№ 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ
หลินป๋อเหิงใช้ชีวิตใกล้จะร้อยปีแล้ว จะไม่รู้ได้หรือว่าในใจเขากำลังวางแผนอะไร? เขาเพียงมองซานหยวนแวบหนึ่ง บอกยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้ได้แน่นอน เจ้าจะออกไปก็ให้ซู่ซีไปเป็นเพื่อนแล้วกัน! เจ้าไม่ได้มาตั้งหลายปีเพียงนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากนัก ไปเดินดูเดินเล่นเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
“พี่ใหญ่ บอกตามความจริง! ตอนนี้ข้าเห็นซู่ซีก็คิดเพียงจะหลบซ่อน ข้ากลัวนางมากจริงๆ” ผู้เฒ่าเฟิ่งไม่ได้ดื่มชา แต่หยิบน้ำเต้าเหล้ามาดื่ม บอกว่า “ท่านว่าหากให้ลูกชายกับหลานสาวข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ใด?”
ได้ยินคำพูดนี้หลินป๋อเหิงก็ไม่ค่อยชอบใจนัก จึงทำหน้าถมึงทึงขึ้นทันใด “ทำไม? น้องสาวข้าซู่ซีไม่เข้าตาเจ้าถึงเพียงนั้นเชียว? เจ้าเสียหน้าหรือ? เจ้าไม่ลองคิดเล่าว่าใครให้นางรอตั้งหลายปีเพียงนี้ เจ้าคิดถึงแต่หน้าแก่ๆ ของเจ้า ทำไมไม่ลองคิดว่าหลายปีนี้ผู้หญิงคนเดียวอย่างซู่ซีต้องทนรับคำครหามาเท่าไหร่? ทำไมไม่ลองคิดว่านางทำถึงขนาดนี้ต้องยากเย็นเพียงใด?”
“พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเฟิ่งทอดถอนใจ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว หากพูดต่อไปจะกลายเป็นยิ่งพูดยิ่งวุ่นวาย
หลินป๋อเหิงวางถ้วยชาลงลุกยืนขึ้น บอกว่า “ป่าแห่งนี้เจ้าเองก็คุ้นเคย นอกจากไม่หวังให้เจ้าไปภายในจวนก็เดินเหินได้ไม่จำกัด เจ้าอยากเดินไปไหนก็ไป อยากไปดูที่ไหนก็ไป ข้ากำชับไว้อย่างดี คนในจวนไม่กล้าไม่เคารพเจ้า ยังมีอะไรไม่พอใจอีก?”
“นอกนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น พวกเราพี่น้องไม่เจอกันตั้งหลายปีเช่นนี้ ยามนี้เจ้าอยู่ในตระกูลหลินก็ควรหาโอกาสมารวมตัวกันดื่มเหล้าเสียหน่อยใช่หรือไม่? แล้วดูสิเจ้าเหมือนอะไร? หลบอยู่ในเรือนนี้ทั้งวันไม่ออกไป ข้าละอายใจแทนเจ้านัก”
“อีกอย่าง ไม่ได้เจอซู่ซีมาหลายปีเจ้าจะไม่คุยกับนางดีๆ หน่อยหรือ? ลองถามนางว่าหลายปีนี้เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเองก็ลองคิดดีๆ เถอะ! อย่าคิดแต่จะหนี หากเจ้าหนีไปข้าจะช่วยซู่ซีไปจับตัวถึงราชวงศ์เฟิ่งหวง”
หลังจากพูดเป็นชุดๆ หลินป๋อเหิงก็ไม่ได้หยุดลง แต่ก้าวเดินจากไป คิดจะให้ตัวเขาเองลองไตร่ตรองดีๆ
ผู้เฒ่าเฟิ่งถอนใจ นั่งดื่มเหล้าในลานบ้าน องครักษ์ลับพวกนั้นในมุมมืดเห็นแล้วก็มองหน้ากัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้มีอะไรยุ่งยากนัก
ผ่านไปสองสามวันเรื่องเหาะลำหนึ่งค่อยๆ เข้าใกล้ชายแดนแคว้นมหาสันติ เดิมทีเฟิ่งจิ่วไม่อยากดึงดูดความสนใจเกินไปนัก เลยจะให้พวกเขาลงจากเรือเหาะให้หมดแล้วเดินหน้าไปบริเวณประตูเมือง ใครจะรู้ว่าหลิงโม่หานกลับบอกว่าไม่ต้องรีบ ดังนั้นเรือเหาะจึงจอดอยู่นอกประตูเมืองนั้นทันที
สำหรับแคว้นระดับสามเรือเหาะเป็นอะไรที่เห็นบ่อยมาก ไม่เหมือนกับคนแคว้นเล็กระดับเก้าที่เห็นว่ามีเรือเหาะก็จะเข้ามาล้อม แต่ยังโดนคนรอบข้างพินิจมองเหมือนเดิม เพราะนอกจากเรือเหาะลำหรูหรา เสื้อผ้าการแต่งตัว และรูปโฉมท่าทางพวกเขาล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่อยากดึงดูดความสนใจนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆ
คนคุ้มกันเมืองก็เห็นพวกเขาเป็นลูกชายจากตระกูลสูงศักดิ์ ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ๆ คนที่รับผิดชอบตรวจสอบตัวตนจึงอำนวยความสะดวกให้พวกเขามายังด้านหน้าป้ายหยกตรวจสอบตัวตนโดยไม่ต้องคัดออก
หลิงโม่หานยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วตลอดไม่เดินหน้าเข้าไป มีเพียงฮุยหลางเดินไปข้างหน้า หลังจากยื่นของบางอย่างคนที่คุ้มกันประตูเมืองก็มีท่าทีตกใจ คาราวะพวกเขาด้วยความเคารพ ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว
ท่าทางยำเกรงของทหารอารักขา รวมถึงความสะดวกสบายที่ไม่ต้องตรวจสอบตัวตนอื่นๆ ก็เข้าไปได้ทันที ทำให้คนพวกนั้นที่ยังต่อแถวอิจฉาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
…………………………………….