№ 58 จวนภูตในห้วงมิติ!
มู่หรงอี้เซวียนเห็นเฟิ่งชิงเกอเป็นคนที่ผูกพันรักใคร่ ส่วนเฟิ่งจิ่วกลับเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่ง…
เรื่องที่เธอต้องทำพึ่งพาได้แค่ตัวเอง เกรงว่าเขาผู้นี้จะเป็นหนึ่งในคนที่เฟิ่งชิงเกอเชื่อใจมาก เธอก็คงไม่บอกกล่าวเขาถึงสถานการณ์ตอนนี้
ช่วยคนอื่น จนแล้วจนรอดก็ไม่สู้ช่วยตัวเอง
มู่หรงอี้เซวียนมองเงาร่างที่จากไปของทั้งสองอย่างตกตะลึกเล็กน้อย
น้องสาว?
ชายผู้นั้นบอกว่าเธอคือน้องสาวเขา? งั้นเธอก็ไม่ใช่ชิงเกอ?
พลันหัวใจเขาเหมือนจะว่างเปล่า หดหู่น้อยๆ และยินดีอยู่บ้าง ทั้งหมดนี้ อาจเป็นเพียงเพราะเขาคิดมากไป…
ถึงอย่างไร ความกังขาของเขาก็น่าเหลือเชื่อ ถ้าเรื่องที่สงสัยอยู่เป็นความจริง นั่นเท่ากับบอกว่าเฟิ่งชิงเกอที่กลับไปจวนตระกูลเฟิ่งตอนนี้เป็นตัวปลอมน่ะสิ? ต่อให้ในใจเขาจะเคลือบแคลงไปบ้าง รู้สึกว่าเธอไม่ใช่ แต่ท่านพ่อท่านปูของเธอ หรือว่าพวกเขาก็ยังจำผิดคนรึ?
อาจเป็นเพราะ ทั้งหมดนี้เขาแค่ระแวงไป
อีกด้านหนึ่ง กวนสีหลิ่นกับเฟิ่งจิ่วดูเรือนมาหลายที่ จนสุดท้ายก็ถูกตาต้องใจเรือนที่ค่อนข้างเงียบสงบแห่งหนึ่งเข้า ทำเลออกจะห่างไกล แต่กินขาดเรื่องความสงบ และสภาพแวดล้อมก็ไม่เลว
วันนั้น พอจัดหาซื้อพวกสิ่งของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ทั้งสองจึงย้ายเข้าไปอยู่
หลังจากอธิบายความกับกวนสีหลิ่น เธอก็เข้าสู่การฝึกวิชาในรูปแบบการนั่งสมาธิ…
ตลอดสามวันติดต่อกัน ประตูที่ปิดแน่นล้วนไม่เคยได้เปิดออก
ส่วนกวนสีหลิ่นที่เฝ้ายามอยู่ในเรือนก็ฝึกฝนการใช้ดาบด้วยมือซ้ายมาตลอดในเวลาสามวันนี้
ความสามารถเดิมของเขาไม่เลวเลย พลังปะทุเขาก็แข็งแกร่ง จากมือซ้ายที่เดิมทีฝีมือตกไม่ได้เรื่องได้ราว จนตอนนี้ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว แม้จะไม่กระฉับกระเฉงเท่ามือขวา แต่ความแข็งแรงก็ค่อยๆ ใช้ได้ขึ้นมาบ้าง
ส่วนในห้อง เฟิ่งจิ่วที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง สองมือเธอวางนิ่งอยู่บนเข่าสองข้าง รอบกายมีพลังเร้นลับสีแดงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายอยู่ พลังเร้นลับบนร่างเธอหมุนวนเร็วมากทีเดียว แทบพูดได้เลยว่าพลังเร้นลับกำลังเข้าสู่จุดรวมพลังตรงกลางหว่างคิ้วอย่างรวดเร็ว และมันก็ค่อยๆ รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน
ผู้ฝึกวิชาขั้นต้น จะก้าวเข้าระดับนักรบ ต้องฝึกฝนกันหลายปีถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุไปถึงพลังเร้นลับขั้นเริ่มต้นของระดับนักรบ
สำหรับเฟิ่งชิงเกอคนเดิม พละกำลังเก่าก่อนก็แค่วรยุทธ์ระดับนักรบขั้นสอง แต่ตอนนี้เธอใช้เวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามวัน จุดรวมพลังก็บรรลุไปบ้างแล้ว ซ้ำยังเข้าถึงพลังเร้นลับขั้นเริ่มต้นได้อย่างมั่นคง พละกำลังเองก็พัฒนาขึ้น
ต้องรู้ไว้ ว่าพลังเร้นลับระดับนักรบ แม้จะเล็กน้อยก็มีความแข็งแกร่ง สำหรับคนเช่นชายวัยกลางคนระดับปรมาจารย์นักรบที่เธอเคยพบในป่าเก้าหมอบก่อนหน้านี้ พละกำลังเขานั้นเทียบเท่ากับเสาหลักประจำตระกูล
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายก็เป็นแค่ปรมาจารย์นักรบผู้มีพลังเร้นลับขั้นกลาง
วันนั้น เขาที่มีพลังเร้นลับขั้นกลางของระดับปรมาจารย์นักรบก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดรวมพลังของเธอที่ฝึกฝนออกมาในวันนี้ ซ้ำยังเข้าถึงระดับนักรบที่มีพลังเร้นลับขั้นเริ่มต้นที่สองแล้วซะด้วย
ขณะที่เธอถอนหายใจเบาๆ และลืมตาขึ้นช้าๆ ในหัวเธอก็มีเสียงประหลาดใจของหงส์ไฟน้อยดังลอยมา
“เจ้าผู้หญิงโง่ ข้าทำลายชั้นอาคมด้านในห้วงมิตินี้แล้ว เจ้าเข้ามาลองดูเร็ว!”
ในดวงตาฉายแววแปลกใจ เธอใช้ดวงจิตแวบตัวเข้าไปในห้วงมิติ พอเข้ามา เธอก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้
“นี่คือ…”
“เป็นอย่างไรล่ะ? ข้าเคยบอกไว้ไง ว่าพละกำลังของข้านั้นร้ายกาจมาก? เขตอาคมที่ตาแก่นั่นไม่ได้ทำลาย ข้าจัดการให้แล้ว”
หงส์ไฟน้อยมองเธออย่างได้ใจ ก่อนจะพูดอีกว่า “ก็ไม่รู้ว่าเจ้ามีโชคดีอะไรนัก ถึงได้มาพบกับโลกในห้วงมิติที่หาเจอได้น้อยยิ่งเช่นนี้ มาฝึกวิชาในนี้สิ หนึ่งวันด้านนอกเทียบเท่ากับเวลาสามวันของด้านในนี้เลยนะ”
พอได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้สึกว่ามันช่างน่าเหลือเชื่อ เพราะตั้งแต่เข้ามาเธอก็สังเกตุเห็นแล้ว ว่าหลังจากชั้นอาคมที่เคยขวางกั้นไว้ถูกทำลาย พลังวิญญาณด้านในนี้ก็คละคลุ้งอย่างมาก
…………………………………….