Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 388

№ 388 กระวนกระวาย!

ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มๆ “สองคนนั้นไม่คุ้มพอให้กลัว เดี๋ยวลูกจะคิดหาวิธีกำจัดพวกเขาเองเจ้าค่ะ”

ฟังคำพูดนี้เฟิ่งเซียวกับกวนสีหลิ่นต่างตกใจ “กำจัดพวกเขา? สองคนนั้นล้วนอยู่ระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุด อยากฆ่าเกรงว่าคงไม่งายดายเพียงนั้น” พวกเขาเคยมีความคิดเช่นนี้ แต่เพราะไม่มั่นใจเต็มร้อยจึงไม่ได้ลงมือ

ถึงอย่างไรสองคนนั้นเป็นคนของผู้ครองแคว้น หากไม่สามารถปลิดชีวิตได้ในทีเดียวพวกเขาก็ไม่อาจรับความเสี่ยงนี้ได้

“อืม ลูกรู้ดี ท่านพ่อวางใจเถอะ! ข้าไม่ทำเรื่องที่ไม่มั่นใจหรอกเจ้าค่ะ” เธอยิ้มขึ้นมา คุยกับพวกเขาอีกสักพัก ปรึกษาธุระเสียหน่อย รอจนฟ้าค่อยๆ มืดลงถึงจะออกจากห้องไปพร้อมๆ กับกวนสีหลิ่น ขณะกำลังกลับเรือนก็ถูกเรียกไว้

“คุณหนูใหญ่”

เฟิ่งจิ่วหยุดฝีเท้าลงมองไปหาแปดคนนั้น รวมถึงองครักษ์อีกเจ็ดคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “มีธุระอะไร?”

เหล่าชายวัยกลางคนมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นหันข้างไปเล็กน้อยเพื่อเหลือบมองพวกคนด้านหลัง เอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “คือพวกเขาจะยอมรับนาย…” ทว่ายังพูดไม่จบก็ถูกตัดบท

“เรื่องนี้ไม่รีบ” เธอโบกๆ มือแล้วสาวก้าวเดินออกจากเรือนไปพร้อมกับกวนสีหลิ่น เหลือไว้เพียงทุกคนด้านหลังที่มองหน้ากัน

องครักษ์ทั้งเจ็ดเห็นเช่นนี้ทั้งอึดอัดใจและอับอายอยู่บ้าง ต่างรีบเข้ามาเพื่อยอมรับนายนางกลับไม่ยอมรับพวกเขาไว้ หรือว่าไม่ถูกใจพวกเขา? และคิดว่าไม่คู่ควรจะเป็นข้ารับใช้นาง?

นึกถึงตรงนี้ ความกระอักกระอ่วนและอับอายบนใบหน้าพวกเขาก็หายไปไร้ร่องรอย เหลือเพียงความกังวลกระวนกระวาย

“ท่านอาจารย์ พวกท่านคิดว่าคุณหนูใหญ่จะไม่ถูกใจพวกเราหรือไม่ขอรับ?” ฉีคังเอ่ยถามอย่างตกอกตกใจ ในใจตนเองก็ไม่มั่นใจนัก

“หึ! เพิ่งรู้จักกังวลเอาตอนนี้รึ?” หนึ่งในนั้นส่งเสียงหึหนักๆ จ้องมองอย่างผิดหวังที่ไม่อาจสั่งสอนพวกเขาให้ดี “หากคุณหนูใหญ่ไม่ต้องการพวกเจ้า งั้นก็ต้องเปลี่ยนคนทันที แล้วให้นางเลือกจากพวกองครักษ์มาแทน”

“หา? ไม่ใช่กระมัง?”

พวกเขาได้ยินก็ทำหน้าจะร้องไห้ทันที กว่าจะเป็นหัวหน้ากองย่อยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากถูกแทนที่เพราะแบบนี้จะให้ไปร้องไห้ที่ไหน?

“ไม่ใช่อะไรกัน?” หลัวอวี่หาวพลางเดินเข้ามาจากด้านนอก หลังจากกลับมาก็นอนหลับมาจนถึงตอนนี้ แต่ก็ได้ยินว่านายท่านกลับมานานแล้ว

พอเข้าเรือนมาก็เห็นว่านอกจากอาจารย์เขาที่ใบหน้ามีรอยยิ้ม อาจารย์อาคนอื่นๆ ต่างทำหน้าบึ้งตึง เห็นพวกพี่ๆ น้องๆ เขาก็ระรื่นขึ้นมาทันใด

“แหะ พวกเจ้าเป็นอะไรไปหมด? ทุกคนทำหน้าจะร้องไห้ทำไมกัน?”

“เหอะๆ พวกอาจารย์อากำลังสั่งสอนบอกว่าพวกเขาตาไร้แวว นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ยังไม่ยอมรับนาย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วอยากจะยอมรับนายแต่คุณหนูใหญ่กลับไม่รีบ” อาจารย์ของหลัวอวี่หัวเราะพลางมองลูกศิษย์ที่เดินเข้ามา บอกว่า “เจ้าพักผ่อนเพียงพอแล้วก็คอยอยู่ข้างกายนายท่านเจ้าให้มากๆ อย่าเกียจคร้านเกินไป”

“ท่านอาจารย์วางใจเถอะขอรับ! ข้ารู้ดี” เขาพูดยิ้มๆ พลางยักคิ้วหลิ่วตา ถามว่า “นายท่านล่ะ? นางไม่ได้อยู่ที่นี่หรือขอรับ?”

“เพิ่งกลับเรือนไป”

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยไปหานาง” เขาพูดยิ้มๆ มองฟั่นหลินพร้อมบอกด้วยใบหน้าที่มีความภูมิใจ “เป็นยังไง? ไม่ฟังคำพูดข้าเจ็บใจแล้วล่ะสิ?”

ทั้งเจ็ดคนต่างพากันกระตุกมุมปาก เหลือบมองเขาอย่างหมดคำพูด

“แหะๆ ข้าจะไม่พูดอะไรกับพวกเจ้ามา รีบๆ คิดหาวิธีให้นายท่านรับพวกเจ้าไว้ดีกว่านะ! ไม่งั้นเกรงว่าคงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ”

“เจ้าได้ใจให้มันน้อยๆ หน่อย” หนึ่งในนั้นยิ้มพลางสบถด่าแล้วยกเท้าขึ้นถีบทันที แต่หลัวอวี่กลับหลบได้อย่างง่ายดาย

………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!