ตอนที่ 758 ฟังคำสั่งข้า บุกเข้าไป
เครื่องดีดก้อนหินแม้ไม่เสียหาย แต่คนปฏิบัติการยิงนั้นกลับตายไปเกินครึ่ง มีคนสองคนที่โชคดีรอดตายมาได้ก็ไม่กล้าอยู่ต่อ แหกปากส่งเสียงร้องโหยหวนก่อนจะวิ่งหนีไป
บนเครื่องดีดก้อนหินมีกระสุนหินติดไฟ เผาไหม้อยู่บนปลายยอดไม้ ไม่รู้ว่าไปติดไฟด้านข้างได้อย่างไร เดิมเครื่องดีดก้อนหินก็ทำจากโครงไม้ประกอบขึ้น ไม่นานเครื่องดีดก้อนหินทั้งเครื่องก็ไหม้ตามไป
เครื่องดีดก้อนหินเครื่องหนึ่งพังหรือไม่ ไม่ได้เป็นที่สนใจของทุกคน ตอนนี้ไฟโหมกระหน่ำที่กลางทัพเมืองจี้โจวกับเสียงร้องตะโกนสังหารดังก้องไปทั่ว ทุกคนหันไปสนใจกันอยู่ทางนั้น
พอเสียงปืนใหญ่ระลอกสองดังขึ้น เครื่องดีดก้อนหินอันเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ สิบกว่าเครื่องวางตั้งอยู่ตรงนั้น แม้ว่าปืนใหญ่ไม่แม่นเท่าไร แต่หากคิดจะยิงโดนก็ไม่ยาก
ปืนใหญ่ยิงดัง เครื่องดีดก้อนหินอีกเครื่องล้มกระจายลง โครงไม้ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงทลายแหลกกระเด็นปลิวว่อน เทียบกับปืนไฟเมืองจี้โจว อานุภาพร้ายแรงกว่ามาก
นับประสาอันใดกับการที่เครื่องดีดก้อนหินห่างจากทัพเมืองจี้โจวตั้งไกลเพียงนั้น ทางนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นเขตไร้อันตราย ทหารม้าจำนวนมากไปรวมตัวกันอยู่บริเวณเครื่องดีดก้อนหิน จากนั้นก็บุกขึ้นหน้า ไม่ต้องพูดถึงช่างหรือทหารที่คอยอำนวยการจัดการเครื่องดีดก้อนหินแล้ว เครื่องถูกถล่มเป็นเสี่ยง คนรอบๆ ถูกเศษไม้กระแทกทะลุบาดเจ็บล้มลงไปทั้งแถบ
กระสุนปืนใหญ่ไม่ได้ลดอานุภาพความแรงหลังปะทะกับเครื่องดีดก้อนหินแต่อย่างใด ยังคงสร้างความเสียหายล้มตายให้กับกองทหารนอกด่านได้ต่อ ปืนใหญ่ระลอกสามดังขึ้น เครื่องดีดก้อนหินล้มลงอีกเครื่อง ประสิทธิภาพไม่ได้แตกต่างจากเมื่อครู่……
เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอีก มีเพียงเครื่องดีดก้อนหินถูกยิงล้ม ประสิทธิภาพสังหารไม่ได้เหมือนเมื่อสักครู่แล้ว ไม่ว่าช่างหรือแรงงานจัดการเครื่องดีดก้อนหิน หรือว่าทหารม้าพวกนอกด่านต่างก็พยายามออกห่างจากเครื่องดีดก้อนหินให้ไกลที่สุด ไม่กล้าเข้าใกล้อีก จะได้ไม่ถูกแรงอานุภาพปืนใหญ่ถล่มไปด้วย
ปืนใหญ่เอียงองศายิงมาเหมือนว่าอานุภาพร้ายกาจกว่าปืนใหญ่ก่อนหน้า ระยะยิงรัศมีไกล เหมือนว่าเกือบจะทะลุข้ามสนามรบพวกนอกด่านกับทัพเมืองจี้โจวมา
เสียงยิงดังครั้งนี้ไม่เหมือนกับอีกฝ่ายที่ยิงถล่มไม่หยุดในอีกทาง แต่เป็นเสียงที่ดังเป็นจังหวะ ทำเครื่องดีดก้อนหินล้มไปทีละเครื่องๆ พวกทหารม้านอกด่านต่างชุลมุนหาที่หลบกันจ้าละหวั่น
กองกำลังเริ่มถูกตัดขาด พวกทหารม้านอกด่านที่โจมตีมาทางทัพเมืองจี้โจวไม่ได้มีกำลังเสริมเข้ามาอีก และด้านหลังยังมีแต่เสียงยิงและเสียงร้องโหยหวนดัง ทำให้ความฮึกเหิมพวกเขายิ่งลดลง มีคนหันไปมองอย่างหวาดกลัว ก็เห็นเพื่อนทหารด้วยกันหันหลังวิ่งหนีกับพวกที่วิ่งออกไปหลบไกลๆ เห็นเครื่องดีดก้อนหินล้มระเนระนาด
ท่ามกลางค่ายรถศึก ไฟลุกโหมทำให้ทหารเมืองจี้โจวเริ่มลนลาน แต่ก็ทำให้ทหารม้าพวกนอกด่านที่ขี่อยู่บนหลังม้าไม่สะดวกนักเช่นกัน ม้ากลัวไฟ อย่างไรก็ต้องหลบ
ท่ามกลางค่ายรถศึกนี้ กำลังที่เมืองจี้โจวใช้การได้ก็มากกว่าทหารม้าพวกนอกด่านที่บุกเข้ามามากนัก สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เมื่อครู่ที่ทหารเมืองจี้โจวรับมือไม่ได้ก็เริ่มหายใจได้คล่องขึ้น เริ่มสั่งการรบ เริ่มล้อมสังหารทหารม้าพวกนอกด่านที่บุกเข้ามา
************
ยามนี้พระอาทิตย์ค่อนไปทางตะวันตก หวังทงบนหลังม้ามองไปรอบทิศ สถานการณ์การรบยามนี้ ไม่ต้องให้ทหารบนหอสังเกตการณ์รายงาน เขาก็รู้เองได้
การสังหารติดพันเมื่อครู่จบลงแล้ว ความฮึกเหิมของพวกนอกด่านถูกจัดการลงได้แล้ว เห็นพวกนอกด่านลงทุนกับเครื่องดีดก้อนหินมากเช่นนั้น หวังทงก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีกลยุทธ์อันใดอีก
พอปืนใหญ่กระสุนเก้าชั่งได้ยิงไป ภาพความร้ายกาจของเครื่องดีดก้อนหินก็ถูกสยบลงได้แล้ว ความฮึกเหิมของพวกนอกด่านก็ถูกสยบลงหมดสิ้นเช่นกัน
“แม่ทัพใหญ่ ปืนใหญ่เตรียมการเสร็จแล้ว!!”
มู่เอินตะโกนดัง หวังทงหันไปปิดหมวกเกราะขอตนเองลง ก่อนจะยกดาบขึ้นสะบัด ตะโกนดังว่า
“ยิง!!”
เสียงคำสั่งเดียวกันก็ดังมาจากทางมู่เอิน คนที่อยู่ใกล้ปืนใหญ่พากันอุดหู พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั้งแถบ ควันดินปืนคละคลุ้งไปทั่ว
ที่จริงแล้ว ทัพพวกนอกด่านที่เผชิญหน้ากับพวกหวังทงจำนวนเรียกได้ว่าร่อยหรอมากแล้ว ยิงไปครานี้ ปืนใหญ่ยังปรับทิศทาง แต่ทัพพวกนอกด่านก็ไม่ทันรู้ตัว หรือเพราะปากปืนใหญ่ไม่ได้เอียงองศามากนัก หรือเพราะพวกเขาไม่คิดว่าปืนใหญ่จะบรรจุกระสุนได้เร็วเพียงนี้ และเปลี่ยนทิศทางปากกระบอกปืนได้เร็วเพียงนี้ และยังยิงได้แม่นเพียงนี้
ปืนใหญ่ยิงครั้งนี้ ทัพพวกนอกด่านถูกยิงเปิดช่องกว้าง หวังทงบนหลังม้าตะโกนขึ้นว่า
“หน่วยที่ 1 หน่วยที่ 2 มุ่งไปฐานทัพศัตรู เดินหน้าพร้อมบุก!!”
ทหารถ่ายทอดคำสั่งลงไปอย่างรวดเร็ว เสียงกลอง เสียงสัญญาณอยู่ก็เริ่มดังเร่งเร้าจังหวะ บรรดาทหารต่างตะโกนขานรับพร้อมเพรียง บุกขึ้นหน้าไปยังฐานทัพพวกนอกด่านทันที
“ถ่ายทอดคำสั่ง หม่าซานเปียว เหลือกำลัง 400 ไว้คุ้มกันจางอู่ ที่เหลือตามข้าไป!!”
หวังทงออกคำสั่งที่สองลงไป ไม่นาน ทัพม้าหม่าซานเปียวก็มาถึง จางอู่ทางนั้นเตรียมปืนกระสุนเก้าชั่งเล็งแล้ว ยิงแนวเอียงไปทางพวกนอกด่าน ทหารม้าหม่าหย่งจึงค่อยมีเวลาหายใจ เริ่มรวมตัวกับทหารราบในค่าย รุมสังหารทหารม้าพวกนอกด่านที่ถอยกลับไม่ทัน
หน่วยที่ 1 กับหน่วยที่ 2 ล้วนเป็นทหารราบ แม้ว่าเริ่มบุกหน้า แต่เพราะเดินพร้อมกัน ความเร็วจึงไม่เร็วนัก ก็เหมือนแค่วิ่งเหยาะๆ ไปเท่านั้น
ผ่านเหตุการกดดันให้ล่าถอยไปหลายครั้งเมื่อครู่ กองกำลังหู่เวยตอนนี้ห่างจากทัพพวกนอกด่านไม่ไกลแล้ว ใกล้กับธงใหญ่สีเหลืองมากแล้ว เริ่มบุกขึ้นหน้า ไม่ต้องใช้เวลานานก็ไปถึงที่
ธงเหลืองใหญ่ผืนนั้นเป็นที่ตั้งแม่ทัพพวกนอกด่าน ทางนั้นก็ย่อมมีทหารนอกด่านที่เก่งกาจที่สุดอยู่ พอถูกปืนใหญ่ ปืนไฟกองกำลังหู่เวยยิงจนหน้าดำคร่ำเครียด ยังเห็นทหารราบมุ่งหน้ามาอีก รู้ดีว่าครั้งนี้ปืนใหญ่ไม่มีทางยิงมาได้อีกแล้ว จึงมีทหารม้ามารวมตัวกันด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ยกธนูน้าวเล็ง
การรบครั้งนี้ที่ทำให้ทหารม้าพวกนอกด่านอึดอัดที่สุดก็คือ มักจะถูกทหารหมิงยิงปืนใส่ระยะไกล ธนูที่ตนเชี่ยวชาญนั้นไม่อาจแสดงอานุภาพอันใดได้ ทหารหมิงบุกมาเอง ในการรุกหน้าบุกมาเช่นนี้ย่อมไม่อาจใช้ปืนไฟได้ เมื่อครู่ทุกคนก็เห็นแล้วว่า พลปืนไฟจะยิง ด้านหน้าก็ต้องมีไม้ตั้งปืน หากหยุดทัพ กองทัพก็ย่อมต้องหยุดชั่วคราว ย่อมเกิดความชุลมุน อาศัยจังหวะนี้ตีโต้คืน บางทีสถานการณ์อาจพลิกกลับได้บ้าง
ใกล้ระยะธนูยิงแล้ว ทหารม้านอกด่านก็ค่อยๆ น้าวสายธนูพร้อม ที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ พลปืนไฟทหารหมิงในแถวทหารราบหมิงหยุดลง พลทวนยาวกลับบุกเข้ามาอย่างไม่สนใจอันใด
ลูกธนูบนสายยามนี้ไม่อาจไม่ปล่อย พวกทหารหมิงถือทวนยาวพร้อมเกราะทั้งตัว หรือว่าไม่รู้จัดอานุภาพของธนูกัน
ในยามยิงที่กระชั้นชิด ธนูมาราวห่าฝน แต่พลทวนยาวกองกำลังหู่เวยที่เข้าใกล้มาก็แค่ก้มหัวลง ลูกธนูยิงเข้ากับเกราะ ยิงโดนหมวก ไม่ทะลุสักดอก ได้แต่แฉลบออกข้าง อย่างมากก็ทิ้งร่องรอยไว้เล็กน้อยเท่านั้น
มีบางคนโดนยิงเข้าที่ขากับแขน มีบางคนโชคร้ายโดนปักเข้าที่ลำคอ แต่ก็แค่ส่วนน้อย การตายของพวกเขาไม่อาจสกัดกั้นการเดินบุกขึ้นหน้าของเพื่อนทหารด้วยกันแต่อย่างใด
กองกำลังที่ไม่มีความกลัวเกรงใดๆ เดินเข้าใส่ตนเองเช่นนี้ อาวุธและชุดเกราะก็ส่องประกายแวววับ ธนูที่ตนเองภาคภูมิใจอย่างมากใช้การไม่ได้ ทหารม้านอกด่านที่ขึ้นหน้ามาขวางทางก็เริ่มลนลาน
ทหารราบวิ่งเหยาะๆ ระยะอีก 20-30 ก้าวเป็นระยะอันตราย ธนูไม่อาจยิงระลอกสองได้ พอใจหวาดกลัว ท่าทางที่ฝึกชำนาญก็ผิดท่า จึงไม่อาจมีอานุภาพสังหารอันใดได้อีก
ทหารม้าพวกนอกด่านแถวหลังเริ่มหันม้าหนี ควบม้าหนีออกไป ยามนี้ปืนไฟก็ดังขึ้น นอกจากทหารม้าที่เผชิญหน้ากับพลทวนยาวแล้ว คนที่เหลือก็ล้วนถูกยิงร่วงจากหลังม้า
ที่จริงแล้วเมื่อครู่พลปืนไฟหยุดเพื่อเตรียมการยิง หากทหารม้าพวกนอกด่านบุกปะทะ ก็ย่อมไม่ได้เปรียบอันใด หลังเหตุการณ์ปะทะเมื่อครู่ พวกเขาเริ่มหวาดกลัวปืนไฟแล้ว ไม่กล้าเข้าใกล้รัศมียิงอีก แต่พลปืนกองกำลังหู่เวยไม่มีอันใดต้องกลัว พวกเขารุกขึ้นหน้าไปอีก
พลทวนยาวแถวที่หนึ่งใกล้กับทหารม้าพวกนอกด่าน ห่างเพียงสิบกว่าก้าว ทหารม้าพวกนอกด่านบางคนลังเลว่าจะบุกหรือไม่ คนจำนวนมากเริ่มลังเล
ในที่สุดก็มีคนก็มีคนคุมสติไม่อยู่เริ่มกระชากม้าหันหลังกลับโดยไม่สนใจอันใด หันหลังได้ก็ควบออกไป พริบตาที่มีคนเริ่มก่อน ก็มีคนเริ่มตาม คนที่เหลือก็ย่อมไม่ไปตายฟรีอย่างโง่เขลา สถานการณ์รบพริบตาก็สลายตัวลง
แต่พวกเขาเมื่อครู่อย่างไรก็เป็นทัพ ม้าหันหลังวิ่งหนีก็ต้องใช้พื้นที่ไม่น้อย วิ่งขึ้นหน้าหรือวิ่งออกไปสองข้างทางก็ล้วนมีแต่กองกำลังหู่เวยปิดทางไว้ ด้านหลังก็มีเพื่อนทหารด้วยกันขวางไว้อีก
ทุกคนพากันด่าทอ หรือถึงขึ้นลงมือกัน เพื่อขับไล่เพื่อนทหารที่ขัดขวางการหนีเอาตัวรอดของตน ให้ม้าตนเองได้วิ่งออกไป แต่ทหารราบกองกำลังหู่เวยก็มาถึงตรงหน้าแล้ว
ทหารม้าพวกนอกด่านแถวหน้าสุดไม่มีความหวังที่จะหนีได้ทัน ที่ทำได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือควบม้าตนเองทะยานขึ้นหน้าไป กวัดแกว่งมีดาบและทวนยาว ดูว่าจะสามารถสังหารทหารราบกองกำลังหู่เวยเบื้องหน้าให้เปิดทางให้ได้หรือไม่
เป็นไปไม่ได้ที่ทหารราบกองกำลังหู่เวยจะถูกสังหารเปิดทาง ทวนยาวกองกำลังหู่เวยก็ยาวกว่าทวนยาวพวกนอกด่านระยะประชิดขนาดนี้ การบุกของทหารม้าไม่มีผลอันใด ผลของพวกเขาก็คือเสียงร้องโหยหวนถูกสอยร่วงจากหลังม้า
หากในระยะประชิด ทหารม้าได้เปรียบว่าอยู่ในมุมสูงกว่าทหารราบเท่านั้น ที่เหลือก็ไม่ได้เปรียบอันใด หากขวัญกำลังใจหมดสิ้นด้วยแล้ว คิดจะหนีด้วยแล้ว ก็ย่อมเสียเปรียบอย่างมาก นับประสาอันใดกับทัพทหารที่เขาเผชิญหน้าอยู่นั้นเป็นถึงกองกำลังหู่เวย
ทหารม้าพวกนอกด่านก็กล้ามาขวางทางถูกทวนยาวแทงตายทันที ส่งเสียงร้องโหยหวนร่วงจากหลังม้า เสียงร้องพวกเขาทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย ทุกคนคิดหนี แต่ละคนก็วิ่งได้ไม่เร็ว ทุกคนล้วนกลายเป็นเป้าของพลทวนยาวกองกำลังหู่ ทหารราบกองกำลังหู่เวยชุลมุนเป็นครั้งแรก แต่ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงเพื่อให้ทหารกล้าแต่ละนายมีพื้นที่สังหารศัตรูได้
“แม่ทัพใหญ่ พวกนอกด่านอย่างไรก็ยังคงอยู่นอกรัศมียิงปืนใหญ่!”
หวังทงนำทัพม้าวนรอบสนามรบที่กำลังรบดุเดือด ตอนนี้กำลังพวกนอกด่านไม่อาจทุ่มเข้ามาในสนามรบ บ้างก็ถูกทาหมิงตีพ่ายหรือรั้งไว้ ทหารม้าที่คุ้มกันกองกำลังใต้ธงเหลืองก็เหลือแค่พันกว่าคน หวังทงยิ้มมองไปทางธงผืนใหญ่นั้น กวัดแกว่งดาบในมือ ตะโกนดังขึ้นว่า
“สังหารแม่ทัพชิงธง ทุกคน ตามข้าไปสังหาร!!”
ได้ยินหวังทงตะโกนเช่นนี้ พวกหม่าซานเปียวก็ตะโกนรับพร้อมเพรียง ทัพม้ามุ่งไปยังธงเหลืองที่โบกสะบัด ควบทะยานมุ่งไป
ธงเหลืองผืนนั้นเริ่มมุ่งไปยังทางเมืองกุยฮว่าเฉิง เร็วขึ้นเรื่อยๆ