№ 158 ตวัดกระบี่ตัดลิ้น!
“เจ้าว่า ข้าควรตอบแทนเจ้าเช่นไรดี?”
“หึ! คนที่ไร้สิ้นกลิ่นอายพลังเร้นลับและใบหน้าเสียโฉม ต่อให้เจ้ายังมีชีวิตอยู่แล้วยังไงเล่า? ไม่สู้ตายไปซะยังดีกว่า!” นางแผดเสียงเย็นอย่างหยั่งเชิง แววตายินดียินร้ายมองใบหน้าที่ผูกผ้าคลุมไว้ ก่อนจะมองยังมู่หรงอี้เซวียนด้วยนัยน์ตาชั่วร้ายเหลือล้น
“เจ้ายังไม่รู้อีกรึ? เส้นเอ็นนางถูกข้าวางยาทำลายไปแล้ว ใบหน้าก็ถูกกรีดรอย ใบหน้าโชกเลือดนั้นถูกเฉือนเปิดเนื้อหนังทีละรอยๆ น่าสยดสยองยิ่งกว่านางแม่มด หนำซ้ำ… เหอะๆๆๆ…”
นางหัวเราะเสียงเบาอย่างแปลกๆ สายตามีความบ้าคลั่ง “หนำซ้ำ ตอนแรกข้าให้คนนำนางไปขายยังหอนางโลม ไม่รู้ว่ามีผู้ชายกี่คนมาเล่นด้วย… อ๊ะ!”
ยังไม่ทันสิ้นสุดน้ำเสียง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น ที่แท้ เฟิ่งจิ่วที่เดิมทีนั่งอยู่ดึงกระบี่ยาวออกจากเอวเหลิ่งซวง เดินไปตรงหน้านางไม่กี่ก้าว ปลายกระบี่ก็กวัดแกว่งตัดลงที่ลิ้นนาง
“ปากคนชั่วไม่อาจพูดดี ลิ้นไม่ต้องการก็ทิ้งเสีย”
ทุกคนลอบสูดหายใจ สำหรับคำพูดที่ซูรั่วอวิ๋นเอ่ยมา เพราะเฟิ่งจิ่วลงมืออย่างกะทันหัน พวกเขาถึงกับไม่สังเกตว่านางลงมือเช่นไร แค่เห็นลิ้นอาบเลือดร่วงหล่นลงพื้น แล้วซูรั่วอวิ๋นก็ปิดปากที่มีเลือดไหลไม่หยุดไว้
ส่วนองครักษ์แปดนายที่เห็นภาพนี้ กลับมีดวงตาเป็นประกาย
พวกเขามองนางยืนถือกระบี่ยาวในมือชี้ลงพื้น ปลายกระบี่มีเลือดหยด ชุดขาวสยายขึ้นเบาๆ ท่ามกลางสายลม กลิ่นอายเยือกเย็นและเกียจคร้านบนร่าง ในสายตาพวกเขามันช่างน่าชื่นตาสบายใจอยู่เช่นนั้น โดยเฉพาะการลงมือที่ทั้งเถรตรงและหมดจด ยิ่งทำให้ตื่นเต้นใจไม่สิ้นสุด
ต้องยอมรับ ว่าแม้ใบหน้านางเสียโฉม แต่ท่าทางนั้น ช่างเทียบกับคนทั่วไปไม่ได้เลยจริงๆ
หากคนเช่นนี้เป็นนายหญิงพวกเขา ก็ไม่ใช่ว่ายอมรับไม่ได้หรอกนะ
มู่หรงอี้เซวียนเบิกดวงตากว้างด้วยความตกตะลึง เห็นสาวน้อยชุดขาวลงมืออย่างโหดเหี้ยม ก็สะดุ้งตกใจ
นาง นางคือชิงเกอจริงรึ? เป็นสาวน้อยผู้อ่อนโยนนุ่มนวลที่จะอิงแอบอยู่ข้างกายเขาจริงๆ รึ?
“อ๊า!”
ซูรั่วอวิ๋นไม่มีลิ้นแล้ว ในปากมีเลือดเอ่อล้น แม้แต่พูดยังไม่ชัด ทำได้เพียงส่งเสียงร้องอู้อี้โหยหวน
นางกระโจนมาหาเฟิ่งจิ่วตรงหน้าคล้ายคนเสียสติ แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ เห็นสายตานางหรี่ลง ในดวงตาฉายแววแปลกๆ
เวลาต่อมาจึงเห็นกระบี่ยาวในมือโจมตีมา เพียงรู้สึกถึงพลังกระบี่สะบัดผ่านเบื้องหน้า แล้วเสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นก็ดังลอยตามมา
“อ๊า… อ๊าอ๊า…”
นางกรีดร้อง เสื้อผ้ากระจายลงพื้นเป็นชิ้นๆ ทั่วร่างหนาวเย็น สองแขนกอดร่างกายไว้หนาแน่น คิดจะปกปิดเนินอกที่เผยออกมา ฟังเสียงสูดหายใจที่ลอยมาข้างหูและเสียงหอบที่หยาบช้าเล็กน้อย นางอับอายเสียจนอยากหาหลุมลงไปหลบ
เหล่าผู้นำตระกูลรอบๆ ล้วนเป็นพวกเข้าวัยกลางคน แม้ในบ้านมีภรรยาดีสนมงาม
แต่เมื่อเห็นเรือนร่างสตรีที่เปลือยเปล่าปรากฏอยู่ตรงหน้า ต่อให้รู้ว่าฐานะพวกเขาไม่ควรมอง แต่กลับยังไม่ละสายตาออกไป
บ้างก็กระแอมไอโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าชราภาพแดงขึ้นเล็กน้อย กลับยังคงเหลือบมองไปทางร่างอ้อนแอ้นขาวราวหิมะ
ในเวลานี้ สุดท้ายก็รู้ ว่าทำไมเฟิ่งชิงเกอถึงให้ท่านปู่นางกลับเรือนไปก่อน ที่แท้เป็นเพราะได้เตรียมภาพอันหอมหวานเร้าใจเช่นนี้รอพวกเขาไว้อยู่
ไม่พูดไม่ได้ว่าวิธีการนี้ช่างไร้ปราณีเสียจริง จะฆ่าคนแค่เล็งที่หัว แต่เห็นได้ชัดว่านางรู้วิธีทรมานคน และการทรมานคนที่ชาญฉลาดที่สุดก็คือการทรมานจิตใจ
วิธีนี้ นางแสดงลวดลาดได้งดงามยิ่งนัก ทำให้ซูรั่วอวิ๋นตายทั้งเป็นยิ่งกว่าฆ่ากันตรงๆ เสียอีก
ท้ายที่สุด ภายใต้แสงแดด การเหยียดหยามที่ต้องทนรับสายตาเหล่าบุรุษทั้งร่างกายเปลือยเปล่า การทำร้ายจิตใจเช่นนี้ เป็นสิ่งที่สตรีล้วนไม่อาจรับได้
………………………………