลายป้อมกำแพงเมืองให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก ตัวอักษรปืนใหญ่แรกเริ่มสร้างจากอักษรที่มีความหมายของคำว่า หิน ก็คือเครื่องดีดก้อนหินนี่เอง และหุยหุย ก็คือพวกที่มาจากแดนตะวันตกตอนที่พวกซ่งและพวกกิมก๊กรบกัน เป็นคำเรียกรวมพวกที่มาจากแดนตะวันตก (พวกซีอวี้ หรือ พวกแขกฝั่งทางซินเจียง) ต่อมาจึงได้หมายถึงพวกมีสีตาน้ำข้าว
เครื่องดีดก้อนหินมีมานานแล้ว แต่เครื่องดีดก้อนหินของจีนล้วนใช้แรงคนดีด เทคนิคนี้มาจากทางอาหรับ ช่างจากแดนตะวันตกนำเครื่องดีดก้อนหินมาปรับเปลี่ยน ประกอบขึ้นใหม่ ให้ใช้ขาเหยียบและใส่ล้อหมุน ทำให้เครื่องดีดก้อนหินสามารถดีดกระสุนหินที่หนักยิ่งขึ้นได้ ยิงได้ไกลขึ้นได้
พวกมองโกลราชวงศ์หยวนบุกทั่วทิศ ตีกำแพงเมืองไปทั่วก็ด้วยอาศัยอาวุธนี้ ไม่เพียงแต่ตีกำแพงเมือง หากรบกับศัตรู อาศัยพื้นที่กับฝีมือ ตั้งเครื่องดีดก้อนหิน ทหารราบกับทหารม้าศัตรูล้วนบาดเจ็บล้มตายหนัก
สถานการณ์ตอนนี้ กองกำลังหู่เวยกับเมืองจี้โจวล้วนรบด้วนรถ เท่ากับสร้างกำแพงเมืองในที่ราบ เพราะใช้รถใหญ่กับรถตู้ม้าเป็นเครื่องมือป้องกันการบุกของทหารม้า ทหารราบอาศัยแค่อานุภาพปืนไฟยิงออกไปเท่านั้น ทหารราบไม่อาจออกห่างจากการปกป้องของค่ายรถศึก ในสถานการณ์นี้ ขอเพียงใช้เครื่องดีดก้อนหินยิงกำแพงนี้ทิ้งได้ ระบบป้องกันแตกพ่าย รบกันซึ่งหน้า ทหารม้าสู้กับทหารราบ ผู้ใดก็รู้ผล
พวกมองโกลราชวงศ์หยวนถูกปฐมฮ่องเต้จูหยวนจาง หมิงไท่จู่ขับไล่ออกจากแผ่นดินจีน และยังถูกฮ่องเต้จูตี้หมิงเฉิงจู่ยกทัพขึ้นเหนือไปปราบหลายครั้ง มองโกลแต่ละเผ่ายังต่อสู้กันเอง กำลังจึงด้อยลงไปอย่างมาก เครื่องดีดก้อนหินก็ค่อยๆ หายไป คิดไม่ถึงว่าวันนี้ถึงกับได้พบบนสนามรบนี้อีกครั้ง
ระยะสามร้อยก้าว ปืนไฟเมืองจี้โจวยิงไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่ทางกองกำลังหู่เวย……
หวังทงไม่เคยเห็นปืนใหญ่หุยหุย แต่ตอนอยู่ลานฝึกหู่เวย เคยได้ยินหวงหยางกับอวี๋ต้าโหยวสอนอยู่ รู้ว่าเป็นเครื่องดีดก้อนหินก็พอแล้ว แม้ถานเจียงตื่นเต้น แต่หวังทงกลับหัวเราะกล่าวว่า
“นี่คงเป็นสิ่งที่พวกนอกด่านเตรียมตัวมาตลอดสินะ!”
กล่าวจบก็ออกคำสั่งดังบนเวทีไม้
“ปืนไฟ ปืนใหญ่ระดมยิงระลอกหนึ่งแล้ว ทหารหน่วยที่ 1 หน่วยที่ 2 ออกรบตาม!!”
เสียงสั่งการลงไป ทหารด้านล่างรับคำพร้อมเพรียม อึดอัดในค่ายรถศึกมานานก็เริ่มคึกคักทันที หวังทงกับถานเจียงลงจากเวทีไม้ หวังทงกล่าวว่า
“ถานเจียง ค่ายรถนี้ก็ฝากท่านกับขันทีไช่สองคนแล้ว!”
“ขอใต้เท้าวางใจ มีหน่วยรักษาความปลอดภัยกับคนอีก 2,000 พอที่ปกป้องค่ายรถ!”
ถานเจียงคำนับรับคำ มั่นใจมาก หานกังจูงม้ามาให้หวังทง หวังทงพยักหน้าโดดขึ้นม้า มู่เอินวิ่งตามมา ท่าทางหมดแรงถามขึ้น
“แม่ทัพใหญ่ พลปืนใหญ่ครั้งนี้จัดอย่างไร?”
“นำปืนใหญ่ที่มีทั้งหมดออกไป อีกสักพักจะเป็นเวลาแสดงฝีมือของพวกเจ้าแล้ว!”
มู่เอินตาวาว รับคำสั่งเสียงดัง กำลังหันกลับจะไปเตรียมตัว หวังทงก็ยิ้มกล่าวว่า
“สามกระบอกใหญ่สุดอย่าเคลื่อนไป!!”