Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 356

№ 356 ค่ายกลเลือดแปลกประหลาด!

ได้ยินเช่นนี้ มุมปากเฟิ่งจิ่วยกขึ้นน้อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา “อืม ข้าจะระวัง” เพราะรู้ถึงความแข็งแกร่งของศัตรูดังนั้นจึงยิ่งระวังมากขึ้น

“ข้าเพิ่งตื่นขึ้นมา ทุกด้านของร่างกายยังไม่ฟื้นเต็มที่น่าจะช่วยเจ้าไม่ไหว” หงส์ไฟน้อยเอ่ยเข้ามาในห้วงความคิดนางด้วยน้ำเสียงอึดอัดใจ

“อืม ไม่เป็นไร หากสู้ไม่ได้แค่ช่วยหลัวอวี่แล้วข้าก็จะหนีเลย”

เธอแค่วางแผนจะหนีไปหลังจากช่วยคน ไม่ได้คิดจะร่วมต่อสู้ ด้วยเหตุนี้พอตัดสินใจแล้วจึงเคลื่อนฝีเท้าเข้าไปช้าๆ เดินตามเสียงนั้นไป

เมื่อภาพที่ดวงไฟวิญญาณสีเขียวล่องลองอยู่ตรงหน้าในยามราตรีสะท้อนสู่สายตาเธอก็หวาดหวั่นในใจ เพียงรู้สึกว่าเรื่องนี้คงจะยุ่งยากกว่าที่คิดภาพไว้

พื้นที่ว่างอันกว้างขวางเบื้องหน้านั้นมีเขตอาคมก่อตัวอยู่ เลือดที่ไม่รู้ว่าผุดขึ้นมาจากไหนพรั่งพรูอยู่กลางเกราะป้องกันเขตอาคม มองไปท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิทราวกับเลือดนั้นพุ่งพล่านอยู่กลางเวหาอย่างแปลกประหลาด

เลือดที่มากมายเช่นนั้นทว่ายามนี้เธอที่ยืนอยู่นอกเขตอาคมกลับไม่ได้กลิ่นคาวเลือดแม้แต่น้อย เพียงเห็นว่าด้านในเขตอาคมมีดวงไฟวิญญาณสีเขียวหลายสิบดวงกำลังโลดแล่น เสียงดังซ่าๆ พร้อมด้วยเสียงร้องเจ็บปวดจากการดิ้นรนต่อสู้กระจายออกมาจากเปลวไฟนั้น ช่างดูแปลกประหลาดยิ่งนักในยามค่ำคืนเช่นนี้ ทำให้คนขนพองสยองเกล้าอย่างอดไม่ได้

ภายใต้ท้องฟ้ามืดสนิทมีเพียงดวงไฟสีเขียวนั้น และเพราะอาศัยเปลวไฟที่เหมือนกับดวงวิญญาณเหล่านั้นเธอจึงเห็นร่างคนตรงกลางได้อย่างชัดเจน

คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางพื้นที่ว่างอันกว้างขวางเป็นชายชราที่ผมเผ้าปล่อยสยาย ใบหน้าชราภาพที่เต็มไปด้วยริ้วรอยดูซูบผอมและมืดมน รอยเลือดแต่ละเส้นปรากฏอยู่บนใบหน้านั้นคล้ายจะมีเลือดไหลอยู่ ดูน่าแปลกตา

เสื้อคลุมสีดำตัวกว้างที่เปิดอยู่บนร่างเขาทำเสียงดังอยู่กลางสายลมยามรัตติกาล รอบๆ ตรงที่นั่งอยู่มีกะโหลกศีรษะที่อาบเลือดแต่ละหัววางล้อมรอบเป็นวงแหวน กลิ่นอายความมืดมิดที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายอยู่บนรอบตัว กลิ่นอายนั้นแข็งแกร่งเสียจนหัวใจเธอเกิดความรู้สึกอันตรายที่รุนแรง

เหมือนมีเสียงหนึ่งกำลังบอกเธอ เข้าไปอีกไม่ได้ เข้าใกล้อีกไม่ได้ มิเช่นนั้นจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่!

ส่วนผู้ฝึกเซียนพวกนั้นที่กำลังกู่ร้องด้วยความขุ่นเคืองก็คือสี่คนที่เธอเหลือบเห็นตอนเข้าป่า ทว่าตอนนี้พวกเขาแต่ละคนต่างแยกกันทรุดนั่งอยู่บนพื้น กลิ่นอายบนร่างคล้ายกำลังจางหาย และตรงจุดที่ออกจากคนพวกนั้นมาหน่อยยังมีอีกหลายคนนั่งอยู่บนพื้นเช่นกัน

พวกเขาราวกับเสียสติกันไป นั่งขัดสมาธิทั้งสายตาเซื่องซึมมองไปด้านหน้าอย่างนิ่งงันไร้ชีวิตชีวาปานหุ่นไม้ และเหนือศีรษะทุกคนล้วนมีเปลวไฟสีเขียวดวงหนึ่งวนล้อมรอบ

หลัวอวี่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

“มาสิ… มาสิ…”

ทันใดนั้น ผู้หญิงผมยาวสวมชุดกระโปรงสีแดงดุจโลหิตก็มายังเบื้องหน้าเธออย่างเงียบเชียบไร้เสียงราวกับภูตผี ใบหน้าขาวซีดที่ขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้ากะทันหันไม่มีสีเลือดเลยสักนิด แต่ริมฝีปากคู่นั้นกลับแดงสดงดงามแปลกๆ ดวงตาที่จ้องมาพร้อมไอภูตผีเย็นเยียบยิ่งทำให้ทั่วร่างหนาวเหน็บจนถึงกระดูก

เฟิ่งจิ่วแทบจะตอบโต้ในทันทีแต่กลับกดเอาไว้เสียดื้อๆ ฝืนทนความหวาดกลัวและตกใจที่ประดังขึ้นในก้นบึ้งหัวใจ แล้วเดินเข้าไปยังเขตอาคมที่มีเลือดพุ่งพล่านนั้นภายใต้การกวักมือเรียกของหญิงชุดแดงด้วยสายตาเหม่อลอย…

………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!