Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 120

№ 120 ท่านปู่ของเธอ!

เมื่อเหล่าผู้นำตระกูลมาถึงด้านนอก เห็นรถม้าคันที่ไม่สะดุดตาเท่าไหร่นักแล่นผ่านหน้าไป มองรถม้าคันนั้นค่อยๆ ไกลห่าง หลังจากพวกเขาพากันคำนับกล่าวลาก็ขึ้นรถม้า จากนั้นถึงจะออกคำสั่งจับตามองการเคลื่อนไหวจากนี้ไปของกวนสีหลิ่นให้มากขึ้น

ล้วนคิดว่า ในเมื่อเขาถอนตัวจากตระกูล งั้นพวกเขาจะลองดึงตัวเข้ามาในตระกูลตัวเองก็ย่อมได้ ที่จริงแล้ว จากการต่อสู้บนเวทีวันนี้ ต่างก็ดูออกว่าเด็กคนนี้ในอนาคตจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!

กวนสีหลิ่นบนรถม้าที่ไม่สนใจเรื่องวุ่นวายตระกูลกวนและไม่ใส่ใจสายตาคนรอบข้าง นั่งอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วจึงถาม “ท่านพี่ ท่านเสียใจรึ?”

“ไม่มีทางหรอก” เขามองที่นาง ส่ายหน้าพูดว่า “ข้าไม่เสียใจที่ถอนตัวออกจากตระกูล”

“งั้นท่านกำลังคิดอะไรรึ?”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง ถึงจะเอ่ยว่า “วันนี้ข้าตัดขาดกับตระกูลกวน ถอนตัวจากตระกูล แต่ข้าอยากก่อร่างสร้างตัว ตั้งสำนักตัวเองในเมืองอวิ๋นเยวี่ย มีวงศ์ตระกูลที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา”

“ได้สิ! ความคิดนี้ดีมาก”

เธออมยิ้มพยักหน้าชมเชย “ท่านอยากซื้อบ้านที่ไหนล่ะ? พวกเราจะรีบซื้อไว้เลยก็ได้นะ”

กวนสีหลิ่นส่ายหน้า “เสี่ยวจิ่ว ข้าไม่อยากใช้เงินเจ้า ข้าคิดจะหาเงินและใช้น้ำพักน้ำแรงของตัวเองมาจัดการเรื่องนี้”

เมื่อฟังคำพูดนี้ เดิมเธอจะบอกว่าไม่ต้องลำบากขนาดนั้น แต่เห็นเขามองมาด้วยสีหน้าจริงจัง ในดวงตาฉายแววแน่วแน่ ถึงจะยิ้มตอบรับ “ได้เลย ข้าจะไม่ช่วยท่าน แต่ว่า ท่านคิดจะปักหลักตั้งบ้านที่ใดรึ? ข้าสันทัดพอจะช่วยท่านดูทำเลได้นะ”

เห็นนางไม่ขืนยืนกรานอีก กวนสีหลิ่นถึงจะผุดเผยรอยยิ้ม “ขอบใจเจ้านะ เสี่ยวจิ่ว เรื่องนี้ถึงไม่บอกข้าก็ต้องถามเจ้าแน่นอน สายตาเจ้ายังดีกว่าข้ามากนัก”

“นั่นก็จริง”

ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ สายตาจับจ้องบริเวณหน้าต่างรถที่ถูกลมพัดเลิกขึ้นเบาๆ โดยไม่ตั้งใจ บังเอิญเหลือบเห็นเงาร่างหนึ่ง จึงทำท่าทีสะดุ้งเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้

“หยุดรถ”

เหลิ่งซวงด้านนอกดึงเชือกม้าไว้เพื่อหยุดรถ

“มีอะไรรึ?” กวนสีหลิ่นมองนางที่ผูกผ้าคลุมหน้าลุกยืนขึ้นอย่างแปลกใจน้อยๆ

“ท่านพี่ ท่านกับเหลิ่งซวงซื้อตัวคนรับใช้กลับไปก่อน ข้ามีธุระนิดหน่อย ค่ำๆ จะกลับไปเอง” บอกพลางเลื่อนผ้าม่านเดินลงไป

กวนสีหลิ่นนิ่งอึ้ง รีบร้อนตามออกมา “เสี่ยวจิ่ว ให้เหลิ่งซวงตามเจ้าไปเถอะ ข้าควบรถม้าไปเองก็ได้”

เหลิ่งซวงกำลังเตรียมตัวลงจากม้า กลับได้ยินเสียงนางลอยมา

“ไม่ต้องหรอก พวกท่านไปเถอะ! ข้าไปเองได้”

เห็นเช่นนี้ เหลิ่งซวงก็ไม่ตามไปอีก แต่มองไปทางกวนสีหลิ่น

กวนสีหลิ่นนิ่งเงียบสักพัก ก็ไม่ดึงดันอะไรอีก แค่บอกว่า “ในเมื่อนางไม่อยากให้ใครตาม งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ! นางไม่เป็นไรหรอก”

“อืม” เหลิ่งซวงขานรับ มองไปทางนายท่านที่เดินไปข้างๆ แวบหนึ่ง ถึงจะควบรถม้าเดินหน้าต่อไป

เฟิ่งจิ่วเดินกลับไปด้านหน้า มาถึงหน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เห็นชายชราที่กอดน้ำเต้าเหล้านั่งอยู่หน้าประตูร้านไม่ยอมไปไหน รอบดวงตาร้อนผ่าวเล็กน้อยชั่วขณะหนึ่ง ในใจมีความหดหู่ที่ยากเกินเอ่ย

นั่นคือท่านปู่ของเธอ ถ้าพูดให้ถูก ต้องเป็นท่านปู่ของเจ้าของร่างเดิม ตามเหตุผลแล้วเธอควรจะไม่รู้สึกอะไรสิถึงจะถูก แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อเห็นเขา ความรู้สึกในใจก็ล้วนเอ่อล้นออกมา

ความรักที่ท่านปู่มีต่อเธอ คำสอนสั่ง แต่ละฉากต่างย้อนความอยู่ในห้วงทะเลแห่งความคิด ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ราวกับรับรู้มันด้วยตัวเอง

หลังจากเห็นเขาดื่มเหล้าในน้ำเต้า ก็สำลักแค่กๆ ออกมา ก่อนจะนำเหล้าเททิ้งอย่างรังเกียจ ริมฝีปากจึงยกรอยยิ้มขึ้นเบาๆ อย่างอดไม่ได้

……………………………

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!