Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 466

№ 466 หัวใจบีบรัด

แค่ชะงักไปนิดชั่วขณะหนึ่ง เขาก็เปิดประตูเดินออกไปยังด้านนอก พลางบอกสองคนในลานว่า “สั่งทางครัวเตรียมกับข้าวมาสองสามอย่าง ข้าวสองชามและน้ำแกงหนึ่ง ส่งไปที่เรือนนาง”

ระหว่างที่พูดเขาเดินออกจากเรือนมาแล้ว เอามือไพล่หลังมุ่งหน้าไปยังเรือนเฟิ่งจิ่ว สองคนด้านหลังเห็นเข้าจึงมองหน้ากัน

“นายท่านไปหาภูตหมออีกแล้ว? เขาโกรธนางอยู่ไม่ใช่หรือ?” ฮุยหลางตะลึงอยู่บ้าง คิดว่าทำไมยามนายท่านพบภูตหมอแม้แต่ความขี้โมโหสักนิดก็ไม่มีแล้ว? ตอนที่กลับมายังมีไฟโกรธในใจ แต่เพิ่งได้ยินเขาบอกว่าภูตหมอยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย ก็กุลีกุจอรีบออกไปเสียแล้ว!

“นี่เขาเรียกว่าคนกลัวเมีย อีกหน่อยแต่งงานกับภูตหมอแล้ว นายท่านต้องถูกกินตายแน่ๆ” อิ่งอีพูดจบก็บอก “เจ้าไปสั่งห้องครัวเตรียมข้าวปลาอาหารเถอะ”

“เฮ้อ! หนึ่งสิ่งย่อมกำราบอีกหนึ่งสิ่งสินะ” ฮุยหลางส่ายหน้า เดินตามออกไปเช่นกัน อยากไปดูเสียหน่อยว่าแม้แต่เขตเรือนของภูตหมอนายท่านจะเข้าไปได้หรือไม่

อีกทางหนึ่ง ภายในเขตเรือนของเฟิ่งจิ่ว เมื่อเหลิ่งซวงที่เฝ้าอยู่ในสวนหน้าเรือนเห็นเจ้าตำหนักยมราชเดินมาก็ตกใจเล็กน้อย แต่ยังคงมาด้านหน้าเขาเพื่อขวางฝีเท้าเขาไว้ “นายท่านหลับไปแล้ว ท่านเจ้าตำหนักมีธุระอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะเจ้าค่ะ”

เจ้าตำหนักยมราชกวาดมองนาง แล้วสาวก้าวเดินเข้าไป เดินสองสามก้าวมาถึงหน้าเรือนก็ผลักเปิดประตูเข้าไป จากนั้นกลับไม่ได้ตรงไปยังห้องด้านใน แต่นั่งลงข้างโต๊ะตรงห้องด้านนอก

“ข้ามาดื่มเหล้ากับเจ้า”

คำพูดหนึ่งประโยคที่ทั้งแข็งกระด้างและทุ้มต่ำ ทำให้เฟิ่งจิ่วที่นอนบนเตียงห้องด้านในและยังไม่หลับฟังแล้วตกใจเบาๆ สีหน้าประหลาดพิกล

เหลิ่งซวงเห็นว่าขวางเขาไม่ได้ จึงเข้าไปบอกเฟิ่งจิ่วยังห้องด้านใน เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณนางถอยไป ส่วนตัวเองลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมเดินออกมา เมื่อเห็นเจ้าตำหนักนั่งอยู่ข้างโต๊ะพลางจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกล้ำ จึงกระชับเสื้อคลุมบนร่างพลางเดินเข้าไปถาม “ท่านมีเหล้าหรือไม่?”

ได้ยินคำถามนี้ เจ้าตำหนักชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะยกไหหนึ่งออกมาจากในห้วงมิติทันที “เหล้าวิญญาณชั้นเลิศ” ขณะเดียวกันยังหยิบแก้วเหล้าใบเล็กสีหยกออกมาสองใบ

เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ยิ้ม ก่อนร้องเรียก “เหลิ่งซวง หยิบชามมาสองใบ”

เจ้าตำหนักยมราชมองนาง แล้วเก็บแก้วเหล้าใบเล็กสองใบนั้นกลับ

ฮุยหลางที่ยืนมองภาพนี้อยู่ตรงประตูตาค้างไปบ้าง นั่นคือเหล้าวิญญาณชั้นเลิศ! หนึ่งหยดราคาพันชั่ง นึกไม่ถึงว่าภูตหมอคนนี้ยังจะใช้ชามดื่ม? ไม่สิ้นเปลืองบ้างได้ไหม?

หลังวางชามใบเล็กสองใบลง เหลิ่งซวงถอยออกไปยืนมองทั้งสองคนตรงประตู

“รินเหล้าสิ!” เฟิ่งจิ่วให้สัญญาณ เห็นเขาถือไหเหล้าไว้ทว่ากลับไม่ขยับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

“ไม่ต้องรีบ กับแกล้มยังไม่มาเลย” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างมีแรงดึงดูด ประหนึ่งสุราเลิศรสกลมกล่อม ทำให้เมามายอย่างยิ่งในยามค่ำคืน

“ดื่มเหล้าไหนเลยต้องมีกับแกล้มอะไร? ท่านไม่ดื่มงั้นข้ารินก่อน จะลองชิมว่าเหล้าวิญญาณชั้นเลิศมีรสชาติเช่นไร” เธอพูดจบก็ยื่นมือจะหยิบเหล้าไหนั้น ใครจะรู้ มือที่ยืนออกไปจับกลับโดนมือเขากดไว้

เธอเงยหน้ามองและพลันยิ้มขึ้นมา “อย่าเอาเปรียบข้าได้ไหม? ถึงจะแค่มือ แต่ก็เป็นมือของผู้หญิง!”

มุมปากเจ้าตำหนักกระตุกเล็กน้อยอย่างที่ไม่อาจสังเกต แววตาลึกล้ำจับจ้องนาง เขามองออกว่านางในคืนนี้ไม่ค่อยปกติจริงๆ เพราะเหตุใดกัน? เห็นชัดว่ากำลังยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมีความอ้างว้างและโดดเดี่ยวบางส่วน เขามองแล้วหัวใจบีบรัด

ชัดเจนว่าคนที่ถูกทำให้โกรธคือเขา คนที่ควรโมโหก็คือเขา แต่ทำไมดูแล้วเหมือนนางต่างหากที่เป็นคนน้อยใจ?

………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!