Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 608

№ 608 สายตาเลื่อนลอย

เฟิ่งจิ่วที่จากไปเดิมคิดจะไปพบท่านพ่อเสียก่อน แต่ได้ยินองครักษ์บอกว่าบิดากำลังคุยเล่นอยู่กับผู้ครองแคว้นอื่น ดังนั้นเธอจึงไปหาท่านปู่ก่อน

ทว่าเธอกลับหาตัวเขาในตำหนักไม่พบ หลังจากถามถึงจะรู้ว่าที่แท้เขาไปยังป่าไผ่ในวัง

“เจ้าพาหงส์ไฟน้อยไปหาเหลิ่งหวา จากนั้นก็ไปเดินเล่นตามใจชอบเถอะ” เธอสั่งการ ให้สัญญาณเหลิ่งซวงพาหงส์ไฟน้อยไปหาเหลิ่งหวา

“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ แล้วมองหงส์ไฟน้อย

หงส์ไฟน้อยมองเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะตามเหลิ่งซวงออกไปโดยไม่พูดอะไร

เฟิ่งจิ่วมาที่ป่าไผ่ในวังเป็นครั้งแรก เพราะเธอไม่ค่อยพักอยู่ในวัง สถานที่แห่งนี้แค่เคยได้ยินเท่านั้น วันนี้เพิ่งมาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรก

เดินไปด้านในได้สักระยะ เห็นต้นไผ่เขียวขจีสะท้อนสู่สายตา เมื่อกลิ่นหอมไผ่จางๆ กระจายไปกลางอากาศตามสายลมแผ่วเบา จิตใจก็สงบลงไปด้วย

เธอเดินไปด้วยฝีเท้านวยนาด อาจเพราะจิตใจสงบ เวลานี้จึงคิดถึงเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่จากไปสองเดือนกว่าแล้วขึ้นมา ผ่านไปนานเพียงนี้ เขาคงกลับถึงจักรวรรดิแล้วกระมัง?

พิษเหมันต์พันปีในร่างเขายังไม่รักษา ยาเม็ดระงับอาการพวกนั้นเกรงว่าคงประคองไว้ไม่ได้นานมาก หลังจากกลับไป ทางนั้นจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่สามารถปรุงยาแก้ให้เขาได้จริงๆ หรือไม่?

นึกได้ว่าในห้วงมิติยังมีเลือดเขาอยู่ขวดหนึ่ง รอเสร็จจากงานแต่งท่านปู่ค่อยหาเวลานำมาศึกษาเสียหน่อย เธอไม่เชื่อหรอกว่าด้วยพรสวรรค์ด้านยาของเธอจะรักษาพิษเหมันต์พันปีนั้นไม่ได้

เมื่อมาถึงด้านใน ก็เห็นเพียงผู้เฒ่าชุดเทากำลังนั่งขัดสมาธิหลับตาฝึกบำเพ็ญบนก้อนหินใหญ่กลางป่า อาจเพราะบรรลุกลายเป็นจักรพรรดินักรบ เส้นผมที่เคยเป็นสีเงินขาวจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาขาว รูปลักษณ์เขาก็ไม่แก่ชราเหมือนเดิมแล้ว แต่ดูอ่อนวัยลงกว่าเมื่อก่อนสิบปี

สุดท้ายเขาก็ไม่อาจบรรลุกลายเป็นนักรบทรงเกียรติได้

จริงอยู่ว่าการกลายเป็นนักรบทรงเกียรติภายในเวลาสั้นๆ เพียงนี้ แม้มียาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน น่าเสียดายที่ด้านการกลั่นยาเซียนของเธอยังขาดความชำนาญอยู่ แม้ตั้งใจจะปรุงกลั่นยาคืนรูปลักษณ์ แต่สุดท้ายยังต้องศึกษาและเข้าใจด้านยาเซียนอย่างลึกซึ้ง

อาจเพราะรู้สึกถึงการมาของนาง ผู้เฒ่าที่เดิมทีหลับตาอยู่จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อสายตาหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่ว ในดวงตาก็เผยความรักใคร่เอ็นดู

“แม่หนูเฟิ่ง มาแล้วทำไมถึงยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เล่า?”

เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มออกมา ยิ้มพลางเดินเข้าไป “ข้าอยากดูว่าท่านปู่จะสังเกตเห็นว่าข้ามาเมื่อไรน่ะสิเจ้าคะ!”

“เหอะๆ เจ้าเข้าป่าไผ่มาปู่ก็รู้แล้ว” เขาพูดยิ้มๆ ทำท่าเชื้อเชิญให้นางเข้ามานั่งลงบนก้อนหินใหญ่ ถามว่า “ข้าได้ยินพวกองครักษ์บอกว่าเจ้าเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ ออกมาตั้งแต่เมื่อใด?”

ระหว่างพูด สายตาเขากวาดผ่านไปบนร่างนาง เมื่อเห็นว่านางบรรลุถึงระดับบรรพชนนักรบก็แปลกใจเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ “เจ้าเป็นบรรพชนนักรบแล้ว?” กลายเป็นบรรพชนนักรบภายในเวลาสั้นๆ เพียงนี้ พรสวรรค์นางช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ

เฟิ่งจิ่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และมานั่งลงข้างกายเขา

เธอไม่ได้เก็บซ่อนวรยุทธ์ เขาจึงมองออกได้ แต่เขาทำได้เพียงเห็นวรยุทธ์พลังเร้นลับ ส่วนวรยุทธ์พลังวิญญาณกลับเขามองไม่เห็น

“เดิมทีจะบรรลุผ่านบรรพชนนักรบ แต่ถึงตรงนี้แล้วก็ติดขัดบรรลุขั้นไม่ได้มาตลอด ดังนั้นข้าจึงไม่ฝึกบำเพ็ญต่อ คิดว่าค่อยเป็นค่อยไปแล้วกันเจ้าค่ะ!”

เธอหรี่ตายิ้ม มองเขาพลางถามด้วยความสงสัย “ท่านปู่ ท่านน้าซู่ซีมาถึงที่นี่แล้ว ท่านจะแอบๆ ไปดูสักหน่อยไหมเจ้าคะ?”

ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าผู้เฒ่าเฟิ่งก็เผยแววอึดอัดใจ กระแอมไอเบาๆ ขณะที่สายตาเลื่อนลอย…

……………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!