Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 427

№ 427 เจ้าตำหนักยมราชมาเยือน!

เมื่อหมอกควันสลายไป ทัศนวิสัยค่อยๆ ชัดเจน ภาพตรงหน้าสะท้อนเข้าสู่สายตาของผู้คนที่อยู่ห่างไปร้อยเมตรทีละภาพๆ เห็นภาพเช่นนั้นแต่ละคนก็เบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ

หน้าประตูจวนตระกูลเฟิ่งที่ใหญ่โต ทหารอารักขาแต่ละคนที่ล้มลงโอดครวญร้องโหยหวนกันไม่หยุด ไร้ซึ่งท่วงท่ายืนอาจหาญเช่นก่อนหน้า บนตัวพวกเขาทุกคนมีร่องรอยจากกระแสลมระเบิดนั้น บ้างเสื้อผ้าขาดวิ่น บ้างผมเผ้ายุ่งเหยิง บ้างใบหน้าเปื้อนขี้เถ้า

คนที่สภาพดีกว่าพวกเขาหน่อยมีเพียงเหล่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่วรยุทธ์ค่อนข้างสูง แม้พวกเขาจะบาดเจ็บจากกระแสลมของระเบิดเช่นกัน แต่อย่างไรก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับหลอมแก่นพลัง กระแสลมพวกนั้นไม่ได้สร้างความเสียหายให้พวกเขามากนัก แต่ความรู้สึกที่พวกเขากดเอาไว้สุดฤทธิ์กลับทั้งเจ็บทั้งคันอย่างยิ่ง คล้ายมีอะไรกำลังชอนไชอยู่ในผิวหนัง ทำให้พวกเขาบ้าคลั่ง ต้องอดทนอย่างหนักถึงจะไม่ร้องคร่ำครวญวุ่นวายจนเสียภาพลักษณ์เฉกเช่นทหารอารักขาพวกนั้น

“ส่งยาแก้พิษมา!”

ชายวัยกลางคนชุดดำผู้นั้นมองเฟิ่งจิ่วอย่างโกรธเคือง เวลาต่อมาร่างก็พุ่งไป ฝ่ามือทำท่ากรงเล็บจู่โจมไปทางเฟิ่งจิ่วตรงหน้า คิดจะจับนางก่อนค่อยให้ส่งยาถอนพิษมา!

เขารู้ว่านางต้องเล่นลูกไม้อะไรแน่ แต่นึกไม่ถึงว่าจะใช้ยาจัดการพวกเขาอย่างเปิดเผย! เขาลืมไปได้อย่างไร ครั้งก่อนเขากับนายท่านก็ติดกับอยู่ในเงื้อมมือนาง และสิ่งที่นางใช้ก็คือยา!

เห็นชายวัยกลางคนผู้นั้นจะทำร้ายนายท่านของพวกตน พวกฉีคังกำลังจะเข้าไป ทว่าได้ยินเสียงแค่นหัวเราะที่เจือแรงกดดันทรงพลังดังขึ้น

“ใครกล้าบังอาจ!”

ร่างทั้งสี่พลันพุ่งออกมา ส่งฝ่ามือลมพร้อมกลิ่นอายรุนแรงม้วนโจมตีตรงไปทางชายวัยกลางคนผู้นั้นทันที

ชายวัยกลางคนเพียงรู้สึกว่ามีกระแสลมแข็งแกร่งโจมตีมารับหน้า พลันถาโถมมาทางเขาราวเกลียวคลื่น และผลักเขาออกไปไกลหลายเมตรเสียดื้อๆ ในใจเขาตกตะลึง ขณะเงยหน้ามองก็รีบประคองฝีเท้าที่โดนสะเทือนจนล่าถอยไว้ให้มั่น

“พวกเจ้าเป็นใคร!”

ผู้ฝึกวิชาเซียนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่ยืนอยู่เบื้องหน้าคุณหนูใหญ่เฟิ่ง สี่คนคุ้มกันนางไว้อย่างแน่นหนาไร้ช่องโหว่ กำลังจ้องเขาตาเขม็ง มองเสียจนเขากลัวอย่างอดไม่ได้

แค่จวนตระกูลเฟิ่งในแคว้นเล็กๆ ระดับเก้า ทำไมถึงมีผู้ฝึกตนวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังคอยคุ้มกันได้?

ยามนี้ ชายชราที่อารักขาเนี่ยเถิงเก็บเกราะป้องกันและลงมาข้างล่างพร้อมกับเนี่ยเถิง ครั้นทั้งสองเห็นทหารอารักขาที่ล้มอยู่บนพื้น รวมถึงเสียงโอดครวญต่างๆ สีหน้ายิ่งดำคร่ำเครียดขึ้นมา

“ฝ่าบาท แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำไมต้องลำบากตั้งมากมายเพื่อนางด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”

น้ำเสียงชายชราเคร่งเครียด ทั่วร่างมีกลิ่นอายเย็นเยียบกระจายอยู่ แววตาคมกริบจับจ้องเฟิ่งจิ่วราวกับงูพิษ พอเอ่ยปากก็พูดจาร้ายกาจ “หญิงคนนี้ฝีมือแปลกพิลึกนัก หากฝ่าบาทจะเก็บนางไว้ข้างกาย ทางที่ดีที่สุดต้องกำราบนางเสียก่อน!”

เนี่ยเถิงจ้องมองร่างสีแดงที่งามล้ำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เม้มปากไม่พูดอะไร ทว่าเห็นคนของเขาล้มลงหมด ไฟโทสะในใจกลับพลุ่งพล่าน ภายในร่างกู่ร้องประหนึ่งมีสัตว์ร้ายจะหลุดออกจากกรง เหมือนอยากพุ่งออกไปกระโจนใส่คนที่ทำให้เขาบันดาลโทสะ

ยามนี้ได้ยินคำพูดชายชรา เขาก็ครุ่นคิด แววตาลึกล้ำจับจ้องเฟิ่งจิ่วไว้แน่นิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

ขณะเดียวกันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตำหนักยมราชที่สวมชุดคลุมดำลวดลายอ่อนจาง ทั่วร่างแผ่รัศมีอย่างราชา ตอนนี้เข้ามาในเมืองอวิ๋นเยวี่ยแล้ว และกำลังพาฮุยหลางกับอิ่งอีตรงไปทางจวนตระกูลเฟิ่ง…

เพราะบุคลิกสูงศักดิ์ซึ่งไม่อาจเก็บซ่อนบนร่างเจ้าตำหนัก รวมถึงรัศมีเด็ดขาดทรงอำนาจที่ดุดันข่มขวัญคน ผู้คนในเมืองจึงต่างพากันหันมอง แอบคิดในใจว่ามีคนใหญ่คนโตมาจากที่ไหนอีก

…………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!