№ 673 สาวงามขวางทาง
“โอ้? เจ้าโกรธเป็นด้วยหรือ? ฮ่าๆๆ เจ้าโกรธให้ดูหน่อยสิ!”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองพวกเขาและไม่ได้พูดอะไร ไม่มีใครเห็นว่ามือเธอใต้แขนเสื้อขยับเล็กน้อย เธอเงยหน้ามองใบไม้ต้นข้างๆ ที่ถูกลมพัดไหวเบาๆ แล้วค่อยๆ ยกแขนขึ้นทัดผม
ไม่กี่ชั่วอึดใจเธอมองนักเรียนพวกนั้นพลางก้าวเดินต่อไป คิดว่าวันนี้ไม่ได้เจอพี่ชายเธอ เช่นนั้นค่อยมาครั้งหน้าดีกว่า! อืม หรือไม่ก็ให้พี่ชายเธอไปหายังได้ อย่างไรซะวันนี้หากการเคลื่อนไหวที่นี่แพร่ออกไป เขาคงรู้ว่าเธอมาหา
“เจ้าหนู ใครอนุญาตให้เจ้า…”
คำว่า ‘เดิน’ ยังไม่ทันเอ่ยออกมา สองขานักเรียนคนนั้นที่คิดจะก้าวเข้าไปดึงตัวหนุ่มน้อยก็อ่อนยวบ ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าและล้มลงพื้นเพราะแรงเฉื่อยทันที
“อ๊าก!”
“เฮือก!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงอุทานดังขึ้นเรื่อยๆ นักเรียนพวกนั้นที่อยู่ใต้ลมแต่ละคนร่างอ่อนยวบล้มลงบนพื้นแม้แต่ยืนยังทำไม่ได้ ส่วนพวกที่อยู่เหนือลมก็ตกใจกับภาพตรงหน้า ทุกคนล้วนถลึงตาจ้องมองเฟิ่งจิ่ว
“เจ้า! เป็นเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าเป็นนักเรียนสำนักยา เจ้าต้องลูกไม้กลโกงอะไรแน่ๆ”
นักเรียนพวกนั้นที่อยู่เหนือลมกำลังด่าทอ ก็เห็นหนุ่มน้อยชุดฟ้ายกมือขึ้นพลิกสะบัดกระแสลมมาปะทะหน้า พวกเขาสูดเข้าไปตามสัญชาตญาณ รอจนมีปฏิกิริยาโต้ตอบคิดจะกลั้นลมหายใจก็ไม่ทันเสียแล้ว เพียงรู้สึกว่ากลิ่นอายนั้นแล่นเข้าสู่ร่างกาย เวลาต่อมาสองขาก็อ่อนเปลี้ยทรุดลงกับพื้น
เฟิ่งจิ่วเห็นนักเรียนสำนักพลังวิญญาณรอบข้างทรุดลงไปทีละคนๆ กล่าวอย่างจนใจยิ่ง “บอกพวกเจ้าว่าอย่าขวางทางดันไม่ฟังเสียนี่ แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรกับพวกเจ้าดี?”
เหล่านักเรียนแต่ละคนต่างถลึงตามองเด็กหนุ่มชุดฟ้าที่มีสีหน้าจนปัญญาอย่างโกรธเกรี้ยว คิดว่าเขาช่างต่ำช้าไร้ยางอาย! หากจะลงมือแค่นิ้วเดียวพวกเขาก็บดขยี้เขาได้!
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขา ราวกับเดาว่าพวกเขาคิดอะไรในใจ ก่อนจะเผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา “พวกเจ้าควรดีใจว่าที่ข้าใช้เป็นยา”
เธอสะบัดแขนเสื้อและก้าวเดินไปข้างหน้า ทว่าร่างสีขาวกลับกรีดกรายร่อนลงตรงหน้าเธอ
“รุ่นน้องคนนี้ ข้านามว่าโจวเซวียน เป็นนักเรียนสำนักพลังวิญญาณ ข้าอยากถามว่าขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนี้ตรงเอวเจ้าขายต่อได้หรือไม่? ข้าซื้อในราคาสูงได้นะ”
โจวเซวียนผู้สวมเครื่องแบบนักเรียนสีขาวของสำนักพลังวิญญาณมองหนุ่มน้อยชุดฟ้าตรงหน้าด้วยแววตางดงามที่มีความอ่อนโยน น้ำเสียงทั้งแผ่วเบาและเสนาะหู นุ่มนวลประทับใจเหล่าบุรุษ ทำให้คนหัวใจอ่อนปวกเปียก จนแทบอยากจะมอบขนนกเคลือบหลากสีชิ้นนั้นที่ตนเองครอบครองให้ด้วยสองมือแลกกับความรักจากสาวงาม
เฟิ่งจิ่วพินิจมองสาวน้อยชุดขาวที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า เห็นนางอายุแค่สิบหกสิบเจ็ดเหมือนกัน รูปโฉมมีความงามชดช้อย กลิ่นอายบนร่างยิ่งอ่อนโยน น่าเสียดายที่ความหยิ่งผยองตรงกลางหว่างคิ้วนั้นทำลายสิ้นซึ่งความงาม ทำให้นางดูลดทอนลงไปมาก
เทียบกับความงามของเยี่ยจิง สาวน้อยนามโจวเซวียนคนนี้ด้อยกว่าไม่น้อยเลย
ใช่ เยี่ยจิงไม่เพียงเป็นหนึ่งในสิบผู้มีพรสวรรค์ ยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับของสำนักศึกษา ความโดดเด่นไม่ใช่ที่คนทั่วไปจะเทียบได้
เห็นสายตาหนุ่มน้อยชุดฟ้าตรงหน้ากำลังพินิจมองบนร่างตนเอง โจวเซวียนฝืนกลั้นความเกลียดชังและรักษารอยยิ้มอบอุ่นไว้ พลางมองเด็กหนุ่มชุดฟ้าตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยนมีความเหนียมอายบางส่วน
ก่อนหน้านี้เหลือบมองแค่เผินๆ ยามนี้ดูใกล้ๆ ถึงพบว่าหนุ่มน้อยคนนี้หน้าตางดงามเช่นนั้น
ความซุกซนร่าเริงตรงกลางหว่างคิ้ว ท่าทีมั่นใจในแววตา และความแพรวพราวสะดุดตา ทำให้คนเห็นแค่แวบเดียวก็ไม่อาจละสายตาได้อีก
……………………….